Signal : สัญญาณลับ ล่าข้ามเวลา"คลาสสิค" สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไม่มีเบรค ไม่มีผ่อนเครื่องNETFLIX : 1 Season 16 Episode (2016)สำหรับคนที่ดูซีรีส์เกาหลีที่เจาะจงลงไปว่าเป็นคอซีรีส์สืบสวนเนื้อหาเข้มข้น ย่อมที่จะมีงานที่เป็นอันดับต้นๆที่ยกไว้บนหิ้งของความทรงจำ และสารภาพเลยว่าผู้เขียนไม่ใช่คนที่ติดตามซีรีส์เกาหลีมาตั้งแต่ต้น กลับกันกลับมีอคติบางอย่างด้วยซ้ำเมื่อครั้งอดีต ที่มองว่าซีรีส์เกาหลีมักจะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเลี่ยนและขายหน้าตานักแสดง และนั่นมันคืออคติที่ติดอยู่ในใจจนกระทั่งเมื่อครั้งที่นอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลครั้งหนึ่งแล้วไม่มีอะไรดู จึงเลื่อนไหล IPad ไปเจอกับซีรีส์เกาหลีใน NETFLIX ที่มีนักแสดงในดวงใจคนแรกจากเกาหลีคือแบดูนาร่วมแสดง ประกอบกับไม่น่าจะเป็นเรื่องที่หวานแหววและเป็นแนวเข้มข้นจึงเปิดดูเพื่อละลายความเบื่อ แล้วอคติที่มีในใจก็สูญสลายเมื่อเจอกับความเหนือชั้นของ Stranger (2017)หลังจากนั้นมาผู้เขียนก็เริ่มดูซีรีส์เกาหลีมาเรื่อยๆและแน่นอนว่าต้องเป็นแนวบริหารสมองแบบเข้มๆ (ก่อนที่จะเจอกับ When The Camellia Blooms (20196)) จึงทำให้ได้เจอกับงานระดับยอดเยี่ยมก็หลายระดับธรรมดาก็เยอะ แต่ที่ผู้เขียนยกให้เป็นงานซีรีส์สืบสวนในดวงใจที่เหมือนเป็นของคลาสสิคที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้แต่ว่างานในช่วงหลังๆมามีลูกเล่นของเรื่องเหล่านี้มาเจือปนทุกเรื่อง หนึ่งคือ Stranger อย่างที่ว่า สองคือ Bad Guys (2014) สามคือ Tunnel (2017) สี่คือ Voice (ซีซันแรกปี 2017) และห้าคือเรื่องที่ผู้เขียนหยิบเอามาเผยแพร่ในวันนี้เพราะได้เห็นความใหม่ในความเก่าด้วยการเล่าในชั้นเชิงรายละเอียดที่ต่างไป แม้จะยังเดินตามแนวทางของงานเหล่านี้อยู่คือ Though The Darkness ที่เพิ่งผ่านตาท่านผู้อ่านไปไม่กี่วันและเมื่อเห็นอะไรที่เข้าท่าจากเรื่องนั้นจะไม่หยิบอะไรที่เข้าท่าที่มาก่อนมาขยายก็คงจะเป็นบาป ผู้เขียนจึงหยิบยกเอาเรื่องนี้ที่คลาสสิคจนกระทั่งมีการรีเมคเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่นและกำลังจะมีเวอร์ชันไทยที่กำลังถ่ายทำ และตัวละครเอกก็เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่เหมือนกัน งานซีรีส์ที่เห็นไอเดียคล้ายถูกพัฒนามาจากหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่จัดว่าบรรเจิดมากตอนออกฉาย และดีกรีความสนุกก็จัดมาเต็มที่คือหนังเรื่อง Frequency ในปี 2000 (นำแสดงโดยเดนิส เควด และจิม คาวีเซล) หนังที่ว่าด้วยเรื่องของการติดต่อกันระหว่างลูกในปัจจุบันกับพ่อในอดีตผ่านวิทยุสื่อสารเก่าๆเพื่อไขคดี ซึ่งพอมาเป็นซีรีส์เกาหลีที่มีเทคนิคและชั้นเชิงการเล่าเรื่องชั้นยอดเรื่องนี้ มันคือการต่อยอดไอเดียบรรเจิดให้ยกระดับความละเอียดขึ้นจนไปถึงความยอดเยี่ยม Signalเรื่องย่อเปิดหัวมาด้วยการเผยรอยแผลในอดีตของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ไม่รีรอที่จะบอกว่าเขาคือเจ้าหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรนามว่าพัคแฮยอง (อีแจฮุน) แล้วต่อมาด้วยการพบกันระหว่างหมวดพัคกับสายสืบชาซูฮยอน (คิมฮเยซู) จากความเข้าใจผิดสายสืบชาจึงพาหมวดพัคมาที่ สน. เมื่อหมวดพัคกำลังจะกลับเสียงของวิทยุสื่อสารเก่าๆเครื่องหนึ่งก็ดังขึ้นที่กองวัสดุเก่าที่กำลังจะถูกนำไปทิ้งทำลายและหมวดพัคหยิบมันขั้นมาสนทนา แล้วเสียงจากวิทยุสื่อสารได้นำพาให้หมวดพัคไปเจอหลักฐานสำคัญในคดีที่ค้างคาปิดไม่ลงและกำลังจะหมดอายุความ หมวดพัคและสายสืบชาจึงต้องร่วมกันไขคดีแรกและพบว่ามันเกี่ยวพันกับคดีการหายตัวไปของสายสืบอีแจฮัน (โจจินอุง)และเมื่อหมวดพัคทราบว่าการติดต่อผ่านวิทยุสื่อสารนั้นคือเสียงของสายสืบอีแจฮันที่อยู่ในอดีต จากความไม่เชื่อกลายมาเป็นเชื่อและร่วมกันไขคดีในอดีตที่ส่งผลมายังปัจจุบัน ซึ่งมันเกี่ยวพันกันเหมือนโชคชะตาระหว่างสายสืบอีแจฮัน หมวดพัคแฮยอง และสายสืบชาซูฮยอนอย่างแนบแน่น ทำให้ในที่สุดสายสืบในอดีตกับตำรวจในปัจจุบันต้องร่วมกันไขคดีที่ค้างคามากมายผ่านการสื่อสารทางวิทยุสื่อสารเก่าๆนั้น และเรื่องราวก็เกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายหลากหลายที่เป็นปริศนาซ้อนปริศนา ปมซ้อนปม ที่แน่นจนคาดเดาไม่ออก ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังตั้งแต่ตอนแรกและยากที่ผู้ชมจะหยุดอยู่ เพราะทั้งมันส์และสนุกเหลือเกินบทที่แน่น เรื่องแข็งที่แข็งแรง แต่ฉลาดใช้เทคนิคทำให้ไม่งง และพลังแรงสูงตลอดทางแรกเลยที่ทำให้เรื่องนี้ได้บัญญัตินิยามที่ว่า "อีกสักตอนไม่มีอยู่จริง" ให้ใครหลายคนนั่นคือเนื้อเรื่องที่แข็งแรง ก็ใช่ที่มันมองเห็นความเกี่ยวพันกันปานโชคชะตาลิขิตมาอย่างน่าประหลาด แต่นั่นต้องยอมรับอีกอย่างว่าซีรีส์เรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 2016 และเห็นชัดเจนเรื่องแรงบันดาลใจ แต่ความที่มันมีความเกี่ยวพันกันนั้นแต่ผ่านการผูกเรื่องที่แน่นหนาจากงานด้านบทที่ไม่มีริ้วรอยจึงทำให้เรื่องแข็งแรงมาก ประกอบกับชั้นเชิงการเล่าเรื่องสลับห้วงเวลาที่เล่าได้เข้าใจง่ายไม่ต้องระทมกบาลก็ยิ่งทำให้คดีต่อคดีประเด็นต่อประเด็นถูกพัฒนาตามเวลาที่ล่วงผ่าน ทำให้เรื่องไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่แต่เดินหน้าไปอย่างขึงขังไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งหลายคนต้องอดหลับอดนอนเพราะมันชวนให้ติดตามอย่างเหนือชั้นส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากคือเรื่องของเทคนิคด้านภาพ ที่การใช้สเกลและสีของภาพที่ต่างกันเพื่อสื่อให้เห็นว่าอันไหนคืออดีตอันไหนคือปัจจุบัน ทำให้เรื่องราวที่ดูเหมือนซับซ้อนห้วงเวลาที่ต่างกันถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เห็นภาพ และผู้ชมไม่งง ด้วยบทที่ยอดเยี่ยมในการวางกลซ้อนกล เหลี่ยมซ้อนเหลี่ยม เปิดหน้าแล้วเฉลย พลิกผันไปมา และหักมุมครั้งแล้วครั้งเล่าจนคนดูเดาทางไม่ออกตามสไตล์เกาหลี บทที่วางคดีซ้อนคดีให้แต่ละคดีที่ดูเหมือนจะแยกออกจากกันหรือต่างกัน แต่กลับกลายมาเกี่ยวพันกันอย่างลงตัวอย่างน่าทึ่ง บวกกับชั้นเชิงการเล่าเรื่องและพัฒนาการของเรื่องในด้านบท ตัวละคร และความรู้สึกที่ค่อยๆขมึงทึงขึ้นเรื่อยๆของผู้ชม ทำให้เรื่องเดินหน้าเต็มกำลังตั้งแต่ตอนแรกแล้วทวีเงื่อนปมเรื่องราวให้เข้มขึ้น ระทึกขึ้น ทิ้งปมปริศนาให้ชวนติดตามขึ้นเรื่อยๆในตอนท้ายของทุกตอน ส่งผลให้ผู้ชมยากที่จะหยุดดูได้ จนอาจมีบ้างบางคนอดหลับอดนอนกันและผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถึงตีสามไปโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการตัดต่อที่ฉับไวแต่ไม่ดูโดดแม้จะตัดไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบันทำให้ลุ้นทุกนาที ซึ่งองค์ประกอบที่ว่านี้มาจากบทที่ไร้ที่ติ งานทางด้านภาพ และชั้นเชิงการเล่าเรื่องทำให้ตลอดสิบหกตอนที่ผ่านไปไม่มีตอนไหนที่พลังตก มีแต่เพิ่มขึ้นในทุกๆตอนเมื่อเงื่อนปมต่างๆที่วางไว้ในคดีที่ร่วมกันไขมาเริ่มขมวดเข้าใกล้ความจริง แล้วก็หักมุมจนอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แม้จะเหมือนหลอกผู้ชมให้คาดเดาแล้วหักหลัง ผู้ชมอย่างเราๆยังคิดว่า รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกการแสดงที่ต้องจดจำ ถ่ายทอดเจตนาของบทออกมาได้อย่างสมบูรณ์ด้วยบทที่ไร้ที่ติในเรื่องของไอเดียและชั้นเชิง สิ่งที่ตามมาที่จะเสริมให้ตัวเรื่องมีน้ำหนัก