ในทุกๆปีมันมักจะมีภาพยนตร์แนวสงครามดีๆไม่มากก็น้อยออกสู่สายตาของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจอเงินหรือฝั่งทางด้านจอแก้ว ต่างก็ขนภาพยนตร์แนวนี้ลงมาให้ได้ชมกันอยู่เนืองๆ All Quiet on the Western Front เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากๆอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ ที่สตรีมมิ่งชื่อก้องโลกอย่าง Netflix จัดมาให้เราเหล่าคนดูได้ดูกันแบบมันส์ๆ อย่างเต็มหูเต็มตานับว่าเป็นงานฝีมือของผู้กำกับอย่าง เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากฝีมือชาวเยอรมัน เพื่อคนเยอรมันโดยเฉพาะและยังต็าซเผื่อคนทั้งโลก เราจะได้เห็นกันบ่อยๆสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ All Quiet on the Western Front 1930 กำกับโดย Lewis Milestone เวอร์ชันที่สองในปี 1979 กำกับโดย เดล เบิร์ต แมนน์ ก็เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจของผู้เขียนอีกเรื่องเช่นกัน แต่เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากงานเขียนชื่อดังของ Erich Maria Remarque ที่เขียนขึ้นเป็นแนวนวนิยายชื่อเดียวกันในปี 1929 แต่พอมากลายเป็นภาพยนตร์มีนก็ดีอย่างไม่น่าเชื่อเล่าย่อๆเรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อหนุ่มน้อยชายชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่งที่พากันโกหกเรื่องอายุเพื่อที่จะเข้าไปเกณฑ์ทหาร เพื่อรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่แล้วเรื่องราวของสงครามที่พวกจัดหากองกำลังพูดปลุกใจมันได้ได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิด เพราะความวินาศสันตะโร แห่งสงครามกำลังรอพวกเขาอยู่ พวกเขาจะรอดได้หรือไม่ต้องติดตาม“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / All Quiet on the Western Front / แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ภาพยนตร์ที่ไม่ได้สงผ่านหาผู้ชมแค่ให้ได้รับความบันเทิงเท่านั้น แต่ภาพยนตร์ก็ยังสะท้อนให้เราเหล่าคนดูเห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ภาพยนตร์มนภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าล้อไปกับบทภาพยนตร์ได้อย่างมีเสน่ห์ อีกเรื่องเพราะการเล่าเรื่อง โดยใช้การทำงานกับการเล่าโดยใช้เทคนิคภาพอย่าง Landscape และการเล่าฉากให้ออกมาสวยงามอย่างการใช้แสงในการช่วยการถ่ายทำอย่างแนว Time lapse นำมาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มันเลยทำให้ภาพยนตร์ดูงายงามและน่า หลงใหลเป็นที่สุด ส่วนตัวผู้เขียนจะชอบการร้อยเรียงฉากแนวนี้อยู่แล้วเพราะมันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากภาพยนตร์ที่สื่อออกมา มากกว่าการที่ภาพยนตร์ยัดเยียดให้เราเห็นแต่ตัวละครหรือฉากความโหดร้ายของภาพยนตร์ ถึงแม้ภาพยนตร์จะไม่ได้ทำให้เราเห็นถึงฉากสงครามเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ไม้ได้ทำให้ภาพยนตร์ลดทอนความสนุกลงไปได้แม้แต่น้อย เพราะฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าลึกลงไปมากว่าที่ควร สงคราม ผู้คน มิตรภาพ ความขัดแย้ง การเมือง เผด็จการ หรือแม้แต่ความเป็นมนุษย์ ภาพยนตร์ใส่ฉากเล่านี้เข้ามาในเรื่องได้อย่างแนบเนียน ถึงแม้จะมีคำบรรยายการเปลี่ยนไทม์ไลน์ของฉากต่างๆได้ดี แต่หากคนที่ไม่ค่อยได้ดูหรือศึกษาความเป็นมาของประวัติศาสตร์สงครามก็ยากเกินกว่าที่จะตามเรื่องราวได้ทัน เพราะการเปลี่ยนฉากที่ประเดประดังเกินไปจึงเป็นช่องโหว่ของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ 2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / ภาพยนตร์แนวสงครามที่ไม่ได้เล่าแค่เรื่องของสงคราม ผู้เขียนชอบมากๆที่ภาพยนตร์เล่าลึกลงไปได้มากว่าที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะทำออดมาได้ บทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยเนื้อหา วลีเด็ดคำโดนๆ ความหมายของชีวิต หรือแม้แต่การตั้งประเด็นถึงความหมายของสงคราม สิ่งเหล่านี้ต้องยกนิ้วให้ผู้เขียนบทอย่าง เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ จากบทที่เขาเขียนร่วมกับ เลสลีย์ แพ เทอร์สัน และ เอียน สโตเคลล์ สามผู้สร้างกลายมาเป็นบทภาพยนตร์ที่มีความยาวมากกว่า 2 ชั่วโมง 28 นาที 48 วินาที นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีความเข้าใกล้เคียงกับภาพยนตร์ในปี 1930 เลยก็ว่าได้ ที่อัดแน่นไปด้วยพล็อตเล็กพล็อตน้อยประเด็นเล็กประเด็นน้อยและเรื่องราวของความเป็นคนที่นำมาสอดแทรกได้อย่างน่าหลงใหล บทภาพยนตร์แบ่งออกได้อย่างชัดเจน “เอาเนื้อให้หมา ยังไงหมาก็ต้องกิน เอาอำนาจให้คน คนก็กลายเป็นปีศาจ” DIALOG หนึ่งที่ตัวละครเล่าออกมา ทำให้เราเหล่าคนดูเป็นถึงความมีอำนาจของคนใหญ่คนโต ที่จะชี้พวกเขาให้ไปไหนก็ได้ กลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มที่อยากจะหยุดความโหดร้ายของสงคราม แม้แต่จะเสียเปรียบและศักดิ์ศรีแต่ไหนก็ตาม และอีกกลุ่มคือกลุ่มของตัวละครหลักที่ถามหาความหมายของสงครามได้อย่างไม่เคอะเขิน ภาพยนตร์เล่าล้อบทภาพยนตร์ออกมาได้อย่างชาญฉลาดและไม่เคอะเขินเลยแม้แต่น้อย ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีบทภาพยนตร์ที่แข็งเอามากๆอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ 3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / ตัวละครต่างๆของภาพยนตร์เล่าออกมาได้อย่างมีมิติในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นนายพลผู้บังคับบัญชา เอกอัครราชทูตเยอรมันผู้ไม่ยอมเสียคนในชาติเพื่อสงคราม หรือแม้แต่กลุ่มทหารเกณฑ์ที่ต้องจากบ้านห่างเมือง มานอนท่ามกลาวงห่ากระสุนเพื่อทุกคนในชาติ ภาพยนตร์ได้เสนอความเป็นมนุษย์ได้อย่างมีชั้นเชิงมากๆ ในทุกตัวละครอย่างนายพลผู้บังคับบัญชา มีความรักชาติยอมเสียสละเผื่อชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนในการปกตรอง เอกอัครราชทูตเยอรมันผู้เห็นความถูกต้องและความสงบสุขของประชาชนชาวเยอรมันต้องมาก่อน และกลุ่มตัวเอกของเรื่องซึ่งเป็นตัวละครที่มีมิติทุกตัว ภาพยนตร์ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของการเติบโตไปข้างหน้าเหมือนภาพยนตร์แนวอื่น เพราะภาพยนตร์แนวสงครามต้องเล่นกับความหดหู่กับสงครามและจิตใจของมนุษย์ ตัวละครทุกตัวจึงเป็นตัวละครที่มีมิติ มีความเทาๆในตัวรู้จักคิดรู้จักการใช้ชีวิตและรู้จักการหวงแหนชีวิต