เป็นภาพยนตร์ที่ชวนลุ้นระทึกในทุกฉากทุกตอนเลยจริงๆกับภาพยนตร์เรื่องนี้ Emergency Declaration หรือชื่อไทยว่า ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องสายแดนโสมขาวที่ต้องบอกว่าพล็อตภาพยนตร์ดีสุดๆเลยก็ว่าได้ นำแสดงโดยทีมนักแสดงแนวหน้าของเกาหลีเลยก็ว่าได้อย่าง Song Kang-ho รับบทเป็น In-ho / Lee Byung-hun รับบทเป็น Jae-hyuk / Jeon Do-yeon รับบทเป็น Sook-hee / Nam-gil Kim รับบทเป็น Hyun-soo / Si-wan Yim รับบทเป็น Jin-seok และยังได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Han Jae-rim เป็นที่ยอมรับกันในวงการภาพยนตร์มานานแล้วว่า เกาหลีมีความเชี่ยวชาญเรื่องของการทำภาพยนตร์แนวเชื้อไวรัสกันมาพอสมควร และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เราจะได้เห็นถึง บทที่ทรงพลัง ประเด็นตกผลึกที่น่าสนใจ และที่สำคัญคงจะหนีไม่พ้นเรื่องรางแก่นแท้ความเป็นมนุษย์มงคลภาพยนตร์ภูมิใจเสนอ ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตรคุณโต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ให้เสียงเป็น In-ho (Song Kang-ho) / Jae-hyuk (Lee Byung-hun)คุณพา เพ็ญนีติ์ ศศิธนาโสภณ ให้เสียงเป็น Sook-hee (Jeon Do-yeon)คุณติ่ง สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล ให้เสียงเป็น Hyun-soo (Nam-gil Kim)Mr.คิม ให้เสียงเป็น Jin-seok (Si-wan Yim)คุณนุช อรนุช ลาดพันนา ให้เสียงเป็น Hee-jin (So-jin Kim)คุณนิว นฤดล สัตย์อุดม ให้เสียงเป็น Tae-su (Park Hae-joon)ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่องแค่เห็นรายชื่อนักพากย์ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของผู้เขียนผองโตได้อีกครั้ง เพราะเป็นการรวมตัวของนักพากย์ไทยชัดแนวหน้าของไทยอีกหนึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ สำหรับน้ำเสียงคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความเพราะน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว และการวางตัวนักพากย์กับตัวนักแสดงจากแดนกิมจิก็ถือได้ว่าเป็นอะไรที่ลงตัวกันแบบสุดๆ โดยเฉพาะ คุณโต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ ที่ให้เสียงเป็น In-ho (Song Kang-ho) / Jae-hyuk (Lee Byung-hun) เป็นสองตัวละครหลักที่มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันชัดเจนแต่คุณโต๊ะ ก็แสดงฝีมือในการพากย์นี้ออกมาได้อย่างชัดเจนกับตัวละคร “In-ho” เลือดร้อนแต่ก็แอบมีความสุขุมและการใช้มุกตลกที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างถูกที่ถูกเวลา “Jae-hyuk” เยือกเย็นแต่ก็มีความตรงไปตรงมา ทั้งสองตัวละครที่ต่างกันแบบสุดขั้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้เคอะเขินในน้ำเสียงที่สื่อออกมา หากเป็นภาพยนตร์โซนเอเชียต้องเป็นทีมพันธมิตรนี้แหล่ะเหมาะที่สุดที่จะรับมือกับความเป็นตัวตนของตัวละครได้อย่างไม่เคอะเขินเล่าย่อๆเรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อไฟลต์บิน KI 501 ที่จะเดินทางไปโฮโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา กับจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดบนลำ 150 ชีวิต แต่แล้วเรื่องราวมันก็ว่าป่วงขึ้นเมื่อผู้โดยสารคนหนึ่ง เกิดเสียชีวิตบนเครื่องโดยมรสารคัดหลั่งออกจากตาและปากของเขา แต่เรื่องราวต่อจากนั้นก็วายป่วงขึ้นแบบไม่คาดคิด ทั้งบนฟากฟ้าและภาคพื้นดินเพราะการการของผู้โดยสารในครั้งนี้มันนำพวกเขาทั้งหมดไปพบกับหายนะที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมได้ลง“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน”1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / นับว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สำหรับภาพยนตร์เกาหลีที่ต็าซสุดๆสำหรับการทำภาพยนตร์แนวนี้ เอาเข้าจริงๆเป็นอะไรที่น่าสนใจและแอบดีใจที่ได้เห็นภาพยนตร์แนวนี้ ถึงแม้ว่าฉากต่างๆของภาพยนตร์จะมีความประเด่ประดังเพราะส่วนหนึ่งภาพยนตร์ดำเนินเรื่องช่วงแรก ได้อย่างเข้มข้นและดึงเราเหล่าคนดูเข้าสู่ความระทึกตื่นเต้นเร็วมากๆ ต้องบอกว่าเร็วเกินกว่าที่จะพักหายใจภาพยนตร์ที่เน้นฉากและเล่าฉากเร็วมักจะเกิดปัญหา ทิ้งช่วงให้ช่วงหลังมีช่องโหว่บางอย่างและเรื่องนี้ก็เป็นอย่างนั้น ภาพยนตร์แบ่งออกเป็นสองพาร์ทได้อย่างชัดเจน ส่วนที่หนึ่งบนฝากฟ้าเราเหล่าคนดูจะได้เป็นธีมหลังที่เป็นการสร้างเรื่องราวในพื้นที่จำกัดให้ตัวละครต่างๆพากันดึงความเป็นสันดานดิบในตัวเองมาใช้และเล่าออกมาได้อย่างแสบสันผ่านฉากต่างๆที่ภาพยนตร์นำเสนอ ธีมหลักนำเสนอเรื่องราวของความเป็นมนุษย์ออกมาได้อย่างชัดเจนและมีมิติ ส่วนที่สองภาคพื้นดินเราจะได้เห็น เรื่องราวของแก่นมนุษย์ได้ชัดเจนเช่นกันกับบนฟากฟ้าแต่จะแอบมีความแสบจันและจิกกัดยิ่งกว่าเพราะเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจและคนใหญ่คนโต ภาพยนตร์นำเสนอฉากเรื่องราวจัดความระทึกมาให้เราเหล่าคนดูและเสิร์ฟมันมาตลอดทั้งเรื่องได้อย่างสวยงาม ถึงแม้บางฉากบางตอนจะมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างแต่พอนำมันมารวมกันกลับกลายเป็นว่าภาพยนตร์มีมิติที่น่าค้นหามากกว่าที่คิด และฉากต่างๆที่ทำให้เราเหล่าคนดูเสียน้ำตาได้ภาพยนตร์ก็จัดมาให้เราเหล่าคนดูได้อย่างไม่เคอะเขิน2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / ในเรื่องของบทภาพยนตร์ก็ทำมันออกมาได้ดีมากๆด้วยการเล่าลึกลงไปและสำรวจจิตใจตั้งคำถามกับตัวละครและหันกลับมาย้อนถามกับความรู้สึกของเราเหล่าคนดูได้อย่างไม่เคอะเขิน พล็อตที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่งสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีพล็อตแนวเดิมๆที่เราเหล่าคนดูคุ้นหูคุ้นตา แต่บทภาพยนตร์กลับทรงพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่ามันเป็นบทที่เหล่าตัวละครต่างๆของเรื่องราว ได้มีความรู้สึกนึกคิดที่คล้ายกันการแบ่งภาพยนตร์ออกเป็นสองพาร์ทนั้นมันไม่ได้ทำให้ภาพยนตร์ดูน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย แต่บางครั้งผู้เขียนกลับมองว่าภาพยนตร์รู้สึกจะยัดเยียดให้เราเหล่าคนดูเข้าใจและคล้อยตามกับบทภาพยนตร์จนลืมไปเลยว่า เรื่องนี้ภาพยนตร์ยังอธิบายเราเหล่าคนดูไม่หมดเลยนะจะยัดอันใหม่มาให้อีกแล้วเหรอประมาณนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นบทที่แข็งแรงในตัวเองอาจจะดูเชยในบางส่วนแต่ก็เข้ากับยุคสมัยที่มีเชื่อไวรัสระบาดได้อย่างไม่เคอะเขิน ผู้เขียนยังแอบยิ้มตามกับเรื่องนี้ที่เกาะกระแสแบบเนียนๆและทำมันได้อย่างลงตัว ถึงแม้ว่าตัวละครที่หลากหลายและหลายหลายในบทบาท บทก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเพราะกระจายได้อย่างทั่วถึง ถึงแม้ว่าบางตัวเราจะไม่รู้ว่าเป็นใครเลยด้วยซ้ำ จนจบเรื่องบางตัวผู้เขียนยังไม่รู้เลยว่าตัวละครตัวนี้ชื่ออะไรตำแหน่งไหน 3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีความหลากหลายมากจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ภาพยนตร์ตีแผ่เรื่องราวของความเป็นมนุษย์ได้อย่างมีมิติและยังจิกกัดระบบการทำงานของผู้มีอำนาจไปในตัวอย่างไม่เคอะเขิน ตัวละครทุกตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ถูกฉาบด้วยสีขาว หรือถูกฉาบด้วยสีดำ เพราะตัวละครทุกตัวต่างก็มีความเป็นสีเทาในตัว Jin-seok ที่รับบทโดย Si-wan Yim ตาม Dialog ที่ตัวละครต่างๆในเรื่องเล่าถึงเขาว่า เมื่อตอนที่เขาศูนย์เสียแม่ไปแล้วเขาก็ได้ศูนย์เสียตัวเองไปเช่นกัน ตัวละครตัวนี้มีมิติแบบสุดๆทั้งโดยไล่ออกจากงานแบบไม่เป็นธรรม และโดนบังคับจากผู้เป็นแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาก็เลยอาจจะโกรธโลกใบนี้ที่โหดร้ายกับเขาก็เป็นไปได้ Jae-hyuk รับบทโดย Lee Byung-hun ชายที่ย่าร้างกับภรรยาของเขาอดีตกัปตันเรื่องบิดที่มีชั่วโมงบินที่สูงมากๆที่ขึ้นเครื่องมา เขาเป็นคนที่รักลูกของเขามากแต่ด้วยความหลักของตัวเองที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฟันเลยทำให้เขากลายเป็นคนที่กลัวเครื่องบิน Hyun-soo รับบทโดย Nam-gil Kim นักบินที่สูญเสียภรรยาจากเหตุไฟไหม้เครื่องบินเลยทำให้เขาไม่เปิดใจยอมรับและโกรธแค้นคนที่ทำให้เกิดเหตุการเหล่านั้น เหล่าตัวละครที่หลากหลายและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องบอกว่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเหมือนกัน ด้วยข้อจำกัดนี้ภาพยนตร์จึงนำเราเหล่าคนดูเข้าไปสำรวจจิตใจของตัวละครที่ละตัวได้อย่างไม่เคอะเขิน และที่สำคัญตัวละครทุกตัวก็ล้วนแล้วแต่หยิบจับเรื่องราวใกล้ตัวมาคิดและแก้ปัญหาพร้อมที่จะให้อภัยกันและกัน มันเลยเป็นอะไรที่น่าประทับใจแบบสุดๆสำหรับเรื่องราวนี้4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / “อะไรคือความหมายของชีวิต” ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของประเด็นนี้ได้อย่างตรงไปตรงมาไม่เพียงแค่อธิบายให้เข้าใจ แต่ก็ยังย้อนกลับมาถามเราเหล่าคนได้อย่างอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทุกชีวิตมีค่าจริงเหรอ หรือเป็นแค่คำกล่าวอ้างเพื่อให้คนที่กล่าวดูดี หรือจะยอมเสียสละแขนขาเพื่อรักษาตัวเอาไว้ ภาพยนตร์ตีแผ่ความคิดทั้งสองแบบนี้ได้อย่างตงไปตรงผ่านตัวละครที่หลากหลายบนฟากฟ้าและภาคพื้นดิน และยังเผยแก่นแท้ของมนุษย์ออกมาได้อย่างสวยงามผ่านเรื่องราวอันวินาศสันตะโรนี้ เราจะยอมเห็นครอบครัวและคนที่เรารักตายไปโดยที่เราไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเลยได้จริงๆเหรอเป็นคำถามที่ภาพยนตร์ทำได้ยอดเยี่ยม และเห็นความเป็นมนุษย์ผ่านเรื่องราวที่ภาพยนตร์สื่อมันออกมา มียารักษาก็พร้อมที่จะเปิกรับ ไม่มียารักษาก็ไล้ไปตายที่อื่น หากมองย้อนกลับมาในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลกต่างก็มองกันว่าเป็นความผิดของฝั่งนั้นฝั่งนี้โดยที่ไม่ได้นึกถึงตัวเองเลยว่าเรามีการป้องกันมันดีพอและมากพอหรือเปล่า เราเตรียมตัวมาดีมากแค่ไหนหากมองตามความเป็นจริงช่วงนั้นเราก็กลัวละรังเกียจผู้ติดเชื้อและไม่อยากเข้าใกล้พวกเขา เรื่องนี้ก็เสนอให้เห็นถึงสันดาลในด้านนี้ของมนุษย์ออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่ที่จริงและตัวเรากลับลงหลงความเป็นมนุษย์ในตัวเราในตัวผู้ติดเชื่อและเราก็กลายเป็นปีศาจและคนเห็นแก่ตัวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ5 “คัท !!!!”ถึงแม่บทภาพยนตร์จะยังไปไม่สุดทาง แต่ตัวผู้เขียนกลับชอบสกอร์เพลงประกอบที่มันทำให้เราเหล่าคนดูลุ้นระทึกได้ทุกจังหวะที่ภาพยนตร์เล่าผ่านฉาก แต่บทของนักแสดงนั้นยอมรับว่าเป็นอะไรที่มีมิติความเป็นมนุษย์มากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ CGI ของเรื่องถึงยังจะดูไม่เนียนตาแต่ก็ถูๆไถๆแก้เขินกันได้พอสมควร Dialog ตัวละครทิ้งความหมายและประเด็นตกผลึกไว้ได้ดีสุดๆ Mood & Tone ก็ทำออกมาได้ดี ภาพยนตร์ใช้โทนสีและเกรดสีออกมาได้ตรงตามพล็อตภาพยนตร์จริงๆ ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตรอันนี้ก็จัดว่าเด็ดไม่แท้กัน แต่ถึงอย่างไรภาพยนตร์ก็มีความเคอะเขินอยู่ไม่น้อยเช่นกันสำหรับบทภาพยนตร์ที่เร่งเล้าคนดูเกินไปยิ่งให้ช่วงครึ่งหลังภาพยนตร์เคว้งไม่เป็นท้า แต่โชคดีที่ภาพยนตร์เลือกที่จะตีแผ่แก่นแท้ของมนุษย์ออกมากลบเรื่องนี้จนเกือบหมด ความเข้ากับของตัวละครถือว่าทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าที่ควรถึงแม้ว่าจะมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน แต่เราเหล่าคนดูกับจำชื่อภาพยนตร์ไม่ได้เลย เพราะมัวที่ยัดตัวละครเข้ามาโดยไร้ที่ไปที่มาเลยกลายเป็นว่าตัวละครเยอะบทดีแต่ไม่มีเรื่องที่จะพอทำให้เราเหล่าคนดูจำพวกเขาได้ ท้าจะของว่าเป็นอาหารก็คงจะเป็นอาหารตามสั่งที่แต่ละร้านรสชาติไม่เหมือนกันเลย บางร้านให้น้อยบางร้านก็ให้มาเยอะผู้เขียนมองว่าเป็นอย่างนั้น แต่บางที่ก็กลับมากว่าความสมเหตุสมผลที่ภาพยนตร์ใส่เข้ามา กลับความไม่สมเหตุสมผลที่ภาพยนตร์ใส่เข้ามามันก็ให้อรรถรสที่ต่างกันและจัดจ้านในคนละแบบได้จริงๆ และความหมายคือดีมากๆนะขอบอก ถึงกระนั้น Emergency Declaration : ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ ก็ยังแอบสอดแทรกเรื่องราวของการก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆเล่าออกมาผ่าน Dialog ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งคดีกราดยิง กราดยิงขึ้นอีกครั้งที่โบสถ์ First Baptist ในเมืองซัทเธอร์แลนด์ สปริง รัฐเท็กซัส พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน มีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 20 คน / เหตุกราดยิงกลางคอนเสิร์ตในลาสเวกัส มีผู้เสียชีวิต 58 คน และบาดเจ็บ 515 คน / กราดยิงที่แซนดีฮุกในหมู่บ้านแซนดีฮุก เมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิตรวม 27 คน / การดยิงหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ในรัฐโคโลราโด้ สหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิต 13 คน / วางระเบิดในกรุงออสโล ผู้เสียชีวิต 8 คน และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 209 คน / กราดยิงค่ายเยาวชน ณ เกาะอูเตอยา ในนอร์เวย์ ผู้เสียชีวิต 67 คนและบาดเจ็บ 32 คน และอีกเหตุสะเทือนขวัญอย่าง ใช้สาร “ซาริน” ความเข้มข้น 30% เป็นก๊าซพิษไร้สีไร้กลิ่น มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาท ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่าครึ่งหมื่น ในสถานีรถไฟกรุงโตเกียว โดย “กลุ่มลัทธิโอมชินริเกียว” ภาพยนตร์นำเสนอให้เห็นว่าการก่อเป็นการณ์ในภาพยนตร์นี้ไม่ได้มีสาเหตุและแรงจูงใจที่ชัดเจนเป็นการสื่อสารที่ทรงพลังมากจริงๆชอบ Dialog นี้ (พวกเราก็เป็นแค่มนุษย์ที่อ่อนแอและหวั่นกลัวเท่านั้น แต่เพราะว่าเราเป็นมนุษย์เราสามารถเลือกทำสิ่งที่ควรทำได้) - Jae-hyuk(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก MONGKOL MAJOR - ปก / 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมและในวันนี้ก่อนจากกันไปบอกเราหน่อยว่าผู้อ่านเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Emergency Declaration : ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ เพราะอะไร อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วท่านจะไม่พลาดเหล่าคอนเทนต์ใหม่ๆที่ทาง จิปาถะ และ อรรถรส จัดมาให้แบบ Exclusive จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !