คาเรน คล่องตรวจโรค อดีตนางเอกดังยุค 90 เผยเหตุลาวงการ 20 ปี ปักหลักชีวิตที่เชียงใหม่
จำกันได้ไหม? คาเรน คล่องตรวจโรค อดีตนางเอกชื่อดังยุค 90 เผยเหตุหันหลังให้วงการ 20 ปี ปักหลักใช้ชีวิตครอบครัวที่เชียงใหม่
ถ้าพูดถึงอดีตนางเอกวัยรุ่นชื่อดังยุค 90 เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของนักแสดงสาว คาเรน คล่องตรวจโรค อยู่ในใจของใครหลายคน ด้วยภาพจำของสาวน้อยลูกครึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มที่มีเสียงเล็กแหลมเป็นเอกลักษณ์ แต่อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็หายหน้าไปจากวงการบันเทิงทั้งที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง
ล่าสุดวันที่ 28 ม.ค.65 “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” มีโอกาสได้พูดคุยกับ สาวคาเรน ที่ปัจจุบันกลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ซึ่งปักหลักใช้ชีวิตกับครอบครัวที่น่ารักอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมย้อนเล่าถึงผลงานในอดีต และสาเหตุที่ทำไมถึงตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิงนานถึง 20 ปี
ย้อนไปสมัยเริ่มเข้าวงการ? “จริงๆ แล้วเริ่มตั้งแต่ 6 ขวบ จำได้ว่าตอนนั้นกำลังเดินเล่นที่งานแฟร์ของโรงเรียน สมัยก่อนโรงเรียนนานาชาติจะมีแมวมองมาคอยดู เดินๆ อยู่ก็มีคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม เผื่อไปแคสติ้ง หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อมาแล้วก็เริ่มถ่ายโฆษณา สมัยก่อนก็จะถ่ายพวกแฟชั่นแม่และเด็กค่ะ”
“จนกระทั่งเคยถ่ายภาพนิ่งของสินค้าตัวหนึ่งนิตยสาร แล้วพี่มด(นพพร วาทิน)ไปเห็นโฆษณานั้นเลยตามหาเราและเรียกเข้ามาถามว่าอยากเล่นหนังเล่นละครไหม เราก็แบบโอเคค่ะ เลยได้เข้าไปแสดงหนังและละครค่ะ ตอนนั้นอายุประมาณ 11 ค่ะ”
ผลงานที่แจ้งเกิด? “น่าจะเป็น เด็กเสเพล ที่เล่นกับพี่ต๊ะ บอยสเก๊าท์ เด็กเสเพลนี่ก็จะเป็นอะไรที่ทำให้คนเริ่มรู้จักเราเลย เพราะว่ามันเป็นหนังที่ได้รางวัลด้วย แล้วก็เป็นนางเอกเดี่ยวๆ เลยค่ะ นอกจากเด็กเสเพลแล้วยังมีหนังเรื่องวัยระเริง กขค โรงเรียนนอก ส่วนละครก็มี ตุ๊ต๊ะต๋อมแต๋ม สุภาพบุรุษตัวต. ยุ่งนักรักซะเลย ประมาณนี้ค่ะ คืออยู่ในวงการที่เล่นหนังเล่นละครจริงๆ ก็ประมาณ 7 ปี”
แล้วอยู่ดีๆ หายหน้าไปไหน? “ตั้งแต่แรกเลยที่เข้าวงการที่เคยพูดกับพี่มดตลอดเลยว่าอันนี้จะเป็นงานอดิเรก ไม่ใช่งานที่อยากจะทำตลอดไป พอดีมันเป็นช่วงที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย แล้วเราก็เรียนที่ คณะวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ ม.มหิดล ซึ่งตอนนั้นทางมหาวิทยาลัยบอกเลยว่าขาดเรียนไม่ได้เลยนะ เราก็เลยเลือกที่จะพักตรงนี้ไว้ก่อนไปทุ่มเทกับการเรียน”
“เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่าช่วงเวลาที่อยากลองทำงานวงการบันเทิงได้ผ่านไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็อยากจะทุ่มเทกับการเรียนและอนาคตของตัวเอง อย่างที่ทุกคนรู้ว่างานในวงการมันขึ้นลงไม่แน่ไม่นอน วันนี้มีพรุ่งนี้อาจจะไม่มี เพราะฉะนั้นก็เลยไม่เคยเห็นว่าอันนั้นเป็นแหล่งงานของคาเรนอ่ะค่ะ”
หลังเรียนจบก็ไม่หวนกลับมาวงการบันเทิง? “ไม่ได้ทำเบื้องหน้าแต่ว่าไปทำเบื้องหลังแทนค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากฝึกงานเองที่มันไม่เกี่ยวข้องกับสายที่เรียนอยู่ เลยขึ้นมาเชียงใหม่และทำงานกับองค์กรหนึ่งที่ชื่อว่า CBN ที่นี่เขาทำรายการเด็กที่ออกทางไทยพีบีเอสชื่อว่า Kids Only แล้วรู้สึกว่ามีความสุขมากเลยกับการที่ได้ทำอะไรสำหรับเด็กๆ เลยอยากทำเบื้องหลังแทน”
ไม่มีใครชวนให้กลับเข้ามาวงการบันเทิงเลยเหรอ? “ไม่มีนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นได้คุยกับพี่มดด้วยว่าใจเราตอนนี้ไม่อยากทำแล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็จะมีรายการของตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ตอนนี้ก็จะเน้นทางด้านคริสเตียนให้กำลังใจและแรงบันดาลใจมากกว่าค่ะ”
เหตุผลที่ไม่อยากกลับเข้าวงการ? “เรารู้สึกว่าสมัยก่อนมันเรียบง่ายกว่านี้ จะอบอุ่น หมายถึงว่าเป็นครอบครัวใหญ่ๆ อันหนึ่ง แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าโซเชี่ยลมันเยอะก็รู้สึกวุ่นวาย ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เป็นแนวนั้นแล้ว นี่ก็ 20 ปีแล้วที่หันหลังให้วงการบันเทิงค่ะ”
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนยังมีคนจำได้ไหม? “ถ้าเป็นคนยุค 90 ก็จะจำกันได้อยู่ ยังมีคนทักอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นรุ่นน้องก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคาเรนคือใคร บางครั้งก็จะแบบว่าหน้าคุ้นๆ เสียงเล็กๆ ใช่ที่นามสกุลแปลกๆ คล่องตรวจโรค ใช่ไหม แต่ว่าที่ตลกก็คือเคยมาทักให้เป็นคนอื่นด้วย หลายครั้งชอบมีคนมาทักว่าเป็นนาตาลีที่เป็นนักร้องเมื่อก่อน”
เสียงเป็นเอกลักษณ์? “รูปร่างก็คืออาจจะเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แต่ว่าส่วนมากเขาจะจำหน้ากับเสียงได้อยู่ จริงๆ เราไม่ค่อยซีเรียสเรื่องรูปร่างเพราะถ้าเราเฮลตี้ก็คือโอเค แต่ถ้าไม่เฮลตี้ก็ควรปรับปรุงนิดหนึ่ง แน่นอนรูปร่างมันก็เปลี่ยนไปหลังจากที่มีลูกนี่แหละ หลังจากที่คลอดแล้วมันก็จะไม่ค่อยกลับมา แต่เราไม่ซีเรียส จะฮาๆ ถ้าใครทักว่าทำไมเดี๋ยวนี้ดูสมบูรณ์เยอะจัง เราก็จะบอกว่าไม่มีอะไรค่ะ สามีเลี้ยงดีค่ะ”
คิดถึงวงการบันเทิงบ้างไหม? “ถ้าจริงๆ เลยก็คือไม่ค่อยมีนะคะ ตอนนี้ก็มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่ แล้วก็ได้ใช้เวลากับครอบครัวทั้งสามีและลูก รวมถึงได้ทำในสิ่งที่ชอบ อีกอย่างในวงการบันเทิงมันอาจจะมีความกดดันหลายๆ อย่าง เราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่มันวุ่นวาย พอมาอยู่เชียงใหม่ปุ๊บก็รู้สึกหลงรักเสน่ห์ของที่นี่ เป็นชีวิตที่ค่อนข้างชิล สบายๆ ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย”
ยังได้ติดต่อกับเพื่อนในวงการบ้างไหม? “ยังเจอทางเฟซบุ๊กกันอยู่ ยังติดต่อทักทายกันบ้าง แต่ที่ตอนนี้ได้ร่วมงานเยอะอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นคริสเตียนด้วยก็จะมีพี่โบว์ ไทรอัมพ์สคิงดอม แล้วก็พี่เต๊ะ-ศตวรรษ เมื่อก่อนคาเรนกับพี่เต๊ะก็เคยเล่นหนังด้วยกัน ตอนนี้ก็เจอกันในแวดวงคริสเตียนอีกครั้งหนึ่ง”
แต่งงานมานานหรือยัง? “10 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้ลูก 6 ขวบแล้ว ดีนะคะก็เป็นคุณแม่เต็มเวลา หลังจากที่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ซึ่งมาเจอสามีที่ CBN นี่แหละ แล้วเราก็ออกจาก CBN เพราะอยากทุ่มเทเลี้ยงลูกตัวเอง แล้วก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆ เพราะเวลามันผ่านไปเร็วมาก ปุ๊บปั๊บเขาก็ 6 ขวบแล้ว ดีใจที่ช่วงเวลาตั้งแต่เขาเกิดมาถึง 6 ขวบเนี่ย เราได้เติบโตไปพร้อมกับเขา”
แล้วตอนนี้ทำงานอะไร? “ตอนนี้เป็นโปรดิวเซอร์ฟรีแลนซ์ต่างๆ ส่วนสามีก็เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ แล้วก็ยังทำรายการของตัวเองอยู่ด้วยชื่อว่า Happy Day with Karen Care เป็นรายการหนุนใจ 3-4 นาที เกี่ยวกับข้อคิดในพระคัมภีร์ที่สามารถหนุนใจคนได้ แล้วก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งขององค์กรส่งต่อความรัก หรือว่า Forward Love Ministry”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ยังคิดถึงกันอยู่ คาเรนก็รักแฟนๆ ทุกคนจริงๆ ตั้งแต่สมัยเมื่อก่อนในยุค 90 ที่ยังเป็นแฟนคลับจนกระทั่งทุกวันนี้เลยค่ะ ผลงานเบื้องหน้าที่เป็นทางวงการอาจจะยากนิดหนึ่ง อาจจะไม่มีนะคะ แต่ว่าที่มีแน่นอนอีกไม่นานเราก็จะปล่อยคลิป Happy Day แล้วก็สามารถติดตามผลงานได้ที่พันธกิจส่งต่อความรักได้ค่ะ”