เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ใครหลายคนรอคอยเป็นอย่างมาก สำหรับซีรีส์เรื่อง ‘Black Mirror’ ที่สร้างปรากฏการณ์ความสนุกจนหลายคนนั้นจะต้องอวยยศมาแล้วมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นแนวไซไฟ แฟนซี โลกอนาคต รวมถึงมีความตลกร้ายและการเสียดสีสังคมแบบสุดปังพีคไม่ไหว และเมื่อไม่นานมานี้ Season6 ก็ได้ออกฉายให้เราได้รับชมกันแล้วเรียบร้อย วันนี้เราเลยอยากจะพาเพื่อน ๆ มาดูกันว่าในซีซั่นนี้จะสนุกมากแค่ไหน ผ่านทาง ‘รีวิวซีรีส์ Black Mirror ซีซั่น6 ซีรีส์ตลกร้ายเสียดสีสังคมที่ไปไม่สุด!’ Black Mirror: Season 6 | Official Trailer | Netflixhttps://youtu.be/5jY1ecibLYo1.) Joan Is Awful มาดูกันที่ตอนแรกกันก่อนเลยค่ะ นั่นคือ “Joan Is Awful” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีการเสียดสีแพลตฟอร์มดังอย่าง Netflix ที่พูดเรื่องของสิทธิ์ทางกฎหมายในการเผยแพร่เรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอนั้นถูกทาง Streamberry นำชีวิตส่วนตัวของเธอนำมาเป็นคอนเทนท์ให้กับคนทั่วโลกดู โดยการใช้ AI ผลิตออกมาในหลากหลายเวอร์ชั่น ซึ่งก็ไม่ได้คำนึงถึงความ Privacy ใด ๆ เลย ในตอน Joan Is Awful ซึ่งเป็นตอนแรกของ Sason นี้เรียกได้ว่าสนุกมากที่สุดในภาคนี้เลยละค่ะ เพราะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ AI เทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นการล้อเลียนและเสียดสีทาง Netflix แบบโต้ง ๆ เลย เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนมาก ทำให้ตอนดูคือต้องใช้สมองคิดตามเลยว่ามันคืออะไร ยังไงต่อ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าตอนจบคือพีคมากพีคสุดจริงๆ สมกับเป็นซีรีส์ Black Mirror2.) Loch Henry สำหรับตอนที่สอง มีชื่อว่า “Loch Henry” ครั้งนี้มาแบบแหวกแปลกไปเลย คือจะเป็นแนว True Crime อาชญากรรมหลอน ๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของนักศึกษาคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายชายได้ชวนแฟนของเขากลับบ้านที่แถบชานเมืองดังห่างไกล ซึ่งเมืองนี้นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่แสนน่ากลัว และพวกเขาก็ตัดสินใจทำสารคดีเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น แต่แล้วด้านแฟนสาวเธอนั้นดันได้ค้นพบบางสิ่งที่เป็นเหมือนคำตอบที่ทำให้ขนลุกของเรื่องราวทั้งหมด! โดยในตอน Loch Henry เป็นแนวระทึกขวัญ เหมือนแบบพวกแนวไล่ฆ่าอะไรทำนองนั้น ซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอนาคตใด ๆ เลย เป็นการเสียดสีพวกที่ชอบถ่ายสารคดีหรือหนังจากเรื่องราวฆาตกรรม ซึ่งเนื้อเรื่องสนุก พล็อตเรื่องปูทางมาดี แถมหนังยังได้บรรยากาศฟีลลิ่งแบบหลอนหน่อย ๆ อีกด้วย และยังได้เหล่านักแสดงที่ฟิตติ้งกับบทบาทมากถือว่าสนุกพอใช้ได้เลยละค่ะ3.) Beyond the Sea มาดูกันต่อที่ตอนต่อมาอย่าง “Beyond the Sea” ซึ่งเป็นแนวไฟไซ อนาคต ซึ่งมีกลิ่นอายความเป็นซีรีส์ Black Mirror ขึ้นมาหน่อยนึง หลังจากตอนที่2 หลุดไปซะไกล😅 โดยเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าถึงสองนักบินอวกาศที่ทั้งคู่ต้องปฏิบัติการยาวนานที่ข้าวนอกโลก แต่ด้วยเทคโนโลยีทำให้ทั้งสองก็สามารถมูฟจิตของตัวเองกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวของตัวเองได้ แต่แล้วก็มีนักบินอวกาศคนหนึ่งที่ที่บ้านของเขาเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น! ทำให้เขาตายและจิตของเขาติดอยู่บนนั้น จากจุดเริ่มต้นนี้เองเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น ตอน Beyond the Sea เป็นแนวไซไฟ อวกาศที่โดยส่วนตัวเราแล้วชื่นชอบตอนนี้มากที่สุดเลยเพราะสนุกและน่าติดตามมาก แต่พล็อตเดาง่ายมาก เดาได้ตั้งแต่ครึ่งตอนเลยทีเดียว😆 ไม่มีความซับซ้อนหรือพีคอะไรเลย แถมในบางจุดของเรื่องก็ดูไม่ค่อย Make senses ดำเนินเส้นเรื่องได้สนุก วางพล็อตได้ดี และยังมีการนำเอาโลกอนาคตพวกเทคโนโลยีมาเล่นก็ถือว่าไม่ว้าวมากแต่สนุกดูเพลินดี4.) Mazey Day มาดูกันที่ตอนต่อมา นั่นคือตอนที่ 4 ที่มีชื่อว่า “Mazey Day” เป็นตอนที่เป็นแนวแฟนซีเหนือธรรมชาติ โดยบอกเล่าเรื่องราวของปาปาราซซีสาวคนหนึ่งที่เธอนั้นต้องเลือกระหว่างเงินทองหรือ จรรยาบรรณการเป็นนักข่าว แต่แล้วเธอนั้นก็ดันไปเกี่ยวข้องและรับรู้เรื่องของซุปตาร์ดาราสาวคนหนึ่งที่จู่ ๆ เธอก็หายกริบไปจากสังคมหรือสื่อต่าง ๆ และมีคนประกาศตามหาว่าหากใครได้ภาพเธอมาจะได้รับเงินตอบทนแบบจุก ๆ และจากจุดนี้เองทำให้เธอนั้นได้ตามสืบสวนเรื่องของดาราสาวคนนี้ ซึ่งเธอก็ต้องแลกมากับเรื่องราวสุดสยองขวัญที่เธอไม่มีวันลืม โดยในตอน Mazey Day เป็นตอนที่ส่วนตัวเราว่าค่อนข้างมีความหลุดโลกไปหน่อย เป็นแนวแฟนซีที่ดูแล้วอีหยังมากเริ่มแรกเนื้อหาและพล็อตเรื่องคือปูทางมาดีมาก มีความน่าสนใจว่าจะเป็นยังไงต่อ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าไม่เกินคาดจริงๆ ค่ะ เพราะมีความคล้ายกับตอนที่2 เลย มาเฉลยตอนท้ายใส่เต็มมาเลย5.) Demon 79 ตอนต่อมาคือตอนสุดท้ายในตอนที่ 5 ที่มีชื่อว่า “Demon 79” เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวชาวอินเดียคนหนึ่งที่เธอนั้นจะต้องอพยพมาอยู่อังกฤษ และทำงานที่ร้านขายรองเท้าในห้องสรรพสินค้า โดยตลอดการทำงานเธอถูกรังแกและข่มแหงสารพัด และในการพักกลางวันที่เธอต้องไปกินอาหารเที่ยงที่ห้องใต้ดิน เธอดันไปเก็บแท่งไม้เล็ก ๆแท่งหนึ่งกลับมา ซึ่งแท่งไม้นั้นมีปีศาจแฝงอยู่ ซึ่งเธอก็ดันไปทำสัญญาโดยการฆ่ามนุษย์ 3 คน โลกจึงถึงไม่แตก เรื่องราวต่อจากนี้จะระทึกขนาดไหน ก็ต้องตามไปรับชมกันค่ะ โดยในตอน Demon 79 เป็นตอนที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจ ความเชื่อ มีความศาสนาเข้ามาเกี่ยวหน่อย ๆ ซึ่งพล็อตเรื่องสนุก น่าติดตาม แต่การดำเนินเรื่องคือเอื่อย ยืดเยื้อสุดอะไรสุด จนจะหลับคาโต๊ะ ดูไปก็พอเดาทางออกได้แบบไม่ยาก และสาวนักแสดงชาวอินเดียที่แสดงในเรื่องนี้คือแสดงดีมาก อินเนอร์คืออกทางสีหน้า แววตาแบบชัดเจนมาก ทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจติดตามมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตอนที่โอเคแบบปานกลางjเป็นอย่างไรกันบ้าวคะสำหรับ รีวิวซีรีส์ Black Mirror ซีซั่น6 ซีรีส์ตลกร้ายเสียดสีสังคมที่ไปไม่สุด! ต้องขอบอกเลยว่าเป็นซีซั่นที่ออกนอกโลกมากเวอร์ รู้สึกไม่ค่อยตรงกับคอนเซ็ปท์ของ Black Mirror เลย มีเรื่องราวแฟนซี ศาสนาเข้ามาเพิ่มเติม และลดความไซไฟ โลกอนาคตไป ซึ่งเป็นจุดขายของซีรีส์เรื่องนี้แท้ ๆ แต่เรื่องของความสนุกและชวนลุ้นก็คือยังมีความปังเหมือนเดิม โดยเพื่อน ๆ สามารถติดตามรับชมซีรีส์เรื่อง Black Mirror ซีซั่น6 ได้แล้ววันนี้ 5 ตอนรวดทาง Netflix เลยค่า ^^ #BlackMirror #NetflixTHเครดิตภาพหน้าปกโดย @charltonbrookerภาพหน้าปกเครดิตภาพประกอบบทความโดย Netflix : ภาพที่1 @charltonbrooker : ภาพที่2 @blackmirror : ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย NetflixBlack Mirror: Season 6 | Official Trailer | Netflixจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !