ช่วงนี้เป็นช่วงของการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และการ Work From Home เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของไวรัส COVID - 19 โรคร้ายที่ยังคงสร้างความเสียหายต่อผู้คนทั่วโลกและยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววัน กิจกรรมการอยู่บ้านของใครหลายคนจึงพยายามมุ่งเน้นไปที่การคลายเครียดเพื่อลดความวิตกกังวลต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคือการรับชมหนังหรือซีรีส์เรื่องยาว ซึ่งปัจจุบันก็มีมากมายหลายเรื่องหลายแนว และจากหลากหลายชาติด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย และฝรั่ง ตลอดจนหลากหลายช่องทางให้ได้รับชมกันตลอด 24 ชั่วโมงแต่ทว่าเวลานี้มีซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่งที่กำลังกลายเป็นกระแส และถูกพูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ นั่นก็คือเรื่อง "Terius Behind Me" ที่ออกอากาศไปเมื่อปี 2018 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ว่ากันว่าเรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้กลับมีเนื้อหาที่ตรงกับสถานการณ์ในปัจจุบันซึ่งก็คือการระบาดของ COVID - 19 อย่างน่าเหลือเชื่อ กระทั่งมีคำกล่าวว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้พยากรณ์เหตุการณ์ในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2020) ได้อย่างแม่นยำซีรีส์เกาหลีเรื่อง Terius Behind Me เรื่องนี้นับเป็นซีรีส์ที่มีความหลากหลายในแง่อารมณ์ความรู้สึกมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้ง Romance, Drama, Comedy และ Action คือมีครบทั้งเรื่องราวความรัก ความโรแมนติก เรื่องราวชีวิต โศกนาฏกรรม ตลกเบาสมอง ฉากไล่ล่า ต่อสู้ลุ้นระทึก รวมไปถึงเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสอดผสานกลมกลืนกันอย่างลงตัว โดยในส่วนของนักแสดงนั้นเรียกได้ว่ามีซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนานของเกาหลีอย่าง "โซจีซบ" (So Ji - sub) เป็นพระเอก ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่รู้จักหรือเป็นโอปป้าของคนไทยหลายคน ซึ่งครั้งนี้เขารับบทเป็น "คิมบอน" สายลับของหน่วยงานข่าวกรองของรัฐบาล โดยประกบกับนางเอกหน้าหวานอย่าง "จองอินซอน" (Jung In-sun) ที่รับบทเป็น "โกแอริน" หญิงหม้ายลูก 2 ที่เพิ่งสูญเสียสามีไปอย่างเป็นปริศนาโดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อคิมบอน ได้ปฏิบัติภารกิจพิเศษเกี่ยวกับการสืบหาอาชญากรในคดีความมั่นคงของชาติ โดยคิมบอนซึ่งเป็นสายลับของหน่วยงานข่าวกรองของรัฐบาลที่ฝีมือนั้นอยู่ในระดับแนวหน้า มีความฉกาจฉกรรจ์ และเก่งรอบด้าน แต่ทว่าภารกิจนั้นเขาเกิดความผิดพลาดในการปฏิบัติการทำให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานและประเทศชาติ รวมทั้งยังทำให้คนรักของเขาต้องเสียชีวิต เขาจึงกลายเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด ซึ่งเรื่องราวที่ทางการคิดว่าเป็นความผิดพลาดของเขานี้ กลายเป็นปมปัญหาที่ทำให้เขาต้องหนีออกมาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และยังคงเฝ้าปฏิบัติภารกิจพิเศษนี้แบบลับ ๆ เพียงลำพัง เพื่อสะสางสิ่งที่เขาค้างคาไว้ ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังปฏิบัติการแบบลับ ๆ เพียงลำพังนี้ เขาต้องมาอาศัยอยู่ห้องพักตรงกันข้ามกับห้องพักของโกแอริน หญิงหม้ายลูก 2 ที่เพิ่งสูญเสียสามีไปอย่างกะทันหัน จึงทำให้ชีวิตแต่ละวันของโกแอรินเต็มไปด้วยความวุ่นวานโกลาหลทั้งการทำงานหาเงิน และความน่าปวดหัวในการเลี้ยงลูกทั้ง 2 ซึ่งเหตุการณ์ได้ดำเนินต่อเนื่องไปจนกระทั่งทำให้คิมบอนและโกแอรินได้พบปะกันจนไปสู่เรื่องราวความวุ่นวาย ความลุ้นระทึก ปมปริศนาซ่อนเงื่อน และความน่าสนุกสนานน่าติดตามที่ไม่ควรพลาดแม้แต่ตอนเดียวสาเหตุความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ แม้เป็นเรื่องที่ออกอากาศไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน แต่กลับได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในเวลานี้ก็เนื่องมาจากเนื้อหาในตอนที่ 10 ที่ได้กล่าวถึงการระบาดของไวรัสโคโรน่า (Corona Virus) ซึ่งกำลังระบาดและคร่าชีวิตผู้คนในเกาหลีใต้ โดยในซีรีส์บอกว่า ไวรัสโคโรน่าได้มีการกลายพันธุ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากการดัดแปลงโดยฝีมือมนุษย์เพื่อให้มีความรุนแรงมากกว่าไวรัสซาร์ส หรือเมอร์สหลายเท่าตัว โดยไวรัสโคโรน่าที่กลายพันธุ์ตัวนี้จะเข้าไปทำลายปอดอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีหลังจากที่สัมผัสเชื้อนี้ แถมมีระยะฟักตัวนานถึง 14 วัน โดยในซีรีส์ยังบอกอีกด้วยว่ายังไม่สามารถดำเนินการหรือวิจัยเพื่อหายารักษาหรือวัคซีนป้องกันใด ๆ ได้ รวมถึงยังมีฉากต่าง ๆ ที่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น การรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ล้างมือ หรือสวมหน้ากากอนามัย เป็นต้นหากพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าในซีรีส์ดังกล่าวอาจเป็นความบังเอิญอย่างพอเหมาะพอดี เพราะจากการหาข้อมูลขององค์การอนามัยโลกทราบว่าไวรัสโคโรได้น่ามีการค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 1960 และก็ได้กลายพันธุ์เรื่อยมาเป็นชื่อของไวรัสต่าง ๆ กระทั่งกลายพันธุ์มาในยุคของ COVID – 19 ในปัจจุบันซึ่งมีความรุนแรงมาก ด้วยการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่าที่มีความรุนแรงนี้จึงสอดคล้องตรงกับเหตุการณ์ในซีรีส์ Terius Behind Me เรื่องนี้อย่างน่าตกตะลึง เหมือนบอกเป็นนัยว่าอีกไม่นานโลกจะต้องพบกับกลายเป็นของไวรัสตัวร้าย ที่ชวนสงสัยว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์หรือการรังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติกันแน่สำหรับผู้เขียนเองเพิ่งกลับมาชมซีรีส์เรื่องนี้อีกครั้งก็หลังจากที่เป็นกระแสดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ได้รับชมจนจบแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นซีรีส์ที่มีความเข้มข้น ครบรส สนุกสนาน และเหมือนกำลังนั่งดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรน่า ซึ่งถ้าหากใครที่อยากรู้ว่าเรื่องราวในซีรีย์เรื่องนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไรก็สามารถติดตามรับชม Terius Behind Me เรื่องนี้ได้ทาง Netflix โดยมีความยาวด้วยกันทั้งหมด 16 ตอนคะแนน 9.5/10 ขอบคุณภาพประกอบจาก Terius Behind Me Official Page