"เต๋อ" ไม่หวั่นอาถรรพ์รัก 7 ปี "ใหม่" เผยเกือบเลิกกันมาแล้วถึง 2 ครั้ง!

พระเอกหนุ่มหล่อสุดเซอร์ เต๋อ ฉันทวิชช์ ที่วันนี้จะมาเปิดใจความรักสุดหวานฉ่ำกับนางเอกซุปตาร์แถวหน้าของเมืองไทย ใหม่ ดาวิกา พร้อมเปิดเผยจุดเริ่มต้นความรัก ลั่นไม่หวั่นอาถรรพ์รัก 7 ปีเผยเรื่องราวสุดช็อกที่ทั้งคู่เกือบเลิกรากันเกือบ 2 ครั้ง พร้อมตอบคำถามที่ทุกคนอยากรู้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันภายในปีนี้หรือเปล่า ในรายการคุยแซ่บShow สเปเชียล ทางช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกร
"เต๋อ" ไม่หวั่นอาถรรพ์รัก 7 ปี "ใหม่" เผยเกือบเลิกกันมาแล้วถึง 2 ครั้ง!
>>ดูทีวีออนไลน์ ช่องวัน31<<
คบกันมา 7 ปีแล้ว ?
เต๋อ : เข้าสู่ปีที่ 7
ปีที่ 7 เป็นปีแห่งอาถรรพ์ รัก 7 ปี มีผลต่อคู่เรามั้ย ?
เต๋อ : จริงๆผมไม่ค่อยกลัวเรื่อง 7 ปีอยู่แล้ว อันนี้คิดเองนะ ไม่แน่ใจว่าจริงๆมันคืออะไร ช่วงเวลารัก 7 ปี ส่วนใหญ่ของคนเราเวลาเราคบกันมา สมมติเราเริ่มต้นคบกันตอนอายุ 18 พอผ่านไปอายุ 25 เราจะไม่มีทางเป็นคนเดียวกันกับตอนที่เราอายุ 18 หมายถึงว่าเราจะมีไปเจอสังคม ไปทำงาน ความคิดอะไรหลายๆอย่างมันจะเปลี่ยนไป แต่กรณีที่สองคนนั้นคบกันตอนอายุ 18 แล้วเดินทางมาถึงอายุ 25 สังคมที่เจอแตกต่างกันหล่อหลอมสองตนที่แตกต่างกันไลฟ์สไตล์ก็จะแตกต่างกัน ความชอบก็จะแตกต่างกัน พอมารู้ตัวอีกที่ 25 เราเป็นสองคนที่คิดอะไรไม่เหมือนกันเยอะมาก มันก็เลยเป็นเหตุให้มรการทะเลาะเบาะแว้งกัน อันนี้ความคิดผมนะ แต่ด้วยความที่ผมกับน้องใหม่คบกันตอนที่มันนิ่งแล้ว ผมก็อายุขนาดนี้แล้ว น้องใหม่ก็โตทำงานในวงการมาเยอะมากๆ ผ่านอะไรมาเยอะมาก มันก็เลยเป็นช่วงเวลา 7 ปีที่ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวตนอะไร
อาถรรพ์รัก 7 ปี ทำอะไรพี่เต๋อไม่ได้ แล้วน้องล่ะมองเรื่องอาถรรพ์รัก 7 ปี ยังไง ?
เต๋อ : เค้ากลัวนะ เค้าก็แค่กลัวคำว่า 7 ปี เค้ารู้สึกว่าอาถรรพ์รัก 7 ปี หลายคนหลายคู่เค้าเป็นแบบนั้น
สุ่มเสี่ยงที่จะจบความสัมพันธ์ ?
เต๋อ : ใช่ เค้าก็รู้สึกว่ามันจะต้องทะเลาะกันแน่เลย 7 ปี ต้องเลิกกัน พออยู๋ไปด้วยกันนานๆพอเริ่มผูกพันธ์กันผมก็รู้สึกว่าพอ 6 ปีเข้าสู่ปีที่ 7 มันรักกันมากขึ้นกว่าปีแรกๆเยอะเลย หมายถึงมันค่อยๆรักกันผสมกับความผูกพันธ์ ใช้ชีวิตอยู๋ด้วยกันเยอะ ไปทำโน่นทำนี่ด้วยกัน เลยกลายเป็นกึ่งๆครึ่งชีวิตของกันและกันไป
ณ ปัจจุบันนี้กิจกรรมที่ทำด้วยกันทั้งคู่ที่อินด้วยกันทั้งคู่คือกิจจกรมมอะไร ?
เต๋อ : ไลฟ์ เค้าชอบไลฟ์คุยกับแฟนๆ ชอบชักชวนผมทำการแสดงคู่กับเค้าในไลฟ์ ชื่อผมที่จะเข้าสู่คาแร็คเตอร์คือคุณวิศรุตมันฟังดูแปลกมากแต่มันสนุกมากนะ มันรู้สึกเหมือนเราทำการแสดง อย่างกินข้าวอยู่ มาละ คุณวิศรุตต้องการอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ ผมก็จะ คุณนวลจิตผมว่าจะคุยกับคุณเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ คุณต้องรู้ซิว่ากับข้าวที่ผมชอบคืออะไร มันก็จะเป็นอย่างนี้ไปจนกระทั่งหลุดขำกันไปเอง
งานเยอะด้วยกันทั้งคู่ อาทิตย์นึงเจอกันครั้งเดียว ?
เต๋อ : งานเยอะกันมากๆ เจอกันอาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง สำหรับเค้ารู้สึกว่าน้อย สำหรับผมก็รู้สึกว่าน้อยเหมือนกัน เราก็พยายามบาลานซ์ให้ดีที่สุด แต่ที่เดือนนึงเจอครั้งนึงมันอยู่ช่วงที่ผมไปบวช พอไปบวชก็มีการตกลงกัน เราก็จะแยกกันไปเลย เค้าก็จะปล่อยให้ผมไปศึกษาทางธรรม สติ สมาธิให้เต็มที่ เค้าก็จะไม่มายุ่งวุ่นวาย
ช่วงบวชทำไมถึงคุยกันว่าแทบจะไม่ค่อยเจอกันเลยเพราะอะไร ?
เต๋อ : เป็นไอเดียเริ่มต้นจากเค้าด้วยซึ่งผมชอบมากรู้สึกดีมาก การบวชผมเชื่อว่าในชีวิตของผม ผมน่าจะบวชแค่ครั้งเดียวแล้วก็เป็นการบวชที่อยากจะจริงจัง อยากจะเข้าถึงพระธรรมแบบจริงๆ จริงๆแล้วการเข้าถึงการนั่งสมาธิหรือการอะไรต่างๆนานา จิตเราควรสงบและว่างจริงๆ การที่เรามีแฟนแล้วจะมานึกถึงแฟนเค้าจะต้องเป็นอะไรยังไงจะส่งผลรบกวนต่อการเป็นทำสมาธิเหมือนกัน จริงๆความรักถือเป็นกิเลสอย่างนึงก็เลยต้องห่าง
ที่น้องใหม่ทำแบบนั้นเจตนาเค้าก็คือให้พี่เต๋อได้บวชด้วยจิตใจที่ไม่ต้องเป็นห่วงเค้า ?
เต๋อ : ก็คือเต็มที่ไปเลย ซึ่งดีมาก แล้วผมบวชช่วงเดือนกุมภาด้วยนะเป็นช่วงวันวาเลนไทน์ด้วย วาเลนไทน์ก็คือหายไปเลย
ขอย้อนกลับไปเจอเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ?
เต๋อ : เจอกันในกองชายไม่จริงหญิงแท้ เล่นด้วยกัน
เหตุการณ์ที่ทำให้เราชื่นชอบน้องใหม่คืออะไร ?
เต๋อ : น่าจะเป็นความน่ารัก สดใส ความเป็นกันเอง ประทับใจในตัวเค้า
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยมั้ย ?
เต๋อ : ไม่ครับ เล่นละครไปจนจบแล้ว ตอนเล่นไม่รู้สึกอะไรเลย เล่นกับคนนี้สนุกขำ ช่วงเวลาว่างเค้าจะมีโต๊ะของเค้ามีพี่เกล้ามีแม่หมวยคุณแม่เค้ามาแล้วก็จะซื้อของกินมาเยอะมาก แล้วผมเป็นคนชอบกินจะรู้ว่าในโต๊ะนี้ของกินเยอะ ผมก็จะเข้าไปเนียนๆหยิบกินไปเรื่อยๆ พอผ่านเวลาถ่ายเสร็จแล้วช่วงโปรโมทเนี่ยแหละก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เริ่มรู้สึกว่าเราจะไม่เจอกันแล้วนะมันแปลกๆเริ่มรู้สึกโหวงๆเลยมาคิดกับตัวเองว่าหรือเรารู้สึกดีรู้สึกชอบเค้า พอผ่านเวลาไปนานเข้าก็เริ่มมมั่นใจว่าใช่จริงๆเราชอบเค้าจริง ๆ
แล้ววันที่เค้าบอกว่าจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายแล้ว แล้วจะไม่ได้เจอกันอีก ตอนนั้นพี่ตัดสินใจยังไง ในเมื่อใจตัวเองมันชัดแล้วว่าชอบเค้า ?
เต๋อ : ก็บอกเค้าไปเลย จำได้ว่าวันนั้นเริ่มไปโปรโมทแล้ว ผมไม่มีเบอร์เค้าตอนนั้น ผมขอเบอร์เค้าก็ไม่ให้ เค้าก็ถามว่าจะคุยอะไร ผมก็ DM ไปบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เค้าก็บอกว่าให้บอกมาเลย แต่ผมอยากจะโทรไปมากกว่าแต่เหมือนเค้าไม่ให้เบอร์ใครเค้าพูดยังงี้ เค้ากลัวว่าวันนึงเหมือนเราทะเลาะกันไม่ได้คุยกันแล้วเรามีเบอร์เค้า เค้ารู้สึกไม่ปลอดภัย เค้าคงกลัวผมโรคจิตด้วย(หัวเราะ) ตอนนั้นเค้าให้ไลน์มาผมก็เลยโทรไลน์ไป พอโทรไปผมก็บอกเค้าว่าผมเริ่มรู้สึกว่าผมชอบเค้า ก็บอกไปเลย ผมก็บอกว่าผมไม่ได้คาดหวังว่าเค้าต้องมาชอบผมแต่มันเป็นแค่ความรู้สึกเราตอนนี้แล้วเราก็รู้ว่าเราจะไม่ได้เจอเค้าแล้วแต่ ณ โมเเม้นท์นี้เรารู้สึกแบบนี้เราอยากให้เค้ารับรู้แค่นั้นพอ ในอนาคตเค้าอาจจะกลายเป็นรังเกียจเราไม่ชอบเราก็ได้ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เรารู้สึกแบบนี้เราอยากบอกเค้า
เสียงตอบรับของน้องใหม่คือ ?
เต๋อ : เค้าเงียบไปพักนึง แล้วหลังจากนั้นเค้าก็พูดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมก็บอกว่าตั้งแต่เราไม่ได้เจอกันหลังจากถ่ายทำ แต่ตอนนั้นผมใจชื้นนะเพราะว่าถ้าคนเราไม่ได้มีใจจะสานสัมพันธ์กับคนนี้ ถ้าคนนี้บอกชอบ แต่หนูว่าเราเป็นพี่น้องกันดีกว่า ถูกมั้ย หรือก็บอกขอบคุณนะแต่ว่าหนูยังไม่พร้อมมีใครมันต้องรีบตัดเลย แต่ว่าเค้าถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเป็นคำถามที่ทำให้เราได้เล่าต่อ ก็เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเค้าก็อยากทำความรู้จักเรา
มันชัดตรงไหนว่าน้องเค้าก็ชอบเรากลับเหมือนกัน ?
เต๋อ : ยังไม่ชัดเจน แต่แค่รู้ว่าเค้าเปิดโอกาส ผมเลยค่อยๆคุยกับเค้า เริ่มทำความรู้จักเค้าไปเรื่อยๆ พอผ่านเวลาไปพักนึงผมเริ่มรู้สึกว่าผมต้องจีบเค้าละ ดังนั้น ผมจะต้องโทรไปหาพี่เกล้าก่อนเลย พี่เกล้าคือผู้จัดการเค้า บอกพี่เกล้าก่อนเลยว่าผมชอบน้องใหม่นะครับ ผมจะจีบน้องใหม่นะครับ
แล้วพี่เค้าว่ายังไง ?
เต๋อ : จีบอ่ะจีบได้ แต่ต้องทำให้เป็นกิจจะลักษณะแล้วก็ต้องให้เกียรติน้อง อันนี้สำคัญมากเค้าเน้นเลยคือต้องให้เกียรติน้องเค้า
เห็นว่านอกจากพี่เกล้าแล้วยังมีคุณแม่น้องเค้าด้วย ?
เต๋อ : ทุกคนแหละครับ คุณแม่เค้าก็แล้วแต่ลูก
แล้วพี่ใจชื้นเลยมั้ย ?
เต๋อ : ก็ใจชื้นนะ คือจริงๆที่ผมรู้สึกว่าด่านที่น่ากลัวกว่าแม่หมวยคือพี่เกล้าเนี่ยแหละ เพราะว่ามีผลเรื่องการงานด้วย พี่เกล้ามีหน้าที่สำคัญมากในการดูแลภาพลักษณ์น้อง การที่น้องเป็นนางเอกซุปตาร์มากๆแล้วมีผู้ชายคนนึงเข้ามาจีบมันก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเส้นทางอาชีพเค้า
แล้วฟีดแบ็คจากแฟนคลับของพี่ แฟนคลับน้องใหม่เป็นยังไงบ้าง ?
เต๋อ : ก็ดีนะครับ ทุกคนค่อนข้างเชียร์ มีคนที่ไม่เชียร์บ้าง DM มาด่าบ้าง ก็สนุกดี ผมก็อ่าน ก็เป็นมุมมองของเค้า แต่เราก็รู้สึกว่าเราจะพยายามทำอย่างเต็มที่ สุดท้ายคนที่จะเลือกเราก็คือน้องใหม่
เค้า DM มาด่าอะไรพี่ ?
เต๋อ : ด่าเยอะ ออกไปจากชีวิตน้องใหม่อะไรแบบนั้นก็มี เค้าก็หวงของเค้าก็เข้าใจเค้าแหละ แต่ไม่ได้กดอ่าน DM ทุกอันบางอันเด้งเข้ามาก็จะเห็น ก็จะมีเพจตลกๆ ทวงคืนน้องใหม่จากเต๋อ ฉันทวิชช์ อะไรแบบนี้
บอกแม่ บอกพี่เกล้า บอกนักข่าว ทุกคนโอเคเอาใจช่วย ?
เต๋อ : ใช่ครับ ความสัมพันธ์ของผมกับน้องใหม่ ณ เวลานั้น เอาตรงๆก็คือเหมือนเป็นแฟนกันแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพูดอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ผมก็เลยรู้สึกว่ามันต้องมีโมเม้นท์ขอเป็นแฟน วันนั้นวันเกิดเค้าท้ายกระโปรงหลังของรถผมก็จะมีลูกโป่งเต็มไปหมดเลย แต่ว่าข้างในรถจะมีลูกโป่งอันนึงอันใหญ่มากเป็นลูกโป่งขอเป็นแฟนแล้วก็จะมีลูกโป่งเล็กๆรูปหัวใจเต็มไปหมดเลย แล้วก็จะมีแหวนให้แทนใจนิดนึง แล้วผมก็มาเตรียมการรอเค้าจะมาถึงประมาณ 2 ทุ่ม ผมมาตั้งแต่ 6 โมง พอขับรถมาจอดผมเอาลูกโป่งอันใหญ่มาก่อนเลยแล้วก็เดินลอดซุ้มมาที่มันจะมีป้ายอยู่แล้วก็มีแหลมๆ ผมตั้งใจจะขอเค้าเป็นแฟน ภาพในหัวผมคือถือลูกโป่งอันใหญ่เสร็จปั๊ป บอกเป็นแฟนกันนะ มอบแหวนให้ เปิดท้ายรถจะมีลูกโป่งหัวใจเล็กๆ อันนี้คือภาพในหัวผมแต่สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นเพราะว่าในขณะที่ผมถือลูกโป่งอันใหญ่มาเพื่อมาเตรียมเซอร์ไพร์สเค้า ไอ้แหลมๆนั่นแทงลูกโป่งผม ลูกโป่งก็ตกไป ลูกโป่งใหญ่หายไปแล้ว ยามเดินมาบอกว่าแหลมๆนี่เจอบ่อยครับ ลูกโป่งชอบมาแตกตลอด ในใจผมคือแย่แล้ว ไม่เป็นไรผมยังมีลูกโป่งเล็กๆมีแหวน สุดท้ายพอเค้ามา ณ โมเม้นท์นั้นผมน้ำตาไหลนะร้องไห้นิดนึง ร้องไห้เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มันรู้สึกว่ามันเป็นโมเม้นท์สำคัญของคู่เรา ผมก็เฟลไปนิดนึง แต่ว่าสุดท้ายเค้าก็รับแหวนไป ขอบคุณนะ แล้วก็ขอเป็นแฟน แต่วันนั้นเค้ายังไม่รับเป็นแฟน ผมก็ถามว่าทำไม เค้าก็พูดว่าวันนี้เป็นวันเกิดเค้าอีกหน่อยถ้าเราคบกันของขวัญวันเกิดกับวันครบรอบมันจะรวมกัน เค้าพูดว่าไม่รู้หละพี่ไปหาวันใหม่มา สุดท้ายก็ไปได้วันใหม่มา
ข้ามมาที่ขอเป็นแฟนที่นิวซีแลนด์ ต้องมีประโยคอะไรมั้ย ?
เต๋อ : เราเที่ยวพักผ่อนกันอยู่ในเมืองที่สวยมากๆ เป็นช่วงเวลาที่ผมก็สัมผัสได้ว่าเค้ามีความสุข ผมก็มีความสุขมาก เลยอยากให้ช่วงเวลานี้มันดีขึ้นไปอีก หลังจากนี้ไปเราเป็นแฟนกันนะ
แล้วน้องใหม่ตอบว่า ?
เต๋อ : ตกลง
คู่นี้ผ่านการปรับตัวและเกือบจะเลือกกันเกือบ 2 ครั้งด้วยกัน ?
เต๋อ : แรกๆเลยด้วยความคิดเราเอง เราคิดว่าเราไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวเค้า เราไม่รู้เค้าเป็นยังไงเค้าอาจจะมีโลกส่วนตัวสูง เราเลยจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเค้ามากก็จะโทรหาวันละครั้ง เวลาไลน์ไปก็ครั้งสองครั้ง ไม่ได้ไลน์ไปเยอะ ไม่ได้ไปถามว่าอยู่ไหน ทำอะไร ไม่ได้ไปจี้อะไรเค้ามาก ด้วยความคิดของเราเองว่าเค้าน่าจะสบายใจ คบแบบสบายใจ ว่างก็มาเจอะกัน แต่เค้าไม่ได้มองอย่างนั้นเค้ามองว่าคุณไม่ใส่ใจเลย เค้ารู้สึกว่าผมไม่เห็นจะใส่ใจอะไรเค้าเลย วันๆนึงโทรมาครั้งเดียว แล้วก็ไลน์มาเหมือนไม่ได้จะจีบจริงจัง ไม่ได้อยากจะทำความรู้จักจริงๆ ซึ่งเราไปคิดอีกแบบนึงพอเค้ารู้สึกแบบนั้นเราไม่ได้คุยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ๆวันนึงผมโทรไปก็มไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ 2 วันติดกัน ยาวๆเลย 2 วัน หายไปเลย 2 วัน ใจก็คือชัดเจนแล้ว โดนเทแล้ว ผมคิดในใจว่าเทแล้วหลุดแน่ เค้าไปแล้ว อย่างน้อยถ้าจะโดนเทก็ควรจะเคลียร์ให้มันดีอีกหน่อยจะได้คุยกันได้ก็เลยพยายามตื๊อโทรไปเรื่อยๆจนเค้ารับ จนได้คุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ผมก็บอกว่าในมุมผมเป็นยังไง เค้าก็บอกว่า พี่มันไม่ได้ ถ้าพี่จะมาเป็นแฟนกัน ถ้าพี่จะมาเหมือนคบกัน มันต้องแชร์กัน ต้องคุยกัน ต้องให้เวลากัน เราก็เพิ่งเข้าใจ ก็ดีมาเรื่อยๆจนผ่านมา 3 ปี เหตุการณ์ครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น
เลิกครั้งที่ 2 ?
เต๋อ : ยังไม่ได้เลิกด้วยนะ แต่มีความรู้สึกว่ากำลังจะ
ครั้งนี้แนวโน้มในการเลิกสูงกว่าครั้งแรกด้วย ?
เต๋อ : ใช่ เพราะครั้งแรกไม่ได้ทะเลาะกัน ครั้งแรกเป็นแนวไม่เข้าใจกันแล้วก็เฟดกันไป ยังไม่ได้เริ่มต้นผูกพันกันมาก พอ 3 ปีผ่านไปผูกพันกันแล้ว ผมจะไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทะเลาะอะไรกันสิ่งที่ทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตคือพอทะเลาะกันเสร็จปั๊ปผมเงียบเลย ไม่พูดอะไรเลย ในความคิดเราคือเรามีคำพูดเยอะแยะมากเลยในหัวแต่ไม่รู้จะเรียบเรียงออกมานยังไงให้ดีที่สุด แล้วเราก็รู้สึกว่าต่อให้เราพูดไปเค้าก็ยังไม่พร้อมฟังตอนนี้ อยากจะให้มันดีก่อนแล้วค่อยคุยกันด้วยเหตุผล พอเราไม่พูดกลับมาอีหรอบเดิมเลยเค้าเกิดความรู้สึกว่าเราไม่ได้สนใจจะแก้ปัญหา เค้ารู้สึกว่าจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบแบบนี้ต่อไปใช่มั้ย พอถึงเวลากลับมาดีกันแล้วเค้าก็ต้องทำใจยอมรับมันไปกับสิ่งนี้หรอ ก็คือรู้สึกว่าเราไม่ใส่ใจ ตอนนั้นก็เลยทะเลาะกันเถียงกันเยอะ แต่ผมก็เงียบ ยิ่งเงียบเค้าก็ยิ่งหงุดหงิด เค้าก็ยิ่งจี้ๆ ผมก็พูดว่าคำในหัวมันเยอะอยากจะพูดในสิ่งที่ดีที่สุด เค้าบอกว่าพี่ไม่ต้องคิดแล้วพี่อยากพูดอะไรพูดออกมาเลย ถ้าเรื่องอะไรมันจะแย่ก็ปล่อยให้มันแย่ไปเหอะ ผมก็เลยพูดออกมาเลยแล้วแย่จริง กลายเป็นตึงไปเลย จังหวะนั้นความคิดที่ผุดขึ้นมาคือเลิกกันแน่เลย คิดว่าจบแล้ว ต้องเลิกกันแน่เลย คิดว่าจบแล้ว ผมก็พูดออกไปเลยก็นั่งคุยกันแล้วผมก็บอกออกไปประมาณว่าเรากำลังจะเลิกกันหรือเปล่า ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้น รู้สึกว่าสิ่งนั้นกำลังจะเกิดขึ้น แต่ตัวเค้าไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นเลย เค้ารู้สึกว่าอยากให้สถานการณ์นี้มันผ่านไปได้ด้วยดี อารมณ์เคาตอนนี้มันขึ้นมาก เค้าต้องระบายออก เค้าต้องพูด หน้าที่เราคือรับฟัง สื่อสารสิ่งที่พี่คิดออกมาเลย ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ ผมก็โอเคถ้างั้นผมจะพยายามพูดมากขึ้น แต่ผมคิดว่าในแง่ความสัมพันธ์นี้เค้าปรับเยอะกว่าผมมาก ความน่ารักของเค้าคือว่าเค้าเริ่มมาเข้าใจกับความเป็นตัวผมมากขึ้น ผมช้า ผมทำอะไรได้ทีละอย่าง ผมเป็นคนพูดน้อย
พี่เต๋อเปลี่ยนอะไรในตัวน้องใหม่ ดาวิกา พาร์ทอื่นๆบ้าง ?
เต๋อ : เมื่อก่อนเค้ามีอาหารการกินในแบบเฉพาะของเค้าซึ่งเค้ากินคล้ายเดิมมาก มีอาหารญี่ปุ่น สลัด แต่ว่าพวกก๋วยเตี๋ยวเค้าไม่เอาเลย เค้ากินไม่เป็น ผมเป็นคนขอบกินก๋วยเตี๋ยวมาก พอคบกันไปตอนแรก ๆ ก็ไปกินตามร้านที่เค้าชอบไป เค้าก็ถามว่าพี่ชอบกินอะไร จริงๆพี่ชอบก๋วยเตี๋ยว เค้าก็อ่ะๆไปกินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ เค้าก็เริ่มได้กินก๋วยเตี๋ยวบ้าง หลังจากนั้นกลายเป็นว่า เค้าชอบกินก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว กลายเป็นความภาคภูมิใจของผมเลย ชอบกินเฝอ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เป็นแนวชอบกินเส้นไปแล้วเลย
เวลาเห็นคนคอมเมนต์ไม่ดีถึงน้องใหม่รู้สึกยังไงบ้าง ?
เต๋อ : รู้สึกสงสารเค้า เค้าเป็นคนที่เผชิญกับดราม่าบ่อยมาก เค้าก็ผ่านทั้งช่วงเวลาอ่อนแอและเข้มแข็งมาเยอะมากๆ เห็นเค้าสตรงแบบนั้นจริงๆลึกๆข้างในเค้าจิตใจอ่อนไหวมาก เค้าจะโดนอะไรประมาณนี้เยอะ หลายคนไม่เห็นว่าเค้าร้องไห้ แต่เค้าพยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอมาให้คนเห็นซักเท่าไหร่
มีคอมเมนต์ไหนมั้ยที่พี่เข้าไปอ่านแล้วรู้สึกว่ามันแรงเกิน ?
เต๋อ : เยอะ มีหลายอันมากๆ ซึ่งความแรงของมันไม่ใช่การใช้คำอะไรที่รุนแรงนะ ความแรงคือส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ไม่จริง ประเด็นของมันก็คือว่าพอเราถูกทำลายด้วยสิ่งที่ไม่จริง แต่ว่ามีหลายคนเข้ามาเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ไม่จริงนั้น เข้ามาเยอะมาก แล้วด้วยความที่น้องใหม่เค้ารักแฟนคลับ เค้าแคร์แฟนคลับเค้ามาก เค้าก็อดไม่ได้ที่จะไปคิดว่าสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นคนส่วนใหญ่คิดแบบนั้น มันเลยทำร้ายเค้ามาก เพราะเค้าไม่ได้คิดร้ายอะไรกับใคร เค้าเป็นคนดูแลแฟนคลับดีมาก เค้าเป็นคนน่ารักกับแฟนคลับมากๆ พอสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเค้าก็คิดว่าคนส่วนใหญ่หลายๆคนคิดกับเค้าแบบนั้น
เราเป็นแฟนเราให้กำลังใจแฟนเรายังไง ?
เต๋อ : การอยู่ด้วยสำคัญมาก อยู่ด้วยให้เค้าระบายรับฟังเค้า พยายามสร้างกำลังใจให้เค้า พูดคุยกันไป อย่างตัวผมจะไปแก้ปัญหาให้คนเลิดพิมพ์ให้คนเลิกด่าไม่ได้ ผมก็เชื่อว่าทุกคนที่พิมพ์ข้อความต่างๆเข้ามาเราไม่สามารถไปจับมือเค้าไม่ให้ทำได้ สุดท้ายสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาแล้วไม่รู้มันจะไปหยุดยั้งมันยังไง หน้าที่ของผมที่สำคัญที่สุดก็คือเหมือนพยายามให้เค้ารับรู้ว่าสิ่งที่เค้าเป็นดีมากๆ การมีอยู่ของเค้า ตัวตนของเค้าดีมากๆ ได้ค้นพบคนรอบข้างที่ได้รู้จักเค้าจริงๆ รักเค้าทุกคน พยายามเน้นย้ำเค้าว่าจริงๆความรักที่อยู่รอบตัวเค้าทุกคนรักเค้ามาก
มีอีกเหตุการณ์นึงผมก็ได้เห็นเหมือนกันน้องได้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ เรื่องราวที่สัมภาษณ์ทำให้น้องต้องร้องไห้ออกมากลางวงสัมภาษณ์พี่ๆนักข่าว พี่เต๋อเห็นวันนั้นพี่เต๋อเป็นยังไงบ้าง ?
เต๋อ : ผมก็สงสารเค้ามาก ถ้ามันเป็นไปได้เค้าไม่ได้อยากจะร้องไห้ต่อหน้าสื่อ ตัวเค้าพยายามทำตัวเข้มแข็งเพราะว่าไม่ต้องการให้คนมาเห็นว่าร้องไห้ แต่สิ่งนั้นมันเกี่ยวข้องกับครอบครัวด้วย พอเกี่ยวข้องกับครอบครัวมันก็เลยเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าที่เค้าจะเก็บความรู้สึกได้ สุดท้ายความรู้สึกมันก็พรุ่งพรูออกมา เราก็สงสารเค้า เค้าก็พยายามแก้ไขในส่วนที่เค้าทำได้เพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น
อยู่กันมาทั้งสุขและทุกข์ เมื่อไหร่จะมีแพลนแต่งงาน ?
เต๋อ : ยังไม่ได้คิดแบบเป๊ะๆ
อีกเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันเยอะมากก็คือเรื่องของการมีลูก ?
เต๋อ : ใช่ๆ คุยกันตั้งแต่คบกันแรกๆเลยว่าอยากมีลูกกี่คน อยากมีมั้ย
อยากจะมีเป็นลูกสาวหรือลูกชาย ?
เต๋อ : แล้วแต่เลยครับ ใครมาเป็นยังไงก็เป็นยังงั้น
มีความรู้สึกอะไรที่อยากจะบอกเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยพูดมาก่อนเลยก็ได้ ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา 7 ปี ?
เต๋อ : ตั้งแต่ผมรู้จักเค้ามาวันแรกจนถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่าเหมือนรักเค้ามากขึ้น ผูกพันกับเค้ามากขึ้น ไม่ว่าเค้าจะทำอะไรเค้าจะเป็นคนที่สวยมาก ๆ ในสายตาเรา แล้วภายใต้ความสวยนั้นดันมีความน่ารักไปอีก มันทำให้ทุกๆวันที่อยู่กับเค้ามันไม่มีโมเมนต์ของการเบื่อ แล้วก็รู้สึกขอบคุณทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำให้เค้าได้อยู่กับผมและผมได้อยู่กับเค้า
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama