กว่าจะมีวันนี้! พีเค ควงคุณแม่ออกทีวี เผยเหตุผล ทำไมถอยนาฬิกาเรือนละเป็นล้านให้ลูก! (มีคลิป)
ข่าวบันเทิงวันนี้
เปิดเส้นทางความปังของพิธีกรแห่งปี "พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร" ที่กว่าจะมีวันนี้โดนบูลลี่สาระพัดไม่หล่อ ดำ เตี้ย จนเสียน้ำตามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งวันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่อง วัน31 ที่มี "เป็กกี้ ศรีธัญญา" และ "ธัญญ่า ธัญญาเรศ" เป็นพิธีกร พร้อมควง "คุณแม่วิไลวรรณ" มาเปิดตัวครั้งแรก ได้ดีมีทุกวันนี้ เพราะคุณแม่ปั้น อีกทั้งยังเผยที่มาของนาฬิกาเรือนหรูมูลค่า 7 หลักที่คุณแม่ซื้อให้ แล้วปมคุณแม่ไม่รัก มันยังไงกัน ได้เคลียร์ใจกับคุณแม่หรือยัง?
คุณแม่โดนป้ายยาอะไร ทำไมถึงถอยนาฬิกา 7 หลัก ให้ลูกชาย?
คุณแม่วิไลวรรณ : ตั้งใจให้เขามานานแล้ว เขาเป็นคนที่เปลี่ยนนาฬิกาบ่อย แม่ก็อยากให้เขา เวลาเขาไม่ชอบเขาก็จะขายเลย อันนี้แม่ไปจองตั้งแต่ก่อนเขาแต่งงาน
ซึ่งคิดไว้นานแล้ว จะให้ลูก 3 คน คนละเรือน แล้วให้เขาเนี่ย ถ้าเป็นแม่ให้เขาจะได้ไม่เอาไปขาย
ขอบคุณคลิปจากรายการคุยแซ่บโชว์
ถ้าแม่ให้พี่ไม่กล้าขายใช่ไหม?
พีเค : ใช่ เพราะในชีวิตแม่ซื้อให้ 2 เรือน เรือนหนึ่งคือตอนจบมหาวิทยาลัย ก็ยังเก็บอยู่ทุกวันนี้ เพราะรู้สึกว่าถ้าแม่ให้ หรือคุณโยให้อะไรก็ตามเราเก็บ แต่ถ้าเราซื้อเอง สำหรับเราไม่ได้มีคุณค่ามากมาย คือเอาความสุขของคนรอบตัวดีกว่า อันไหนที่เราต้องใช้ก่อนก็ขายเอาเงินมา แต่ถ้าอะไรที่แม่ให้ก็จะเก็บไว้ และเป็นครั้งแรกที่ใส่นาฬิกาเรือนละเป็นล้าน ก็รู้สึกว่าแพง
แต่แม่ซื้อให้เลยนะ?
พีเค : คือเราภูมิใจ เราไม่ได้เห็นคุณค่าของนาฬิกา เท่ากับแม่เห็นเราใส่
คุณแม่วิไลวรรณ : เรือนนี้ที่ได้ต้องขอบคุณอ๋อง เป็นคนจัดการให้ เพราะแม่ไม่มีความรู้ ถามเขาแล้วว่าอยากได้ยี่ห้ออะไร เขาบอกอยากได้ Rolex อ๋องก็หาให้ พาไปซื้อให้เสร็จ
ตอนที่พี่ได้นาฬิกาจากคุณแม่มีน้ำตาบ้างไหม?
พีเค : เราก็ซึ้ง ประทับใจ เราเป็นแม่ลูกที่เปิดใจไม่ค่อยเก่ง ถ้าพี่เปิดใจ พี่เปิดในเฟซบุ๊ก อย่างที่ได้อ่าน
พีเค ปิยะวัฒน์ กับคุณแม่
แม่ได้อ่านไหม?
คุณแม่วิไลวรรณ : อ่านจ๊ะ อ่านทุกอย่างที่เขาโพสต์
ทำไมพี่ไม่พูดกับแม่ตรง ๆ แทนที่จะไปพิมพ์ในเฟซบุ๊ก?
พีเค : เราไม่ได้โตมาแบบที่รู้สึกยังไงก็พูดอย่างนั้น เราก็เลยหาทางออกอย่างอื่นในการบอกมากกว่า แต่เรารู้ว่าเขารัก แต่ทำไม่ได้ เราสามารถคุยกับคนได้เป็นล้านคนทั่วโลก แล้วขึ้นเวทีเกือบทั่วโลกแล้ว แต่กับครอบครัว มันเหมือนยังมีอะไรที่มันยังกั้นอยู่
พี่พีเคเคยบอกรักคุณแม่ไหม?