อย่างในช่วงที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง “พอล” ที่กองทัพเยอรมันโดนไล่ต้อนจากทหารฝรั่งเศส เขาได้ลงมือฆ่านายทหารคนหนึ่งแต่ด้วยความที่เป็นสตรูเขาจึงต้องฆ่าทหารฝั่งตรงข้ามให้ได้ ช่วงภาพยนตร์ที่เผยฉากนี้ออกมาแม้ว่าจะสั้นๆ เราก็ได้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละครได้อย่างไม่ต้องสงสัย นายทหารฝรั่งเศสใกล้จะสิ้นใจความเป็นมนุษย์ก็เกิดขึ้น “พอล” ตัวเอกของเรื่องนี้ที่ลงมือฆ่าชายตรงหน้าเข้าพยายามทำให้ชายคนนั้นตาย แต่ความตายก็ไม่ได้นำเขาไปในทันทีชายคนนั้นทรมานจากการที่เข้าขาดอากาศหายใจ “พอล” เห็นเพื่อนมนุษย์ต้องมาตายเพียงเพราะว่าเป็นศัตรู เขาเลยเกิดคิดได้ว่าเราคนหนึ่งต้องมาจบชีวิตเพียงเพราะเรื่องแค่นี้เองหรือ ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องของมิติตัวละครได้อย่างไม่เคอะเขินจริงๆ4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / เพราะเหตุใดเราจึงลุกลานบ้านของคนอื่นเพื่อแค่อยากครอบครองดินแดนผืนนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอภาพยนตร์ของสงครามได้อย่างแสบสัน ที่ว่าแสบสันเพราะเล่าลึกลงไปถึงการสุญเสียครั้งสงครามได้อย่างมีมิติ นำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามได้อย่างน่าสนใจแล้วยังเสนอความหมายได้อย่างหฤหรรษ์ และ หฤโหด ในเวลาเดียงกัน ภาพยนตร์ของสงครามเขาจะเห็นถึงความโหดร้ายของสงครามการตายภาพศพและความเสียหายที่เกิดจากสงคราม และอีกมุมหนึ่งเราจะได้เห็นมิตรภาพของผ่องเพื่อนที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันอย่างตรงไปตรงมา ภาพยนตร์เน้นที่สองประเด็นนี้ได้อย่างน่ายินดีและชาญฉลาด ประเด็นตกผลึกที่ผู้เขียนได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อเราถูกกระทำการกระทำเช่นเดียวกันมันก็ทำให้เรากลายเป็นศัตรูกันได้ อย่างที่ภาพยนตร์เสนอให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า สงครามไม่ได้มีอะไรน่ายินดีหรือน่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย แต่เราจะมาเห็นมันในช่วงท้ายของภาพยนตร์ ที่กลุ่มตัวเอกไปขโมยห่านของชาวบ้านฝรั่งเศส และหนึ่งในนั้นดันเสียชีวิต เราจะเห็นและคิดได้ทันทีว่า แค่การรุกรานด้วยการขโมยมันก็ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งตายได้ แล้วถ้าเป็นการรุกรานประเทศละอะไรมันจะเกิดขึ้น “อันนี้หน้าคิด” เราจะกลับกลับเยี่ยงวีรบุรุษ หรือ ยอมกลับอย่างหมาขี้แพ้ ภาพยนตร์ยังเปิดประเด็นต่อให้เราเหล่าคนดูเก็บไปคิดได้จากวลีเด็ดที่ภาพยนตร์นำเสนอ5 “คัท !!!!”ต้องบอกเลยว่า หากมีจอทีวี OLED ดีๆสักเครื่องเราจะได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเต็มหูเต็มตาและได้อรรถรส มากที่สุด เพราะฉากส่วนใหญ่ใช้โทนที่เป็นแนวอบอุ่น แต่ฉากที่อยู่ในความมืดคือของจริง อันนี้ผู้เขียนแนะนำ ลายละเอียดของภาพยนตร์มันจะนำเราเข้าสู่โลกของภาพยนตร์ได้อย่างน่าหลงใหล ภาพยนตร์ที่การันตีด้วยทีมนักแสดง การันจีด้วยนิยายที่เคยโด่งดังมาก่อนหน้า และยังการันตีด้วยทีมสร้าง ถอดเรื่องราวความโหดร้ายของสงครามออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน ถึงแม้จะมีบางจุดที่ประเดประดังอยู่บ้างแต่ภาพยนตร์ก็ไม่ได้ทำให้คนดูอย่างเราๆงวยงงหรือค้างคากับเรื่องราวของภาพยนตร์ แต่ทิ้งไว้กับคำถามมากมายที่ชานให้คิดวดีเด็ดที่น่าสนใจ เรื่องราวที่ตัดจบแบบตัวใจแต่สวยงาม มันเลยการเป็นภาพยนตร์สงครามดีๆของปีนี้อีกเรื่องเลยก็ว่าได้ Mood & Tone ก็จัดว่าเด่น และ สกอร์ประกอบของภาพยนตร์ถือว่าทำออกมาได้ดีและน่าสนใจมากๆ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ชอบในเรื่องของสกอร์ประกอบภาพยนตร์ และเรื่องนี้ถึงจะดูเรียบง่ายแต่ก็สร้างความพิลึกพิลั่นผสมผสานความพิลึกกึกกือ ได้อย่างน่าหลงใหล อย่างในผู้อ่านไปลองชมด้วยตัวเอง ด้านของงานภาพของทำออกมาได้อย่างต็าซ การเล่าฉากผ่านเรื่องราวของ Landscape และ Time lapse ออกมาได้อย่างสวยงามและน่าสนใจ บวกเข้ากับบทภาพยนตร์ที่ทรงพลังมันเลยชูให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเข้าท่าเข้าทางอย่างไม่ต้องสงสัย และเรื่องของความหมายประเด็นตกผลึกที่มีมายมายหลากหลายมิติหากท่านผู้อ่านได้รับชมด้วยตัวเองอาจจะได้ความหมายของภาพยนตร์ที่แตกต่างกันออกไปก็เป็นได้ ทั้งเรื่องสงคราม ความเป็นมนุษย์ เกียรติยศศักดิ์ศรี หรือเรื่องราวของชีวิต ประเทศชาติ ความรัก ร่วมไปจึงถึงความตาย ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจทั้งสิ้นที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้“ไม่นานหลังจากเริ่มการรบเมื่อเดือนตุลาคม 1914 แนวรบด้านตะวันตกกลายเป็นการทำสงครามสนามเพลาะ ตอนสงครามยุติในเดือนพฤศจิกายน 1918 แนวหน้าแทบไม่ขยับแม้แต่น้อย มีทหารล้มตายไปกว่าสามล้านนายที่นี่ บ่อยครั้งเพียงเพื่อขยับไปข้างหน้าแค่ไม่กี่ร้อยเมตร มีคนเสียชีวิตเกือบ 17 ล้านคนในสงครามโลกครั้งที่ 1”ประเด็นตกผลึกจากผู้เขียน (ภาพความโหดร้ายของสงคราม มันจึงไม่ใช่คนสองฝ่ายที่ต่อสู้กันอยู่ แต่มันคือการต่อสู้กับจิตใจของตัวเองในฐานะมนุษย์) - จิปาถะ และ อรรถรส(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก allquietonthewesternfrontmovie / Netflix / tiff.net - ปก / 1 / 2 (1ลิ้งค์มี8ภาพ) / 3 (1ลิ้งค์มี8ภาพ) / 4 (ภาพจากเว็บทีมสร้างภาพยนตร์) / 5 (1ลิ้งค์มี4ภาพ) / 6 (ภาพจากเว็บทีมสร้างภาพยนตร์) / 7 (ภาพจากเว็บทีมสร้างภาพยนตร์) / 8 (1ลิ้งค์มี8ภาพ) / 9 (1ลิ้งค์มี8ภาพ) / 10 (1ลิ้งค์มี8ภาพ) / 11 (ภาพจากเว็บทีมสร้างภาพยนตร์) / 12 (1ลิ้งค์มี4ภาพ)ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมและในวันนี้ก่อนจากกันไปบอกเราหน่อยว่าผู้อ่านเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง All Quiet on the Western Front / แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอะไร อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วท่านจะไม่พลาดเหล่าคอนเทนต์ใหม่ๆที่ทาง จิปาถะ และ อรรถรส จัดมาให้ ด้วยเน้อ ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลก์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่ 1 : (ต้องมียอดไลก์เกิน 150 ไลก์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลก์เกิน 50 ไลก์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***