สมจริง ดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชมให้ไปจนสุดทางคือการแสดง เพราะตัวละครทุกตัว ย้ำ ทุกตัวไม่เว้นแม้แต่ตัวร้ายล้วนแล้วแต่มีเบื้องหลังมีปมในใจทุกคน ซึ่งด้วยมิติทางด้านอารมณ์และความลึกของตัวละครขนาดนี้ หากนักแสดงเล่นไม่ได้ตัวเรื่องมีเป๋กลางทางเป็นแน่เพราะมันเป็นเรื่องราวออกแฟนตาซีสืบสวนสอบสวนที่เป็นจริงแค่ในจินตนาการ ซ้ำยังเต็มไปด้วยความซับซ้อนซ่อนเงื่อนทั้งกับตัวเรื่อง คดี และมิติตัวละครที่มีความซับซ้อนอยู่ข้างใน ดังนั้นนักแสดงต้องรับผิดชอบบทของตัวเองให้เต็มที่ที่สุดซึ่งกับเรื่องนี้ผู้เขียนมองไม่เห็นว่าคนไหนด้อยกว่ากันอย่างชัดเจน ทุกคนล้วนมีซีนมีเวลาทองและมีความน่าจดจำพอกัน แต่ที่คิมฮเยซูดูเหมือนจะเหลื่อมกว่าคนอื่นนิดหน่อยนั่นเพราะตัวละครของเธอมีมิติทางอารมณ์สูงกว่าคนอื่น เพราะมีเรื่องของความรักข้างเดียว ความสูญเสีย ความคิดถึง ความสับสน และความสงสัย ซึ่งสารภาพตรงนี้คือคิมฮเยซูแสดงได้ดีที่สุดเท่าที่ได้เห็นมาในงานซีรีส์ (ไม่นับงานหนังใหญ่) แม้ว่าผู้เขียนเองเมื่อดูเรื่องนี้แล้วจะติดใจการแสดงของเธอแล้วตามดูเธอมาอีกหลายเรื่อง ก็ยังเห็นว่าการแสดงของคิมฮเยซูเรื่องนี้คืองานระดับมาสเตอร์พีซ ที่สามารถถ่ายทอดจากภายในออกมาให้เห็นได้จนผู้ชมรู้สึกไปกับเธอส่วนตัวละครของอีแจฮุนที่แม้จะมีปมในใจเป็นเบื้องลึกไม่ต่างกันแต่มิติของตัวละครของคิมฮเยซูแพรวพราวกว่าเท่านั้น กระนั้นแม้จะอ่อนประสบการณ์กว่าแต่อีแจฮุนก็ยังเยี่ยมพอที่จะไม่ถูกระดับเจ้าแม่อย่างคิมฮเยซูกลบฝัง กลับกันเขาเยี่ยมพอจนกระทั่งสามารถเชือดเฉือนกับแม่ได้อย่างสนุกกินกันไม่ลงเมื่อขึ้นจอร่วมกัน แต่ที่คิมฮเยซูดูดีกว่านิดหน่อยอย่างที่กล่าวไว้คือการแสดงที่ต้องแสดงเพียงลำพัง และด้วยมิติตัวละครก็ทำให้คิมฮเยซูอาจดูเหลื่อมกว่านิดๆ และด้วยเคมีที่ลงตัวกันแบบจัดจ้านทำให้ผู้ชมบางคนอาจมีแอบจิ้นคู่นี้ จนถึงขนาดคุณแม่บ้านดูแล้วยังมองว่าสายสืบชาน่าจะกินเด็กแน่นอนและเชื่อว่าผู้ชมบางคนก็แอบลุ้นให้เป็นเช่นนั้น จัดว่าเป็นการประชันการแสดงกันอย่างสนุกที่ทำให้เรื่องมีพลังสูงส่วนบทสายสืบอีแจฮันของโจจินอุงนั้นเขาคือยอดฝีมืออยู่แล้ว และด้วยมิติของบทและตัวละคร(ขออนุญาตไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)ที่เป็น โจจินอุงรับผิดชอบได้อย่างเนี้ยบที่สุด น่าเสียดายที่เขากับคิมฮเยซูได้เข้าฉากแบบเผชิญหน้ากันน้อยไปหน่อย เลยไม่เห็นการเชือดเฉือนทางด้านการแสดงของทั้งคู่ได้มากกว่านี้ แต่เท่าที่มีก็สามารถมองเห็นว่าเคมีของนักแสดงนำทั้งสามคนเข้ากันอย่างลงตัวที่สุด เพราะคนดูเชื่ออย่างหมดใจว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นอย่างน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ยังต้องให้เครดิตกับนักแสดงสมทบคนอื่นๆทั้งร้ายและดีที่เล่นจนทำให้ประเด็นต่างๆของเรื่องหนักแน่น ส่งเสริมให้เรื่องมีมิติขึ้น สมเหตุสมผลขึ้น ทำให้แม้แต่เรื่องยิบย่อยเล็กน้อยก็ยังหาที่ติไม่ได้และสิ่งประดามีเหล่านั้นก็ทำให้เรื่องนี้จะกลายเป็นตำนานอย่างมิต้องสงสัย เพราะเมื่อใดที่มีคนเอ่ยถามถึงงานซีรีส์แนวสืบสวนระดับคลาสสิคขึ้นหิ้ง เชื่อว่าเรื่องนี้คือหนึ่งในคำตอบที่คนดูซีรีส์เกาหลีแนวนี้ต้องเอ่ยถึงและบอกกันปากต่อปาก แต่งานนี้มันคืองานที่เก่า (ถ้าว่ากันที่งานซีรีส์หกปีถือว่าเก่าเพราะชั้นเชิงต่างๆจะเริ่มเปลี่ยนไป) หากแต่ก็เป็นหนึ่งในงานที่เรียกว่า "เก่าแต่ดี" เพราะแม้เวลาจะล่วงเลยมานานพอดูและมีงานแนวนี้ที่ออกมาหลังจากนี้มากมาย ซึ่งหากได้ลองติดตามมาพอประมาณก็จะพอเห็นว่าแนวทางหรือทิศทางของเรื่องจะไม่ได้บิดไปจากนี้ กลายเป็นขวดเหล้าที่มีไว้ใส่น้ำอำพันลงไปแต่อยู่ที่สิ่งที่ใส่ลงไปจะมีดีกรีและความกลมกล่อมแค่ไหนเท่านั้น ซึ่งก็รวมถึงสี่เรื่องที่เอ่ยไว้ในย่อหน้าแรกด้วยเช่นกันที่กลายเป็นแม่พิมพ์ และสำหรับผู้ชม หากต้องการซีรีส์พลังแรงสูงที่เดินหน้าอย่างเมามัน ลึกลับแต่ไม่ซับซ้อน พลิกผันและหักมุม ต้องดูเรื่องนี้ (ถ้ายังไม่ได้ดู หรือถ้าเป็นคนชอบซีรีส์แนวนี้แล้วไม่ดูอาจจะเป็นตราบาปในใจ) ซึ่งจะว่ากันตามจริงคือคอซีรีส์เกาหลีส่วนใหญ่คงได้ดูกันหมดแล้วเพราะนี่คือหนึ่งในซีรีส์ที่ไม่ควรพลาด ส่วนท่านที่ยังคิดว่าซีรีส์เกาหลีมีดีแค่กุ๊กกิ๊กหวานแหววหรือยังมีอคติในใจเหมือนผู้เขียนเมื่อกาลก่อน ลองเปิดใจดูเรื่องนี้เป็นตัวอย่างไม่แน่ว่าทัศนคติอาจเปลี่ยน เพราะจากเรื่องราวที่บทแน่นมาก เข้มข้นมาก ชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นงานแนวหนักๆที่น่าติดตามและสนุกในทุกตอนของจริง และส่วนตัวแล้วเป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนดูสองรอบ (ดูเองหนึ่งรอบและดูกับคุณแม่บ้านอีกหนึ่งรอบเพราะอยากให้นางได้ดู) ผู้ชมเรื่องมากอย่างและขี้บ่นอย่างผู้เขียนยังหาที่ติไม่เจอดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 จาก Facebook tvN (International)อัปเดตบทความรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !