ช่วงวัยมัธยมเราดูหนังเยอะมาก โดยเฉพาะหนังต่างประเทศ นัยว่าดูเพื่อฝึกภาษาบ้าง ชอบนักแสดงเป็นการส่วนตัวบ้าง ตอนนี้เราก็ยังชอบดูหนังอยู่ แต่ดูเรื่องที่ชอบซ้ำไปซ้ำมา บางคนอาจจะมีความคิดที่ว่า หนังที่ดูซ้ำ ยังไงตอนจบก็เหมือนเดิม ใช่ ตอนจบเหมือนเดิมก็จริง แต่ช่วงชีวิตที่เติบโตขึ้นตามเวลา ทำให้สิ่งที่เราได้จากหนังเปลี่ยนไปแน่นอนช่วงโควิด 19 หลายคนมีเวลาว่างมากขึ้น เราเลยอยากแนะนำหนึ่งในหนังเรื่องโปรด The secret of Walter Mitty กำกับและแสดงนำโดย Ben Stiller ว่าด้วยเรื่องราวของผู้จัดการแผนกฟิล์มเนกาทีฟของนิตยสาร LIFE วอลเตอร์ มิตตี้(Ben Stiller) เขาทำงานมายาวนาน จนถึงวันที่บริษัทจะเปลี่ยนจากการตีพิมพ์นิตยสารเป็นเล่ม กลายเป็นเผยแพร่บนแฟลตฟอร์มออนไลน์เต็มตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนครั้งยิ่งใหญ่ วอลเตอร์ได้รับจดหมายชื่นชมและกระเป๋าเงินจากฌอน โอ คอลเนล(Sean Penn) หนึ่งในผู้บริหารและช่างภาพของบริษัท เพื่อตอบแทนความทุ่มเทที่เขาทำเพื่อบริษัทเสมอมา ในจดหมายนั้นระบุว่าฌอนต้องการให้ฟิล์มหมายเลข 25 เป็นหน้าปกของนิตยสารฉบับสุดท้าย ทว่า ฟิล์มหมายเลข 25 ไม่ได้อยู่ในม้วนฟิล์มที่ฌอนส่งมาให้ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของวอลเตอร์ในการตามหามัน Number 25 is my best ever the quintessence of life, I think ฌอนผู้เดินทางเก็บภาพความมหัศจรรย์ทั่วมุมโลก บอกว่าหมายเลข 25 เป็นภาพถ่ายที่ดีที่สุดของเขา มันจุดประกายวอลเตอร์ ผู้ที่ใช้ชีวิตจำเจมาตลอดให้ออกเดินทาง เราว่าทุกคนเคยเป็นวอลเตอร์ เราล้วนมีฝัน มีสิ่งที่เราอยากเป็น อาการฝันกลางวันของวอลเตอร์ชี้ชัดว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตน่าเบื่อแบบนี้ เพียงแต่ ในโลกแห่งความเป็นจริง เราไม่ได้มีความกล้าที่จะก้าวออกมาเท่านั้นเหตุผลที่หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องโปรดตลอดกาลของเรา เพราะภาพสวย(มาก) เพลงประกอบก็ดีมาก(เราฟังเพลงซ้ำเป็นอาทิตย์) พล็อตไม่ถึงกับแปลกใหม่ แต่สำหรับเรามันค่อนข้างแตกต่าง พอคิดว่าจะได้แล้ว ก็กลายเป็นว่าไม่ใช่ ต้องตามหากันต่อไปอีก การเดินทางครั้งแรกของวอลเตอร์ยังต้องพึ่งพิงแรงใจจากเชอริล เมลฮอฟฟ์(Kristen Wigg) เพื่อนร่วมงานที่เขาแอบชอบในรูปแบบฝันกลางวัน แต่ในครั้งที่สอง วอลเตอร์แพ็คกระเป๋าเองโดยไม่มีการหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันเลย เพราะสิ่งที่เขาฝันนั้นอยู่ในชีวิตจริงแล้ว อะไรก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ จนกว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา วอลเตอร์เป็นคนที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน การที่เขาอดทนใช้ชีวิตเพื่อครอบครัวก็คือความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ความกล้าหาญนั้นอยู่ในตัวเขา อยู่ในตัวเราทุกคน แต่ใช่ว่าทุกคนจะเลือกความกล้าก่อนความพร้อม การเตรียมพร้อมทำให้เราเบาใจว่าจะเจอปัญหาน้อยลง ซึ่งจริงๆแล้ว ทุกการเดินทางมีอุปสรรคเสมอ และมันทำให้ความทรงจำมีสีสัน แม้ว่าเมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้วเราก็ยังต้องอยู่กับความจำเจเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมหรอก เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้มันแตกต่าง เหมือนที่เรายังดูหนังสามสี่เรื่องซ้ำไปซ้ำมาถึงเราจะยังไม่สามารถแพ็คกระเป๋าออกเดินทางได้ในช่วงนี้ แต่อย่างน้อยๆก็เก็บแรงบันดาลใจไว้ก่อน เราเป็นแค่ส่วนเล็กๆบนโลกที่กว้างใหญ่ เผื่อวันหนึ่งคุณเดินไปเจอกำแพงปัญหาแล้วรู้สึกว่าชีวิตช่างมืดมนนัก แต่หากคุณถอยออกมาจากเรื่องเหล่านั้น มองออกไปนอกกำแพง คุณจะพบเห็นสิ่งสวยงามมากมาย และทางออกที่ดีที่สุด อาจจะเป็นการปีนกำแพง ทุบกำแพงทิ้ง หรือลอดออกจากรูของกำแพง แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน เมื่อคุณไม่ได้จมปลักกับมันแล้ว คุณจะมีทางเลือกแน่นอน และแม่ของวอลเตอร์ก็สอนให้รู้ว่า บางทีวิธีแก้ปัญหาที่ซับซ้อนก็เรียบง่ายกว่าที่คิด. ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก หน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5