สมัยตอนเป็นเด็ก แถวชนบทเวลามีการจัดงานอะไรขึ้นมา ตอนกลางคืนผมมักจะชอบออกไปเที่ยวตามงานอยู่เสมอ และคืนวันนี้ก็มีงานวัดจัดขึ้นที่หมู่บ้านข้าง ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็บอกพ่อแม่ให้รู้ก่อนและแวะไปชวนเพื่อนสนิทไปดูหนังกลางแปลงด้วยกัน"ไอ้โต้! อยู่บ้านหรือปล่าว" ผมร้องตะโกนถามเข้าไปในบ้าน ครู่หนึ่งเพื่อนผมที่ชื่อโต้ก็โผล่หน้าออกมา"มีอะไรวะ""กูจะมาชวนมึงไปดูหนังกางแปลงที่หมู่บ้านข้างๆ เนี่ย ไปด้วยมั้ย""เออ ว่าจะไปชวนมึงอยู่พอดีเลย แต่รอกูหน่อยนะ เดี๋ยวแต่งตัวแปบนึง"โต้หลบเข้าไปแต่งตัวในบ้านซักพัก ผมก็นั่งรอตรงหน้าบ้านไม่นานมันก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ผมกับเพื่อนสองคนเดินไปตามถนนลูกรังโดยมีไฟฉายส่องทางกันคนละกระบอก สมัยนั้นไฟตามถนนก็ยังไม่มี ทำให้สองข้างทางที่เต็มไปด้วยทุ่งนากับป่านั้นมืดสนิทและดูวังเวง แต่ตอนขาไปคนจากหมู่บ้านผมค่อนข้างเดินไปดูหนังกันเยอะ จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างครึกครื้นด้วยเสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินนำกันไปเป็นกลุ่ม ๆ พอถึงวัดพวกผมสองคนก็พากันนั่งดูหนังกางแปลง ดูได้แค่สองเรื่อง โต้ก็ชวนผมกลับบ้าน มันบอกว่ารู้สึกปวดหัวไม่สบายขึ้นมา ผมก็ต้องจำใจกลับไปกับมันแม้ใจจะอยากดูหนังต่อก็ตามรูปภาพ https://unsplash.com/photos/tLNRTxieD7kขากลับบรรยากาศแตกต่างจากตอนขามาอย่างมาก ด้วยอากาศที่เย็นลง อีกทั้งผู้คนที่มาด้วยกันเป็นกลุ่มก็ยังพากันดูหนังอยู่ที่งานวัดกันหมด ในตอนนี้จึงมีแค่พวกผมสองคนที่เดินกันมาบนถนนเปลี่ยวและมืด"นี่ มึงเคยได้ยินเรื่องที่คนในหมู่บ้านเล่ากันหรือปล่าว" โต้เปิดประเด็นให้ผมสงสัย"หือ เรื่องอะไรวะ" ผมหันไปมองหน้าและเอ่ยถามเพื่อน"ถ้ามึงไม่รู้ก็ช่างเถอะ" มันไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาชิดข้างตัวผมเรื่อยๆ จนตอนนี้แทบจะเบียดกันเป็นปาท่องโก๋ ซ้ำยังเอามือมากำชายเสื้อของผมเอาไว้จนแน่นอีกด้วย ผมรับรู้ได้ถึงความผิดปรกติของเพื่อนที่แสดงออกผ่านอาการนั้นจนต้องหยุดถาม"มึงเป็นอะไรของมึง"ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้น"มะ..ไม่มีอะไร""ไม่มีอะไรแล้วจับเสื้อกูแน่นเลยเนี่ยนะ มึงกลัวผีเหรอ"มันพยักหน้าเป็นคำตอบ ผมรู้สึกขำจนหลุดหัวเราะออกมา และรีบพามันเดินต่อจะได้กลับถึงบ้านไว ๆรูปภาพ https://unsplash.com/photos/2OJhvhpXrZAจนเดินมาถึงบริเวณที่มีต้นมะพร้าวต้นหนึ่งยืนต้นอยู่กลางทุ่งนาติดกับถนน แสงเดือนที่สาดแสงลงมาทำให้มองเห็นได้ทั่วบริเวณ ทุ่งนาในบริเวณนั้นเป็นทุ่งโล่งๆ ต้นมะพร้าวจึงดูเด่นกว่าใครเพื่อนผมที่กำลังซอยเท้าเดินอยู่ก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อไอ้โต้เพื่อนผม มือของมันที่จับเสื้อผมอยู่มีอาการสั่น จนผมรู้สึกได้และหยุดถามมันอีกครั้ง"โต้ ทำไมมึงสั่นแบบนี้ล่ะ อาการมึงหนักมากป่ะเนี่ย"ไม่มีอะไร ระ..รีบเดินเถอะ" มันยังพูดคำเดิม แต่สำหรับผมแล้วไม่เชื่อกับคำคอบนั้นเลย พยายามยืนเค้นคำตอบจากมัน จนมันเอ่ยพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆสีหน้าซีดเผือก"เมื่อกี้ กู..หะ..เห็นผี"คำตอบของมันทำเอาผมขนลุกซู่ จากปรกติเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวอะไร แต่ผมรู้ดีว่าเพื่อนผมคนนี้ไม่ใช่คนขี้โกหก บวกอาการที่มันแสดงออกมา ทำให้ผมรู้ว่ามันพูดนั้นคือเรื่องจริงแน่นอน"ผีเผอมีที่ไหนกันเล่าเลอะเทอะ ไข้มึงขึ้นแล้วคิดไปเองมากกว่า" ผมทำใจดีสู้เสือ แต่ในใจตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้โต้ ผมรู้สึกกลัว"ตะ..แต่กูเห็นจริงๆนะ""เฮ้ย อย่ามาพูดเล่นนะ ไม่ตลกนะเว้ย""มะ..ไม่เชื่อมึงก็ดูต้นมะพร้าวนั่นสิ"พอมันบอก ผมเหลือบมองไปทางต้นมะพร้าว ก็เห็นเงาสีดำตะคุ่มเหมือนคนกำลังเกาะอยู่ระหว่างกลางลำต้น ซึ่งต้นมะพร้าวมันสูงมาก แล้วใครล่ะจะมาปีนต้นมะพร้าวในเวลาแบบนี้ ผมก้าวขาไม่ออก เพื่อนผมก็มีอาการไม่ต่างจากผม เราสองคนตัวแข็งทื่อ สายตาพากันมองจับจ้องไปที่ร่างตะคุ่มที่เกาะบนต้นมะพร้าว และเหมือนมันจะรู้ว่าตัวมันเองกำลังโดนมองอยู่ เงานั้นก็ได้ทิ้งตัวเองหงายหลังลงมาจากต้นมะพร้าวเหมือนคนกำลังตกต้นไม้ เสียงกระทบพื้นดัง ตุ๊บ!! นอนกองกับพื้นแน่นิ่งไป แต่แล้ว!! เงานั้นก็ดีดตัวลุก วิ่งไปปีนขึ้นบนต้นมะพร้าวต้นเดิมอีกรอบ มันปีนขึ้นไปจนถึงยอดอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาทีแล้วทิ้งตัวตกลงมากองที่พื้นเหมือนกับครั้งแรก แต่คราวนี้เงาที่ตกลงมานั้นลุกขึ้นมายืนนิ่ง และมีหัวที่เอียงพับติดไหล่เหมือนคอจะหัก แถมกำลังเหมือนตั้งใจยืนให้ผมกับเพื่อนดูกันกันชัดๆ ผมตกใจมากรีบยกไฟฉายส่องไปยังบริเวณนั้น แต่ภาพที่เห็นคือความว่างเปล่า ภาพเมื่อกี้หายไปแล้ว เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เห็นแค่ต้นมะพร้าวที่ยืนต้นเด่นภายใต้เงาของแสงจันทร์ ทีนี้ผมกับเพื่อนสองคนหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ซีดเผือก จากขาที่ก้าวไม่ออกคราวนี้กลับมามีเรี่ยวแรง รีบพากันวิ่งหนีตรงไปยังหมู่บ้านอย่างไม่คิดชีวิตรูปภาพ https://unsplash.com/photos/oC1sQVnf_EYเช้ามาพวกผมสองคนก็จับไข้ และได้เล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอมาเมื่อคืนให้ที่บ้านฟัง แม่ก็เล่าว่าตรงนั้น มีเด็กต่างหมู่บ้านมารับจ้างขึ้นมะพร้าวแล้วพลัดตกลงมาตาย มีคนเคยเจอเด็กคนนี้มาหลอกหลายคนแล้ว พอได้ฟังแบบนั้นแล้วก็นึกด่าเพื่อนในใจที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแต่แรก หลังจากวันนั้นมาผมก็ไม่กล้าที่จะเดินผ่านไปแถวนั้นในตอนกลางคืนอีกเลย และหลังจากหายไข้แล้ว ผมกับไอ้โต้ก็พากันไปทำบุญกรวดนั้ำให้เด็กที่ตกต้นมะพร้าวคนนั้นให้วิญญานเขาไปสู่สุคติ...