คุณแม่วิไลวรรณ : ไม่เคย อาจจะแบบตอนเขาเด็ก ๆ แม่อาจจะทำงานเยอะ มันไม่มีเวลาที่จะมารักกันมาก ถามว่ารักลูกไหม แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกจนกระทั่งทุกวันนี้
แล้วคุณแม่ไม่โหยหาคำว่ารักจากลูกหรือ?
พีเค : เวลาพิมพ์ก็บอกแม่ว่ารักนะ ก็บอกแม่ แม่ก็รู้ว่ารัก
คุณแม่วิไลวรรณ : ถ้าเขาไม่รักก็ไม่รู้จะว่าไง แม่ทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา เพราะแม่มีลูกชาย 3 คน บางทีก็ต้องแข็ง บางทีก็ต้องตึงบ้าง
คุณแม่ได้พาพี่พีเคไปอยู่นิวยอร์กตอนอายุเท่าไหร่?
คุณแม่วิไลวรรณ : ประมาณ 10 ขวบ
ซึ่งพี่พีเคฝันว่าไปนิวยอร์กครั้งนี้ชีวิตจะต้องสวยหรูเหมือนในหนัง?
พีเค : ใช่ เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเลย แต่ไปถึงแล้วไม่ใช่คนละเรื่องเลย พอไปถึงก็เห็นแม่กับพ่อทำงานอยู่ร้านทำแซนวิช เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แม่เป็นคนเสิร์ฟ พ่อเป็นคนทำในครัว แล้วเรานอนกันในห้องต้มน้ำ แล้วที่อาบน้ำที่แรกก็คืออ่างล้างจานใหญ่ ๆ ซึ่งภาพในหัวตอนนั้นกับชีวิตจริงมันคนละเรื่องกันเลย
คือมันลำบากมากใช่ไหมตอนที่พี่ไป?
พีเค : ใช้ได้
แล้วเหตุผลอะไรที่คุณแม่พาพี่พีเคไปอเมริกา?
คุณแม่วิไลวรรณ : ตอนนั้นเขาสอบเข้าบดินทร์ไม่ได้ แล้วพี่ชาย 2 คนเขาอยู่วชิราวุธ แม่ไม่ได้ให้เขาไปเข้า เขาอาจจะน้อยใจอยู่ทุกวันนี้ว่าแม่ไม่ได้ให้เขาเข้าวชิราวุธ แต่ว่าเขาเป็นลูกคนเล็ก ตอนที่เขาอยู่กับแม่ แม่ไปจ้างผู้ชายคนหนึ่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา แล้วก็มีแม่บ้าน 2 คน ตอนที่เขาตัดใจไปอเมริกา เขาก็คุณหนูแหละ หิ้วกระเป๋าขึ้นรถโรงเรียน ทีนี้พอเขาเข้าบดินทร์ไม่ได้ วชิราวุธเขาต้องเข้า ป.3 เขาจะ ป.6 แล้ว แม่ก็เลยตัดสินใจ เคยไปวชิราวุธบ่อย ๆ ตอนลูก 2 คนอยู่ ก็มีความรู้สึกว่าเห็นเขาไปเมืองนอกกัน เราก็ไม่ได้มีเงินเยอะแยะ ก็อยากให้ลูกไปมั้ง พอดีทางญาติพ่อเขาชวน แต่เราไม่รู้ว่าการไปเมืองนอกมันต้องไปทำงานเยอะ แม่ไม่รู้ว่าจะต้องลำบากขนาดนั้น แต่ไปแล้ว ลูกเขาไปทีหลัง แม่รอให้เขาจบเทอมแล้วตามไป เราเห็นวันที่เขาไปวันแรก หน้าเขาก็เศร้านะ อยู่เมืองไทยเขาเป็นลูกคนเล็กที่สบาย แต่เขาก็ยอมรับสภาพนั้นนะ
จากคุณหนูตอนอยู่เมืองไทย แต่พอไปนิวยอร์กต้องเจอแบบนั้นรู้สึกยังไงบ้าง?
พีเค : คิดว่ามันลำบาก แต่คิดว่าถ้าพ่อ แม่เขาอยู่ได้เราก็ต้องอยู่ได้
เห็นบอกต้องตื่นตี 4 ทำงาน ทำอะไรเป็นงานแรก?
พีเค : เป็นคนเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดพวกร้านอาหาร เพราะว่าตอนนั้นถ้าอายุไม่ถึง 16 ปี ยังไม่สามารถขอไลเซ่นไปทำงานได้ เพราะฉะนั้นต้องไปทำงานแบบเก็บทิป ทำไปเรื่อย ๆ
เท่าที่ฟังแม่มาคือปมในใจแม่คือไม่ได้ให้พี่พีเคเข้าที่วชิราวุธ?
คุณแม่วิไลวรรณ : ใช่ ทุกวันนี้แม่ก็ยังคิด เพราะว่าพี่เขา 2 คนจะเพื่อนเกาะติดกันมาก แล้วเขาก็จะรักกันมาก แล้วพีเคเหมือนไม่มีเพื่อน เพราะเขาไปตอนหัวเลี้ยว หัวต่อ ถ้าย้อนกลับไปได้ แม่ก็ยอมอยู่คนเดียว เอาลูกเข้าให้หมด ไม่ต้องให้เขามีปมด้อย ทุกวันนี้แม่รู้ในใจเขาแบบทำไมให้พี่อยู่วชิราวุธ เขาไม่ได้อยู่ แม่พลาด อันนี้บอกตรง ๆ
พีเค : ก็โอเค ไม่อยู่ก็ไม่อยู่ ก็ดีใจที่พี่ชายมีเพื่อน คือพี่ชายเก่งด้วย แล้วเขาก็มีเพื่อนเก่ง ๆ ในวงการทุกวงการเลย เป็นเด็กวชิราวุธหมดเลย พี่ก็ได้อานิสงส์เวลาไปทำพิธีกร แต่เพื่อนพี่ตั้งแต่เด็กจน 10 ขวบ ที่เมืองไทยมีอยู่ คนสองคนแค่นั้น ถ้ามีเพื่อนมากกว่านี้จะดีไหม ขอกลับไม่เปลี่ยนดีกว่า เพราะพี่รู้สึกว่าทุกอย่างที่เจอมาในชีวิตมันเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาตลอด
คุณแม่วิไลวรรณ : คิดอีกมุมถ้าเขาไม่ได้ไปเมืองนอกวันนี้ก็อาจจะไม่มีพีเคในวันนี้
ในช่วงเวลาที่ลำบาก ตอนอยู่นิวยอร์กกี่ปี?
พีเค : ปีแรก ช่วงที่ต้องฝึกภาษาอังกฤษด้วย ต้องอยู่คนเดียว เพราะแม่กับพ่อ อยู่คนละที่ห่างกันชั่วโมงกว่า ๆ
แล้วมีคิดว่าแม่ไม่รักไหม?
พี่เค : ไม่มี ไม่เคยคิดว่าแม่ไม่รักเลย เพราะว่ารู้เลยที่ทำทุกวันนี้ จากเป็นเจ้าของร้านที่เมืองไทย มาเป็นคนเสิร์ฟอาหารเนี่ยคือเขาทำเพราะลูก เรารู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความชอบส่วนตัวมมันคืออะไรต้องแยกให้ถูก
พี่เคลียร์ปมในใจแม่สิ มันจะได้จบ?
พี่เค : เรื่องที่ไม่ได้ไปอยู่วชิราวุธไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย อย่างที่บอกว่าย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่เปลี่ยนเลย เพราะมันคือทุกสิ่งที่ทำให้พี่มีวันนี้
เขากำลังจะได้ทำงานดี ๆ เงินดี ๆ อยู่ที่นิวยอร์ก แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ขายทุกอย่าง เพื่อกลับมาตามหาฝันที่เมืองไทย ณ ตอนนั้นอารมณ์คุณแม่เป็นยังไง?
คุณแม่วิไลวรรณ : ตอนนั้นแม่ร้องไห้ทุกวัน พูดเท่าไหร่ก็หยุดไม่ได้ เขาอยากมา อยากมาก็โอเคมา แต่แม่ก็ใจแข็งนะ แม่ก็บอกป๊อบดูน้องนะ ขาดเหลืออะไรบอกแม่ ดูแลน้องด้วย เขาก็มาด้วยตัวเขาเอง ที่เขามาอยู่แกรมมี่ แล้วแม่เคยมาตามเขากลับไปทีนึง เขาก็กลับร้องไห้ แม่ก็ร้องไห้ ป๊อบก็เลยบอกกับแม่ว่า แม่ให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำเถอะ แล้วถ้าเขาทำไม่ได้เขากลับมาเอง
พี่พีเคความฝันพี่ตอนนั้นคืออะไร?
พีเค : เหมือนตอนนี้เลย อยากเป็นนักร้องที่แกรมมี่ อยากทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่พี่อายุ 14 พี่ฝันตลอดว่าวันนึงพี่จะมาทำงานที่แกรมมี่ให้ได้
เห็นว่าถ้าทำงานที่นิวยอร์กเงินเดือนเกือบ 2 แสน?
พีเค : แสนกว่าบาท ตอนนั้นพอจบมหาลัยปั๊บ เราได้ทำงานเป็นคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์กของแบงค์ใหญ่ของอเมริกาเลย แล้วเงินเดือนเขาให้เป็นอาทิตย์ ถ้าบวก 4 อาทิตย์ แสนกว่าบาท มันน่าจะเริ่มชีวิตได้แล้ว หลังจากนั้นปั๊บก็เจอคนที่ใช่ แต่งงาน มีลูกใช้ชีวิตครอบครัว แต่ในใจพี่มันไม่ใช่ไง ใจพี่อยากเป็นนักร้องตั้งแต่พี่อายุ 14
พี่ทำยังไงถึงมีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน บินกลับมาไทย?
พีเค : ขายรถ ขายทุกอย่างที่มีอยู่ ตอนนั้นรักรถมาก จำได้ว่ายืนร้องไห้อยู่ข้างถนน เจ้าของใหม่เขาขับไป
พี่ทิ้งเงินเดือนแสนกว่าบาทมาที่เมืองไทย แล้วพี่ได้เงินเดือนเท่าไหร่?
พีเค : 7 พัน พี่ฉอดให้ 7 พัน ตอนแรกคือ 0 เลยนะ มีเงินอยู่ 25,000 บาท แล้วก็ได้เงินเข้ามา 0 บาท มานั่งฝึกทำเทปดีเจที่นี่ 36 ม้วนส่งให้พี่ฉอดกับพี่อ้อยฟัง พอ1ปี พี่ฉอดเคาะว่าให้พีเคเป็นดีเจเสาร์ อาทิตย์ ตอนนั้นรู้สึกว่ารอดแล้วได้ทำงานแกรมมี่แล้ว ตอนนั้น 7 พัน สำหรับพี่มันเยอะมาก 7 พันสามารถทำอะไรได้เยอะ
ตอนพี่กลับมาโดนบูลลี่ด้วย?
พีเค : โดนตลอด แต่ทุกวันนี้คนไม่ค่อยกล้าบูลลี่แล้ว แต่สมัยก่อนโดนบ่อย เรื่องดำ ไม่หล่อ เตี้ย ไม่ใช่ลูกครึ่ง บ้าน ๆ
แล้วพี่ผ่านมาได้ยังไง?
พีเค : ก็มันต้องมีเสียใจ แอบร้องไห้ จำได้ว่าตอนที่เริ่มอ่านสปอร์ตโฆษณาใหม่ ๆ มีพี่ผู้หญิงที่เป็นรุ่นเก๋าต้องอ่านนำครึ่งนึง แล้วพี่อ่านอีกครึ่งนึง แล้วพี่อ่านไปอ่านมา ยังไม่เก่ง แล้วอ่านไปได้พักนึงต้องเบรกแก้ใหม่ แล้วเผอิญคนที่เขาคุมบอร์ด คุมที่อัด เขาลืมปิดไมค์ แล้วพี่ผู้หญิงเขาบอกว่าอ่านอย่างนี้จะหาแดกได้ยังไง เราจี๊ดเลยนะ ต่อจากนี้ไปเราต้องอ่านให้ได้ 8 บรรทัดภายใน 30 วินาที แล้วต้องอ่านให้ชัดด้วย
แม่เป็นห่วง แม่รู้ว่าพี่ไม่ได้งาน แม่บินจากนิวยอร์กมาตามกลับ?
คุณแม่วิไลวรรณ : มาบ่อย 6 เดือนมาที พอแม่มาเขาก็ให้เงินแม่ทีละ 1-2 หมื่น พอหลัง ๆ มาก็ให้ 3-4 หมื่น แล้วมีอยู่วันนึงแม่มาวันเกิด หรือวันปีใหม่เขาให้แม่ แสนนึง แม่ก็แบบแสดงว่าเขาต้องทำงานได้เยอะตอนนั้น แม่ก็เลยถามเขาว่าถ้าแม่กลับมาจะให้แม่เดือนเท่าไหร่ เขาบอกว่าอาทิตย์ละหมื่นแม่พอไหม แม่ตกใจ อาทิตย์ละหมื่น เดือนนึง 4 หมื่นนะลูก เขาบอกก็ใช่ไงแม่แม่บอกไหม กลับไปแม่เก็บข้าว เก็บของกลับมาเลย
เห็นบอกว่าอยากได้อะไรก็ให้แม่ซัพพอร์ตให้แล้วผ่อนกับคุณแม่ เช่น ซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย?
คุณแม่วิไลวรรณ : คันแรกตอนที่เขามาอยู่ใหม่ ๆ แรก ๆ เขามานั่งรถเมล์ เสร็จแล้วเขามาบอกว่ามีรถปีกแมลงทับ เขาบอกว่าอยากได้คันนั้น แม่ก็บอกว่าโอเค แม่ซื้อให้ แต่ทำงานได้ต้องผ่อนแม่นะ เราอยากฝึกให้ลูก ไม่ใช่ว่าซื้อให้ปุ๊บเขาไม่ต้องมีภาระอะไรเลย ลูกทุกคนแม่ซื้ออะไร แม่ให้ผ่อนหมด เขาจะน้อยใจหรือไม่น้อยใจ แต่เขาก็มีทุกวันนี้
เขานิสัยเหมือนแม่มาก แม่ว่าเขาเหมือนไหม?
คุณแม่วิไลวรรณ : เขาเหมือนแม่ตรงที่มานะ อดทน แล้วอยากทำอะไร ต้องทำให้ได้ แล้วก็มุ่งมั่นทุกอย่างนะ แต่ไม่เหมือนอย่างคือใช้เงินเก่ง
ตอนนี้แม่มีทรัพย์สมบัติที่อเมริกาและที่นี่เป็นหลักร้อยเลยใช่ไหม?
คุณแม่วิไลวรรณ : ก็มีนะ แต่ก่อนแม่ไปใหม่ ๆ ก็เช่าบ้านเขาอยู่พอต่อไปเราก็คิดว่าสมมติว่าลูกเราเป็นเจ้าของบ้าน เรารู้สึกว่าเจ้าของบ้านเท่มากเลย แต่เราก็ทำให้ลูกเราเป็นเจ้าของบ้านได้ แม่ซื้ออพาร์ทเมนต์ 3 แฟมิลี่ ก็ทำให้ลูก แต่คนที่อยู่สบายที่สุดคือลูกคนโต
แต่มีเรื่องนึงที่พี่คิดว่าแม่รักพี่ชายมากกว่า?
พีเค : ถ้าเป็นสมัยก่อน แม่ส่งพี่ชายไปเรียนวชิราวุธ ตอนนั้นคิดว่าเขาคงจะรักมากกว่า เพราะเราอยู่กับบ้าน เสร็จแล้วไปลำบากที่นิวยอร์กต่อ มันเป็นช่วงแว๊บ ๆ ของชีวิต
แล้วก็มีเรื่่องที่แม่เคร่งเรื่องการใช้จ่าย ทำไมพี่ถึงชอบคิดว่าแม่ไม่รัก?
คุณแม่วิไลวรรณ : คือแม่ก็มีตึงมั่ง หย่อนมั่ง คิดถึงโควิดตอนนี้เขาไม่มีรายได้อะไรเลย ถามว่าแม่ทุกข์ไหม แม่ไม่ทุกข์อะไรเลยถ้าเขารู้จักเก็บ เขาก็ไม่ลำบาก ทั้งชีวิตให้ลูก แล้วแม่รักลูกมาก แม่ขอชมนิดนึง เขาเก่ง ถ้าเขาไม่ใช่พีเควันนี้ก็ไม่มีใครรู้จักแม่ แล้วก็โชคดีที่แม่มีลูก 3 คน ที่เขาไม่ได้ไปในทางที่ผิด แค่นี้แม่พอแล้ว แม่ไม่ขออะไรเลย โทร.มาหาแม่บ้าง ตอนนี้แม่แก่มากแล้ว เมื่อก่อนมีบ้าง แม่กินข้าวหรือยัง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมี เราแก่แล้ว 75 แล้ว จะอยู่อีกกี่วัน ขอแค่นั้นเอง ไม่ต้องเอาเงินมาให้แม่ เราหาของเราไว้แล้ว
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama