หากพูดถึงหนังสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ สักเรื่อง ผมนึกถึงเรื่อง The Hundred Foot Journey เป็นอันดับต้น ๆ นอกจากความชอบส่วนตัวในตัวนักแสดงหลาย ๆ คนแล้ว เหตุผลอีกประการคือเนื้อหาสาระที่หนังพยายามจะสื่อ ซึ่งเป็นการนำเสนอท่ามกลางกลิ่นหอมอันตลบอบอวลของอาหารคาวหวานที่เชื้อเชิญให้น่ารับประทานยิ่ง รวมไปถึงความงดงามของฉากและสภาพทิวทัศน์อันสดใสสวยงามของเมืองทางตอนใต้ในประเทศฝรั่งเศสหนังได้เริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวอินเดียครอบครัวหนึ่งที่มีเหตุให้ต้องอพยพลี้ภัยมาเสี่ยงดวงชะตาในยุโรป ซึ่งฉากเปิดของเรื่องนั้นงดงามน่าประทับใจมาก ทั้งภาพของโทนสีที่สดใสสวยงามชวนให้เห็นถึงความเป็นเมืองแห่งสีสันของอินเดียได้เป็นอย่างดียิ่ง "ฮัสซาน" (รับบทโดย Manish Dayal) ตัวเอกของเรื่อง คือชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการทำอาหารตั้งแต่เยาว์วัย เขาและครอบครัวต้องอพยพมาอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นที่แรก แต่เมื่อพบว่าอังกฤษไม่ใช่คำตอบของครอบครัว พ่อของเขาจึงพาข้ามไปอีกประเทศคือฝรั่งเศสทันทีที่ถึงฝรั่งเศส นับว่าเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความทุลักทุเล แต่ทว่าเป็นความทุกลักทุเลที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อพ่อของเขาไปต้องตาต้องใจบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีทำเลเหมาะแก่การเปฺิดเป็นร้านอาหาร แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง สุดท้ายพ่อของเขาก็สามารถเปิดร้านอาหารอินเดียได้ตามที่ตั้งใจ แต่ปัญหาคือฝั่งตรงข้ามของร้าน (อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 ฟุต) มีร้านอาหารฝรั่งเศสเจ้าถิ่นชื่อดังที่มีดาวมิชลิน 1 ดาว เป็นตัวการันตีความอร่อยเลิศ แถมลูกค้าที่มารับประทานก็มีแต่พวกผู้ดีไฮโซ ความแตกต่างทั้งรสอาหารและวัฒนธรรมของทั้ง 2 ร้าน จึงก่อร่างกลายเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทางการค้า ความอลหม่านของ The Hundred Foot Journey เป็นไปอย่างกลมกล่อมครบรส ทั้งสุข ทุกข์ เศร้า ขมขื่น หัวเราะ สำเร็จ มีความสุข นอกเหนือจากการได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งอาหารของทั้ง 2 วัฒนธรรมแล้ว แก่นสารสำคัญของหนังคือการพยายามบอกเล่าว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ฉากที่ผมชอบและประทับใจมากที่สุดคือตอนที่ "ฮัสซาน" ตัวเอกของเรื่องขอให้ "มาดามมาโรลรี่" (รับบทโดย Helen Mirren) ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารฝรั่งเศสที่อยู่ตรงข้ามกับร้านของเขาช่วยทำไข่ออมเล็ต (Omelet) เป็นฉากที่ผสมผสาน 2 วัฒธรรม และการยอมลดทิฐิผ่านการทำอาหารได้อย่างลงตัวและงดงามที่สุด ในตอนท้ายของหนังเรื่องนี้ นอกจากความปราโมทย์และความรื่นรมย์กับผลสำเร็จในความพยายามของทุกตัวละครแล้ว ความหมายสำคัญปิดท้ายที่ว่า "อาหารคือความทรงจำที่แสนล้ำค่า" มันเป็นเรื่องจริงที่ชวนให้เรานึกถึงเรื่องราวในอดีตหรือใครบางคนในทันที หากเราเคยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ หรือห่างบ้านไกลเมืองเป็นเวลานาน จะรู้สึกได้ว่าการได้กลับมากินอาหารที่บ้านเกิด หรือรสอาหารที่คุ้นชินอีกครั้ง มันเป็นอะไรที่สุขล้น ขนาดที่ทำให้ใครบางคนต้องนํ้าตาเอ่อไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว คะแนน 9/10กำกับการภาพยนตร์ : Lasse Hallströmความยาวของภาพยนตร์ : 2 ชั่วโมงผลิตโดย : DreamWorks Picturesขอบคุณภาพประกอบจาก The Hundred Foot Journey Official Page