ภาพรวมที่ประมวลได้คือหนัง Drama สงครามประสาทการชิงลูกระหว่างคนกับสัตว์ที่ฉาบหน้าด้วยความหลอน Horror ของความเชื่อยุโรปมาเป็นจุดเด่นผูกโยงเกี่ยวกับเรื่องเล่าของซาตานในร่างแพะ ที่เรียกว่า บาโฟเม็ท ผู้ต่อต้านพระเจ้า เป็น symbol จากสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติมา Adapt ปรับเปลี่ยน Dialogue ให้ร่วมสมัยกับปัจจุบันในรูปแบบจิตวิทยา ผสม Psychology สำหรับผมไม่ Get กับ message เหล่านี้ แต่ในแง่ของ Message เองมีจุดเชื่อมโยงระหว่างคนกับสัตว์ที่ดำรงสถานะเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงที่นำเสนอผ่านความซ้อนทับทางจิตวิญญาณจนได้เข้าใจจนกระอักกระอ่วน บางครั้งอาจจะลืมไปว่าสัตว์ก็มีความรู้สึก มีหัวใจไม่ต่างกับมนุษย์ เพียงแค่พูดไม่ได้เท่านั้น แม้จะอ้างว่าทำด้วยความรักหรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันคือการฝ่าฝืนธรรมชาติในที่เป็นอยู่ของมันจนกลายเป็นการละเมิดสิทธิไม่รู้ตัวระยะเวลา 1 ชั่วโมง 46 นาที ตัวหนังเดินเรื่องไปอย่างช้า ๆ จังหวะไม่เร่งด่วนตามสไตล์หนังยุโรป มีช่วงนิ่งเงียบจนเกือบวูบหลับ จึงไม่เหมาะกับคนใจร้อน ชอบความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ต้องอาศัยความใจเย็น มีสมาธิ ทนต่อภาพเคลื่อนไหวที่ค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวเข้ามา มี Sound ประกอบเค้นจังหวะเป็นระยะ พวกนี้จะรู้ว่ามันจะเชื่อมโยงกับประเด็นหนังยังไง หรือไม่ถ้าคุณชอบดูแนวนี้อยู่แล้วก็พอจะเดาทางได้ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ขณะเดียวกันก็ชวนให้คิดแอบสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งถ้าผ่านจุดนี้ไปได้คุณจะมีภูมิคุ้มกันในการเสพงานอินดี้เรื่องอื่นได้ไม่ยากอีกต่อไป แม้ Plot จะดูแปลกประหลาดจนเกิดคำถามขึ้นมา ก็แอบสังเกตว่าบาง scene มีกลิ่นอายจากเรื่องอื่นผสมอยู่เหมือนกัน แม้หนังจะดูเนิบ ๆ เฉื่อยชา อาร์ตเกินไปหน่อย แต่มีทิศทางการจัดวาง story ในการวางองค์ประกอบของการเล่าเรื่องเป็นบท ๆ ให้มี layer ในการนำเสนอที่น่าสนใจดี ขณะเดียวกันก็มีมุมอ่อนโยนชวนอมยิ้มแทรกบ้างเป็นระยะ เช่น scene อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกแกะ , นั่งกินข้าวพร้อมกันพ่อแม่ลูก หรือ เล่นดนตรีด้วยกัน บางทีก็รู้สึกย้อนแย้งกับการกระทำของนางเอกที่ไปเอาของเขามาเป็นของตัวเอง (ขโมยนั่นแหล่ะ) นั่นคือจุดเริ่มต้นในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้หนังเลือกใช้ภาพโทนสีฟ้าเป็น Main หลัก มีบ้านหลังเดี่ยวท่ามกลางภูเขาแซมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ซึ่งการถ่ายทำจากสถานที่จริงช่วยทำให้ความรู้สึกสมจริงเป็นธรรมชาติ เหมือนอยู่ในสถานที่นั้นจริง ๆ ผสมกับความสว่างของท้องฟ้าสีเทาปนก้อนเมฆขาวโพลนปกคลุมเข้าให้บรรยากาศที่เห็นจึงมีความเย็นชาชวนอมทุกข์ สะท้อนความสิ้นหวังกับสภาวะเปราะบางไม่คงที่ในใจมนุษย์ได้น่าหดหู่ โดยเฉพาะ scene ที่แม่แกะมาหาลูก แต่ถูกนางเอกไล่ไป คือรู้สึกสงสารมาก เข้าใจว่ามีปมเรื่องลูก แต่สิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง การเอาปมของตนเองมาอ้างเป็นความชอบธรรมให้ตนเองไม่สามารถหักล้างอะไรกับการขโมยของผู้อื่นได้เลย ลองคิดดูถ้าหากเป็นเราโดนบ้างจะรู้สึกยังไงความที่ตัวละครนำหลักมีแค่ 2 สามีภรรยา รับบทโดย เจ้าแม่ Noomi Rapace จาก What happened to monday (2017) กับ Hilmir Snær Guðnason จาก Woman at war (2018) ที่อยู่ด้วยกันในบ้านกระท่อมหลังโดด ๆ เลี้ยงแกะไปวันๆ จึงมีบทพูดค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยจะสื่อสารกันเท่าไหร่ แต่แม่ Noomi สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดผ่านอากัปกิริยาได้ชัดเจนกว่าใคร การเดินเรื่องช่วงเริ่มต้นจึงหมดไปกับชีวิตประจำวันที่ไร้ชีวิตชีวาของทั้งคู่ กระทั่งการปรากฎตัวของ น้อนแกะ เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เรื่องน่าติดตามขึ้น หากน้อนแกะคือเปลวไฟเล็ก ๆ ที่เพิ่งจุดประกาย ฉะนั้นการมาเยือนของพี่ชายสามี รับบทโดย Björn Hlynur Haraldsson จาก Eurovision song contest : the story of fire saga (2020) ก็เป็นน้ำมันที่พร้อมราดลงเปลวไฟให้ลุกโชนขึ้น จะเห็นว่าช่วงกลางเรื่องเหมือนอารมณ์รัก 3 เศร้า เรา 3 คนขนาดย่อม แต่หนังก็หาทางตัดประเด็นตรงนี้ทิ้งไปแล้วหันกลับมาแบบ way เดิมได้อีกครั้งก็ปาเข้าไปเกือบช่วงท้าย ๆ แล้ว ถ้าใครชอบแนวอินดี้ เน้นบรรยากาศ เสพงานศิลป์ ตีความนัยยะเยอะ ๆ เป็นแฟนตัวยงค่าย A24 คุณน่าจะชื่นชอบเรื่องนี้เช่นกัน รวมทั้งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรก ของ Valdimar Johannson มือตัดต่อสเปเชี่ยลเอฟฟ็คชาวไอริชที่เคยผ่านหนังฟอร์มยักษ์มาแล้ว อาทิ Rogue one : A Star Wars Story (2016) และ The Tomorrow War (2021) ภาพรวมจัดว่าพอใช้ แม้ดูครึ่งๆกลางๆ จะน่ากลัวก็ไม่สุด จะดราม่าก็ไม่ถึงอีก ไม่สุดสักทาง บาง scene ไม่เข้าใจว่าจะสื่อถึงอะไร เช่น ไม่เล่าที่มาว่าลูกเสียเพราะอะไร ก็ปล่อยให้คนดูคิดเอาเอง ยังดีที่พลังการแสดงของแม่ Noomi ช่วยแบกทั้งเรื่องไว้ได้ตลอดรอดฝั่งไม่งั้นเป๋เหลวกว่านี้แน่ บทสรุปก็จบดื้อ ๆ ทั้งเหวอทั้งสะเทือนใจจนเก็บไปคิดต่อ ดังนั้นความรักบางทีก็มาในรูปแบบของความผูกพันเช่นกัน เป็นปีศาจร้ายที่ซ่อนอยู่ในจิตสำนึก ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว เมื่อเกิดความอยากได้ครอบครองจนมืดบอดตามัว ก็สามารถกระทำในสิ่งตรงกันข้ามเกินยั้งคิดได้ทั้งนั้น รวมถึงข้อคิดอีกอย่างคืออย่าหาทำกับสิ่งที่มองไม่เห็น เราไม่รู้ว่าการเอาตัวไปเล่นกับบางอย่างที่ฝืนธรรมชาติ จะต้องแลกกับอะไร ฉะนั้นอยู่กับความจริง ใช้ชีวิตในแบบที่ควรเป็นดีกว่า ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับขอขอบคุณภาพประกอบโดย : Twitter / LambMovie = ภาพประกอบหน้าปก / ภาพประกอบที่1 / ภาพประกอบที่2 / ภาพประกอบที่3 / ภาพประกอบที่4 / ภาพประกอบที่5 / ภาพประกอบที่6 / ภาพประกอบที่7 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !