วันนี้ XiaoJay จะมาแนะนำหนังแนวเอาชีวิตรอด หนังแนวนี้สร้างออกมาให้ได้รับชมกันมากมายเหลือเกิน เนื่องด้วยหนังประเภทนี้นั้นสนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก เสมือนตัวเราอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ แต่วันนี้ที่ XiaoJay หยิบยกหนัง Survival ทั้ง 9 เรื่องซึ่งเนื้อหาน่าสนใจมากมาฝากก็เพราะมันสอดคล้องกับเหตุการณ์โรคระบาดในตอนนี้ซะเหลือเกิน XiaoJay เลยมาแนะนำหนังแนวนี้เอาไว้ดูเป็นแนวทางและกำลังใจในการดำเนินชีวิตให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน อันดับที่ 1 A quiet place หนังเล่าถึงช่วงเวลาหลังจากโลกโดนโจมตีจากสัตว์ประหลาดที่ประสาทหูดีเยี่ยม ได้ยินสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ไกลเป็นพันเท่า เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่กันตามลำพังอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งที่นี่พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบเชียบ เพื่อหลบเลี่ยงจาก เหล่าสัตว์ประหลาด ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งพวกมันพร้อมจะมาเล่นงานพวกเขาได้ทุกเมื่อ ถ้าหาก “พวกมันได้ยินเสียง” บรรยากาศของหนังตึงเครียด หดหู่ กดดัน นักแสดงเข้าถึงบทบาทได้ดีแม้แต่นักแสดงที่อายุน้อยก็ตาม โดยเฉพาะเอมิลี บลันต์ และ จอห์น คราซินสกี แสดงออกมาได้สมบทบาทพ่อแม่ผู้รับหน้าที่เป็นเสาหลักต้องคอยดูแลควบคุมความปลอดภัยของลูก ๆ ส่วนในเรื่องของโลเคชั่นและบรรยากาศสมจริง ตัวสัตว์ประหลาดทำได้สมจริงราวกับว่ามีสัตว์สปีชีส์นี้อยู่จริง ๆ หนังสื่อออกมาดีมากแม้ตัวละครจะไม่พูดแต่ดูแล้วเข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร มีการลำดับเรื่องตอนเปิดที่งงไปบ้างเพราะไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากช่วงเปิดเรื่องราวดำเนินไปอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เผยให้เห็นกิจวัตรประจำวันของตัวละคร จนไปถึงช่วงท้ายของเรื่องมันทั้งตื่นเต้นทั้งลุ้นระทึก จนเราเองไม่กล้าส่งเสียงตามไปด้วย หนังเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องโปรดของ XiaoJay เลยค่ะ แนะนำว่าต้องดู อันดับที่ 2 The Mist ( มฤตยูหมอกกินมนุษย์ ) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หลังจากที่เมืองนี้ถูกพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำ ชาวเมืองต่างพากันออกไปกักตุนอาหารและของใช้ที่ซูเปอร์มาเก็ตในเมืองกันหมด ทันใดนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นเมื่อเมืองทั้งเมืองถูกพายุหมอกปกคลุม ในพายุหมอกนั้นมีบางสิ่งบางอย่างแฝงตัวอยู่ มันพร้อมที่จะเขมือบผู้ที่ย่างกรายเข้าไปในม่านหมอกนั้น ความตายคลืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนต่างก็หวาดผวา พวกเขาเผยธาตุแท้ของมนุษย์ออกมา พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อการเอาชีวิตรอด ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงถึงสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ผสมกับความน่ากลัวที่มาในรูปแบบของสัตว์ปริศนาซึ่งมากับหมอกมฤตยูได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกจากหลาย ๆ แห่ง หนังเล่นกับความเชื่อของมนุษย์ได้ดีผ่านทางตัวละครของคุณป้าผู้เคร่งศาสนา การดำเนินเรื่องค่อนข้างโอเค มีบ้างฉากที่ไม่สมเหตุสมผลบ้าง นักแสดงเข้าถึงบทบาท ตัวร้ายบางตัวแสดงสมจริงจนเรารู้สึกหมั่นไส้เลยทีเดียว บรรยากาศของหนังตึงเครียด กดดันและลุ้นระทึก ตอนจบนี่หักมุมสุด ๆ จน XiaoJay ถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว อันดับที่ 3 The Road หนังบอกเล่าเรื่องราวของสองพ่อลูกที่รอดชีวิตจากหายนะครั้งใหญ่ มันได้ทำลายซึ่งทุกสิ่ง อาหารและทรัพยากรต่างค่อย ๆ สูญสิ้นไปจากโลก สัตว์ป่าล้มตาย พืชพรรณธัญญาหารเสียหาย ไฟฟ้าไม่อาจใช้งานได้ มนุษย์ที่ยังเหลือรอดจึงหันมาเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด หรือแม้กระทั่งหันมากินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง พ่อ รับบบทโดย Mortensen ผู้ซึ่งสูญเสียภรรยาจากเหตุการณ์หายนะ เขาต้องปกป้องลูกชายให้อยู่รอดปลอดภัยและสอนให้ใช้ชีวิตเอาตัวรอดได้เองเมื่อถึงวันที่เขาต้องจากไป ทั้งคู่นั้นได้มุ่งหน้าลงสู่ทางใต้ของประเทศ ซึ่งหนทางเต็มไปด้วยความลำบากและอุปสรรคนานัปการ หนังเรื่องนี้ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่บอกได้คำเดียวว่าไม่น่าเบื่อ การดำเนินเรื่องเข้าใจง่าย ลุ้นระทึกว่าทั้งคู่จะได้เจอกับอะไรบ้างในการเดินทางครั้งนี้ หนังทำให้เราได้เห็นถึงหายนะที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งทำได้สมจริงจนน่าขนลุกเอามาก ๆ พาให้เราจินตนาการตามไปด้วยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาจริง ๆ เราควรจะทำอย่างไรดี บรรยากาศอึดอัดท้องฟ้ามืดมนเหมือนมีเมฆครึ้มอยู่ตลอดเวลา โทนภาพสีหม่นหมองแทบไม่มีแสงแดดเลย มันทำให้เรารู้สึกสิ้นหวังไปด้วย XiaoJay ต้องขอแสดงความนับถือทีมผู้สร้างมากที่เนรมิตเมืองใกล้ตายได้เสมือนจริงสุด ๆ ทั้งเศษซากปรักหักพัง สถานที่ต่าง ๆ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสมจริงทุกประการ ส่วนเพลงประกอบก็ชวนสิ้นหวังไปกับโลกที่ใกล้จะพังเต็มที มันเต็มไปด้วยความหดหู่แต่ Jay ชอบมากค่ะ อันดับที่ 4 In time เป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในโลก Utopia เวลามีค่าเหมือนเงินตรา สามารถต่อชีวิตและคร่าชีวิตผู้คนได้ นาฬิกาแห่งอายุขัยจะเริ่มเดินถอยหลังเมื่ออายุครบ 25 ปี ทุกคนต้องทำงานเพื่อซื้อเวลา คนจนต่างล้มตายส่วนคนรวยนั้นมั่งคั่งร่ำรวยและเป็นอมตะ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ วิล ซาลาส ชายที่ทำงานแลกเวลาแบบวันต่อวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับเวลา 100 ปีจากชายที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ เขาจึงพยายายามข้ามไทม์โซนเวลาไปยัง นิวกรีนิช เมืองแห่งผู้ร่ำรวยมั่งคั่ง เพราะเหตุนี้วิลจึงถูกตามล่าจาก ไทม์คีฟเปอร์ ผู้รักษาสมดุลเวลา เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นโจรปล้นเวลา หลังจากข้ามไทม์โซนได้สำเร็จ วิลได้พบกับสาวไฮโซสุดสวย เธอและเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกันทันที เรื่องราวความรักของเขาและเธอก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างแผนการลักพาตัว และท้ายที่สุดเขาและเธอก็ร่วมมือกันโค่นล้มระบอบการทุจริตคดโกงเวลา หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดี ลุ้นระทึก โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครกำลังจะหมดเวลาแล้วต้องวิ่งไปเอาเวลาเพิ่ม ทำให้เราลุ้นจนนั่งไม่ติดเลยทีเดียว พล็อตเรื่องแปลกใหม่เล่นกับเวลาชีวิตของคน เอาเวลามาใช้เป็นเงิน แฝงข้อคิดให้เราได้คิด ว่าเวลานั้นสำคัญมากจริง ๆ หากหมดเวลาก็คือตาย การดำเนินเรื่องดีไม่ยืดยาดดูสมเหตุสมผลดี ฉากแอคชั่นยังทำออกมาได้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ นักแสดงฝีมือการแสดงสมบทสมบาทแถมพระนางยังหล่อสวยอีกด้วย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายดูดีดูเหมาะสม บรรยากาศและโลเคชั่นดูสมจริง เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้วต้องคอยเอาใจช่วยตัวละครโดยรวมถือว่าดี XiaoJay ชอบมากค่ะ อันดับที่ 5 The invation เป็นเรื่องราวของการรุกรานโลกจากมนุษย์ต่างดาว มันจะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เหมือนปรสิต การติดเชื้อได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ปรสิตมันจะแอบซ่อนอยู่ในร่างกายคนจนกระทั่งเมื่อผู้คนหลับใหล พวกเขาก็จะเข้าสู่ระยะเปลี่ยนแปลงและจิตใจของพวกเขาจะถูกควบคุม ไม่อาจแสดงอารมณ์และความรู้สึกได้อีกต่อไป ทางเดียวที่จะไม่ติดเชื้อนี้ได้ก็คือการแสดงว่าเป็นคนไร้ความรู้สึกและเมื่อเชื้อร้ายได้เข้าสู้ร่างกายแล้วต้องไม่หลับ เมื่อ แครอล เบนเนล จิตแพทย์สาว รู้สึกได้ว่าผู้คนกำลังเปลี่ยนไปและอีกไม่นานจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามออกตามหาลูกชาย (โอลิเวอร์) ซึ่งถูกสามีที่ติดเชื้อร้ายดังกล่าวเอาตัวไป จนในที่สุดตัวเธอเองก็ได้รับเชื้อนั้นมา แต่เธอนั้นจะไม่ยอมเปลี่ยนเป็นผู้ไร้ความรู้สึกแน่นอน เธอจึงทำทุกวิถีทางที่จะไม่หลับ และเธอได้พบว่าลูกชายของเธอนั้นมีภูมิคุ้มกัน แครอลจึงทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเขาให้ปลอดภัย เพราะเขาอาจจะเป็นความหวังสุดท้ายของโลกที่จะสามารถรักษามนุษย์จากเชื้อร้ายนี้ได้ การดำเนินเรื่องเป็นไปแบบช้า ๆ มีฉากแอคชั่นไม่มากนักมีฉากขับรถหนีและรถชนดูสมจริง แต่ยังขาดสิ่งน่าสนใจไปบ้าง Nicole Kidman แสดงสมจริงน่าประทับใจมากทำให้เราอินถึงอารมณ์คนเป็นแม่ที่รักลูกมาก หนังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังฉากแอ็คชั่นโหดๆ แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังแนวสยองขวัญในบรรยากาศน่ากลัว อึมครึม ตึงเครียด แนวจิตวิทยา บรรยากาศและโลเคชั่นก็โอเค ส่วนตัวคิดว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด อันดับที่ 6 The Silence หนังว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ต้องหนีออกจากเมืองเพื่อซ่อนตัวจากสัตว์ประหลาดบินได้แต่พวกมันไม่มีตา พวกมันใช้ประสาทสัมผัสจากเสียงเท่านั้นเพื่อล่าเหยื่อ คนเป็นพ่อพาครอบครัวของเขาหนีออกไปจนพบเข้ากับกระท่อมที่ปลอดภัย พวกเขาตัดสินใจจะหลบซ่อนที่นี่ แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะเงียบให้รอด เปิดหัวเรื่องมาค่อนข้างดี สนุกน่าตื่นเต้น การดำเนินเรื่องเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนอะไร มีเรื่องให้เล่าไม่มากนัก ส่วนตัวคิดว่าจบเร็วไปนิดนึงเปิดเรื่องมาก็ตัดเข้าสู่แกนของเรื่องเลยไม่อืดอาด แนะนำตัวละครน้อยไปนิดนึงทำให้คนดูไม่ค่อยอินกับดราม่าช่วงท้าย ๆ ฉากแอคชั่นไล่ล่าสามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ นักแสดงเล่นดีเข้าถึงบทบาทโดยเฉพาะ Stanley ที่แสดงเป็นพ่อ บรรยากาศสมจริงและโลเคชั่นโอเค โดยรวมโอเคดูได้เพลิน ๆ ค่ะ อันดับที่ 7 How it ends เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างเมือง หลังจากเสร็จภารกิจเขาติดอยู่ที่สนามบิน เขาพบว่าทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปและไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ เขาได้รับความช่วยเหลือจากพ่อตาเพื่อพาเขาเดินทางกลับไปหาภรรยาที่กำลังตั้งท้องในช่วงที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับหายนะครั้งยิ่งใหญ่ การเดินทางของพวกเขาเริ่มต้นจากภารกิจช่วยชีวิตจนนำไปสู่การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด เป็นหนังแนวเอาชีวิตรอดจากภัยธรรมชาติ ที่ส่วนตัว XiaoJay ดูแล้วชอบนะ เพราะให้ความรู้สึกตื่นเต้นในระดับหนึ่ง โดยรวมถือว่าสนุกน่าดูเลยแหละ ใครที่ชอบแนว ผจญภัย เอาชีวิตรอด ประมาณนี้น่าจะชอบ พล็อตหนังเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ดำเนินเรื่องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ตัวพ่อตาและลูกเขยแสดงดีมากส่วนตัวรู้สึกอินกับความรู้สึกของตัวละครสองตัวนี้มาก บรรยากาศและโลเคชั่นสมจริงสุด ๆ ถึงขั้นว้าวเลยค่ะ โดยเฉพาะฉากที่พระเอกกลับไปยังเมืองซีแอตเติล นับถือทีมผู้สร้างมาก ๆ ค่ะ สามารถเนรมิตเมืองที่โดนภัยพิบัติโหมกระหน่ำได้สมจริงมากเก็บรายละเอียดดีทุกจุด Jay คิดว่ามันคือจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เลยแหล่ะ อันดับที่ 8 The darkest hour สองหนุ่มชาวอเมริกันเบนและฌอน รับบทโดย Max Minghella และ Emile Hirsch เดินทางไปมอสโคว์เพื่อขายซอฟต์แวร์เครือข่ายโซเชียลสำหรับหาเพื่อนปาร์ตี้ หลังจากมาถึงห้องประชุมที่มอสโคว์พวกเขากลับต้องผิดหวังเมื่อพบว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจชาวสวีเดนชื่อ Skyler ได้ทรยศพวกเขา และได้ทำข้อตกลงซื้อขายซอฟต์แวร์กับชาวรัสเซียไปแล้ว หลังจากที่ผิดหวังกับธุรกิจพวกเขาได้ไปปาร์ตี้ที่ไนท์คลับและได้พบกับนาตาลีสาวชาวอเมริกัน และแอนน์เพื่อนสาวชาวออสเตรเลียของเธอ และแล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นที่ด้านนอกไนท์คลับ พวกเขาเห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแสงออโรร่าร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเต็มไปหมด แสงที่ไร้รูปร่างมันเริ่มออกล่าผู้คนทันที เมืองทั้งเมืองเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและเถ้าธุลี ผู้คนที่ยังเหลือรอดชีวิตมีเพียงน้อยนิดและหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตคือกลุ่มของ เบน ฌอน นาตาลี แอนน์ และสกายเลอร์ พวกเขาพยามจะขอความช่วยเหลือจากสถานทูตแต่การสื่อสารทั้งหมดถูกปิดตาย พวกเขาพยามที่จะหนีออกจากเมืองให้ได้แต่เมืองทั้งเมืองถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หนังเรื่องนี้จะชูโรงผู้บุกรุกที่เห็นแค่แสงในตอนกลางคืนและไร้แสงไร้ตัวตนในตอนกลางวันพวกมันสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาบริเวณรอบ ๆ ที่มันปรากฏตัว มันสามารถโจมตีเหยื่อให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตาถือว่าเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างแปลกใหม่เลยทีเดียว ในส่วนของการดำเนินเรื่องนับว่าหนังดำเนินเรื่องได้อย่างรวดเร็ว เกริ่นนำตัวละครแค่เล็กน้อย แล้วก็ตัดเข้าแกนของเรื่องเลย เริ่มฆ่าตัวละครแต่ละตัวทันทีโดยที่ไม่รู้รายละเอียดตัวละครมากนัก ดังนั้นประเด็นหลักของเรื่องจึงมาให้เห็นกันตั้งแต่เริ่มเรื่องไปไม่กี่นาที XiaoJay ก็รู้สึกว่าโอเคนะไม่ยืดเยื้อดี เพราะถ้ามัวแต่เล่ารายละเอียดกันมากไปคงน่าเบื่อ เนื้อหาในหนังเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก มีจุดที่ไม่สมเหตุผลอยู่บ้าง พล็อตเรื่องไม่ได้แปลกใหม่พอเดาได้ แต่ตัวร้ายมีคุณสมบัติแปลกใหม่ นักแสดงก็เข้าถึงบทบาทได้ดี โลเคชั่นและบรรยากาศสมจริง สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ดูได้เพื่อความบันเทิง เป็นหนังที่ดูแล้วเพลินเรื่องหนึ่งเลยค่ะ อันดับที่ 9 The Vanishing on 7th street หนังเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งเขากลับพบว่าทุกคนหายไปหมดเหลือไว้เพียงกองเสื้อผ้า จนเขาได้ทราบว่าอะไรคือสาเหตุที่คนหายไป เขาพยายามหาทางออกไปจากเมืองนี้ให้ได้แต่ก็มีอุปสรรคขวางกั้นเพราะกลางคืนมันยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ เขาพบบาร์แห่งหนึ่งและที่นั่นทำให้เขาได้เจอกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ที่เหลือรอดจากเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ พวกเขาทั้งหมดติดอยู่ในบาร์เล็ก ๆ แห่งนี้ในขณะที่เครื่องปั่นไฟกำลังจะดับลง บางสิ่งบางอย่างก็กำลังจะคลืบคลานเข้ามา หนังเปิดตัวมาได้ดีมากในช่วงแรกๆ ชวนติดตาม น่าค้นหาว่าผู้คนหายไปไหนกันหมด ให้ความรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นระทึกพอสมควร ถึงแม้จะไม่เห็นรูปร่างของตัวร้ายแต่ทำออกมาได้น่ากลัวเลยทีเดียว ตัวละครแต่ละตัวเล่นสมบทบาทดี การดำเนินเรื่องบางจุดดูไม่สมเหตุสมผลบ้าง หลังจากเปิดตัวผู้รอดชีวิตครบทั้ง 5 คนแล้ว เนื้อเรื่องจะเริ่มเอื่อยลงเรื่อยๆ จะเป็นการพูดคุยกันเรื่องไร้สาระของตัวละครเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในตอบจบหนังกลับไม่ได้สรุปอะไรมาให้เลย เล่นจบเอาดื้อ ๆ ปล่อยคนดูค้างไปตาม ๆ กัน โดยรวมหนังเรื่องนี้เหมาะกับผู้ชมที่ชอบหนังสยองขวัญ ลุ้นระทึก ดูได้เพลิน ๆ ไม่ใช่หนังแนวตลาดนิยม แต่ถ้าหากดูโดยไม่สนจุดหยาบของหนัง ก็เป็นอีกเรื่องที่ดูสนุกเลยภาพปกโดย: XiaoJayขอบคุณภาพประกอบที่ 1 จาก: Netflix, ภาพที่ 2-3-4 จาก: Box office mojo, ภาพที่ 5 จาก: warnerbros , ภาพที่ 6-7 จาก: Netflix, ภาพที่ 8-9 จาก: Box office mojo