กี่คนบนโลกใบนี้ที่ไม่เคยโกหก ไม่มีใครชอบคนโกหก แต่เราทุกคนก็เคยผ่านการโกหกอย่างน้อยๆ ก็ 1 ครั้ง บางครั้งเราอาจโกหกเรื่องเล็กๆ เพื่อความสบายใจ หรือโกหกคำใหญ่ๆ เพื่ออะไรบางอย่าง ที่บางทีเราก็ไม่ทันรู้สึกตัว ณ ห้องเรียนอนุบาล 3/2 โรงเรียนอนุบาลหมียักษ์รักษ์ดี เด็กๆ หลายคนจับกลุ่มวิ่งเล่นซุกซน ไม่ต่างจากลิงน้อยที่อยู่ในป่า บางกลุ่มก็นั่งเล่นทำอาหาร ดุจดั่งเชฟผู้ชำนาญการ บางคนก็ยังร้องไห้อยู่ เพราะไม่เข้าใจว่าพ่อแม่หายไปไหน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มอส เด็กชายที่มีเอกลักษณ์เป็นผมทรงกะลาครอบหัว รูปร่างผอม และดูเหมือนยังปรับตัวไม่ได้กับสังคมที่ใหญ่เกินกว่าครอบครัว คุณครูหลายคนพยายามเอาใจใส่มอสเป็นพิเศษ เพราะมอสมีเพื่อนเล่นเพียงไม่กี่คน และสิ่งที่มอสชอบเล่นเป็นที่สุดก็คือการเล่นซ่อนแอบ นั้นอาจเป็นช่วงโมงที่ทำให้มอสได้หลบซ่อนตัวเองจากอะไรบางอย่าง แต่โดยรวมแล้วมอสเป็นเด็กดี และมีน้ำใจต่อรอบข้างอยู่เสมอๆ เพราะมอสชอบแบ่งขนมที่ตัวเองกินไม่หมดให้กับเพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้สึกอิ่ม และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน ที่มอสหยิบยื่นช็อคโกแลตครึ่งหนึ่งให้กับเบล เมื่อเด็กๆ ทุกคนรับประทานอาหารพร้อมของวางเสร็จ ก็ได้เวลาที่เด็กๆ หลายคนชื่นชอบน้อยที่สุด นั้นก็คือการนอนกลางวัน เสียงหัวเราะ " คิกๆ " ยังคงเล็ดลอดให้ครูสมหมายได้ยินอยู่เป็นระยะๆ เธอมักจะขู่กับเด็กๆ ด้วยประโยคที่คุ้นชินว่า " วันนี้ใครไม่ยอมนอนหลับ จะไม่ได้กลับบ้าน แต่ดูเหมือนเด็กๆ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำพูดของครูสมหมายเท่าไร เธอจึงต้องเดินเข้าไปตรวจสายตาของเด็กแต่ละคนอย่างชิดใกล้ เพื่อดูว่าลิงตัวไหนที่ยังไม่ยอมนอน แต่แล้วเธอดันไปตรวจพบเข้ากับความผิดปกติบางอย่าง นั้นก็คือกลิ่นอุจาระที่เหม็นคลุ้ง โดยแฝงกลิ่นอายของมื้อกลางวันไว้อย่างไก่ผัดกระเทียม ครูสมหมายจึงขยับแว่นหนาๆ ของเธอ และสวมบทบาทเป็นนักสืบทันที เธอเข้าพิสูจน์หลักฐานด้วยจมูกของเธอเอง โดยไม่เกรงกลัวอันตรายต่อโพรงจมูกอันบอบบาง สุดท้ายเธอค้นพบพื้นที่ต้องสงสัย โดยเป็นที่นอนของเด็กชาย 2 คน ที่เปี่ยมไปด้วยพลานุภาพต่อการทำลายล้างชั้นบรรยากาศ ครูสมหมายเรียกเด็กทั้ง 2 ลุกขึ้น เพื่อสืบพยานเพิ่มเติมอย่างไม่รอช้าเด็กคนแรกชื่อ เอ ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้อึรดกางเกงตัวเองอย่างแน่นอน เพราะเขามีปัญหาท้องพูก ไม่ได้ปลดปล่อยมา 2 วันแล้วส่วนเด็กอีกคนคือ มอส เด็กชายที่ชื่นชอบการเล่นซ่อนแอบเป็นพิเศษ บอกกับครูสมหมายว่าไม่ได้อึรดกางเกงตัวเองเช่นกันครูสมหมายเจอเข้ากับทางตันและไม่มีทางเลือก เพราะผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ไม่มีใครยอมรับสารภาพ เธอจึงเลือกใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด พาเด็กทั้ง 2 ไปเข้าห้องน้ำ เพื่อตรวจสอบหลักฐานชิ้นสำคัญ นั้นก็คือ กางเกงในเด็ก ทีมพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างละเอียด และพบว่ากางเกงในของเด็กทั้ง 2 ไม่มีร่องรอยของอุจาระแต่อย่างใด นั้นทำครูสมหมายถึงกับงุนงงว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของจมูกแหลมๆ ของเธอ สุดท้ายเย็นวันนั้นเด็กน้อยแห่งอนุบาล 3/2 แยกย้ายกันกลับบ้านตามปกติ โดยไม่มีใครตกเป็นผู้ต้องหา คดีอุจาระแล้วทิ้ง แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้มีคนที่รู้ความจริงแค่เพียงคนเดียว ซึ่งนั่นไม่ใช่ครูสมหมายผู้มากประสบการณ์ แต่เป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็กๆ ผู้ไร้เดียงสา ขอบคุณภาพหน้าปกจาก https://kids8zone.blogspot.com/2017/04/blog-post_28.htmlhttp://pirun.ku.ac.th/~b5411052734/Untitled-1.htmlhttps://xn--l3coxo9c2b.com/cartoon-pic/2403/