รีเซต

อีธาน ฮอว์ก เล่า เดนเซล วอชิงตัน กระซิบบอกว่า เป็นเรื่องดีที่เขาพลาดออสการ์จากหนัง "Training Day"

อีธาน ฮอว์ก เล่า เดนเซล วอชิงตัน กระซิบบอกว่า เป็นเรื่องดีที่เขาพลาดออสการ์จากหนัง "Training Day"
แบไต๋
2 พฤษภาคม 2567 ( 07:00 )
61

‘Training Day’ (2001) ผลงานหนังทริลเลอร์อาชญากรรมวงการตำรวจ ผลงานการกำกับโดย อองตวน ฟูคัว (Antoine Fuqua) จากแฟรนไชส์ ‘The Equalizer’ ที่ว่าด้วยเรื่องของ เจค ฮอยต์ ตำรวจแผนกปราบปรามยาเสพติดมือใหม่ ที่รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ที่ได้รับการประกบคู่สอนงานกับ อลอนโซ แฮร์ริส ตำรวจสืบสวนสอบสวนรุ่นพี่ที่คอยสอนงานการเป็นตำรวจให้

ซึ่งนักแสดงมากฝีมือที่รับบทบาทนี้ก็คือ เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) พลิกบทบาทจากปกติที่มักจะรับบทเป็นคนดี สามารถพลิกบทบาทและเผยให้เห็นธาตุแท้อันเถื่อนถ่อยและโหดเหี้ยมของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตำรวจน้ำดี และเป็นดั่งฮีโรของเจคได้อย่างเข้าถึง จนสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกมาครองได้สำเร็จ

แต่ถ้าย้อนกลับไปในงานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 74 (The 74th Academy Awards) ที่จัดขึ้นในปี 2002 ‘Training Day’ ประสบความสำเร็จด้วยการเข้าชิง 2 รางวัล ซึ่งอีกสาขาที่พลาดรางวัลไปอย่างน่าเสียดายก็คือ รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของฮอว์ก ที่ดันพลาดไปให้กับ จิม บรอดเบนต์ (Jim Broadbent) จากหนังเรื่อง ‘Iris’ (2001) แทน

ฮอว์กที่ปัจจุบันกำลังเดินสายโปรโมตหนังเรื่องล่าสุด ‘Wildcat’ ที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ และกำกับ รวมทั้งยังได้ มายา ฮอว์ก (Maya Hawke) ลูกสาวของเขาแสดงนำ ได้มาให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘Who’s Talking to Chris Wallace’ ทางสตรีมมิง Max ซึ่งเขาได้เล่าถึงบรรยากาศการชวดรางวัลออสการ์ไปอย่างน่าเสียดาย แต่เขาก็ได้แนวคิดจากวอชิงตันที่โน้มตัวมากระซิบบอกเขาว่า

“‘ดีแล้วแหละที่คุณไม่ชนะ บางทีการแพ้ก็ยังดีกว่า คุณต้องไม่ให้รางวัลมาเปลี่ยนสถานะของตัวคุณ แต่ตัวคุณนั่นแหละที่ต้องเปลี่ยนสถานะของรางวัลให้ได้’ นั่นแหละครับวิธีคิดของเขา”

ฮอว์กเล่าเพิ่มเติมเปรียบเทียบวอชิงตัน กับ เบบ รูธ (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันมืออาชีพในตำนาน โดยเฉพาะความสามารถอันเอกอุของวอชิงตันต่างหากที่เปลี่ยนสถานะของตัวรางวัล “ผมคิดว่ามันคงน่าสนใจมาก ถ้าได้เห็นว่า เบบ รูธ ผูกรองเท้าของเขาอย่างไร”

“คุณรู้ไหมว่าเขาคิดยังไงกับการข้างลูก ซึ่งสิ่งที่สร้างขึ้นนั้น มาจากความคิดและพลังงานจำนวนมหาศาลที่สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา และเมื่อคุณเห็นใครสักคนทำงานแบบนั้นแล้ว มันก็ยังมีห้องอื่น ๆ ที่คุณสามารถเข้ามาสู่ความเป็นมืออาชีพนั้นได้ และนั่นก็เป้นแรงบันดาลใจให้ผมเลือกทำในอาชีพของผม”

“รางวัลออสการ์มันมีพลังมากขึ้น เพราะเดนเซลได้มาแล้ว 2 รางวัล แต่มันไม่ได้ยกระดับว่าเขาจะต้องกลายเป็นใคร เมื่อเขาได้พูดและทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เขาก็กลายมาเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา”

แต่เดิม ‘Training Day’ เป็นโปรเจ็กต์ที่เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 1999 โดยได้ เดวิส กุกเกนไฮม์ (Davis Guggenheim) มาเป็นผู้กำกับ รวมทั้งได้ แมตต์ เดมอน (Matt Damon) และ แซมมวล แอล แจ็กสัน (Samuel L. Jackson) มาแสดงนำ แต่สุดท้ายโปรเจ็กต์เดิมก็ล่มไป จนในที่สุดก็ได้ฟูคัว ผู้กำกับรุ่นใหม่ในเวลานั้นมารับหน้าที่กำกับ และยังได้ฮอว์ก นักแสดงที่โด่งดังจากหนังนอกกระแส ข้ามมารับบทนำในหนังกระแสหลักเป็นครั้งแรก

ฮอว์กเเคยเปิดใจว่า ในการจับคู่ครั้งแรกกับวอชิงตัน เขากลับไม่ชอบนักแสดงรุ่นพี่คนนี้เอาเสียเลย เพราะเขาที่อุตส่าห์ทำการบ้านมาอย่างตั้งใจ กลับต้องเจอกับการแสดงและไดอะล็อกแบบด้นสดตามสไตล์ของวอชิงตัน ที่มักจะเพิ่มบทพูดและการแสดงบางอย่างจนเล่นเอานักแสดงหนุ่มถึงกับงงไปไม่น้อย แต่นั่นก็เหมือนเป็นความท้าทายที่ทำให้ฮอว์กค่อย ๆ ปรับตัว จนในที่สุดเขาเองจึงเริ่มมองเห็นความเป็นอัจฉริยะของนักแสดงรุ่นพี่ที่กำลังจะคว้ารางวัลออสการ์ตัวที่ 2 ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม

ในขณะที่ฮอว์กเองก็นับว่าเป็นนักแสดงฝีมืออีกคน ตลอดอาชีพของเขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 4 ครั้ง แบ่งเป็นสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม 2 ครั้ง จาก ‘Training Day’ และ ‘Boyhood’ (2015) และอีก 2 รางวัลจากการเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจาก ‘Before Sunset’ (2005) และ ‘Before Midnight’ (2014) ที่เขาร่วมเขียนบทกับ ริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ (Richard Linklater) และ ฌูว์ลี แดลปี (Julie Delpy)

ฮอว์กถูกถามความรู้สึกในวันนั้นว่า จริง ๆ แล้วเขาอยากได้รางวัลออสการ์บ้างไหม คำตอบที่ไม่น่าเชื่อก็คือ “ไม่ครับ ผมหมายถึงว่า คือผมเดาแหละว่าผมคงไม่อยากได้ ผมได้อยู่ในงานรางวัลออสการ์ ได้นั่งข้าง ๆ เดนเซล วอชิงตัน แล้วก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงร่วมกับ เอียน แม็กเคลเลน (Ian McKellen) ในปีนั้น มันก็เหมือนกับว่าผมชนะไปแล้วแหละ มันเป็นไม่ได้เลยที่ผมจะไม่รู้สึกแบบนั้น”

ที่มา : Entertainment Weekly Variety