รีเซต

"Mother Gamer" เด็ก ผู้ใหญ่ และโลกที่ไม่เหมือนเดิม by Kanin The Movie

"Mother Gamer" เด็ก ผู้ใหญ่ และโลกที่ไม่เหมือนเดิม by Kanin The Movie
Jeaneration
10 กันยายน 2563 ( 12:00 )
711

วิจารณ์ รีวิวหนัง Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่

เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่จริงๆ เราจะได้ดูกันตั้งแต่ช่วงต้นๆ ปี แต่สุดท้ายก็เลื่อนมาจนถึงเดือนกันยายน "Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่" เป็นภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของแม่ลูกสองคนที่ความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกัน หลังแม่พบว่าลูกของตนเองเป็นสมาชิกในทีมอีสปอร์ตที่กำลังลงทัวร์นาเมนต์แข่งขันเพื่อไปชิงแชมป์ที่ต่างประเทศ โดยเจ้าวันที่ไปต้องแข่งดันตรงกับวันสอบชิงทุนที่เธอวาดฝันให้ลูกชายตัวเองไปเรียน เมื่อต่างคนต่างไม่ยอม แม่จึงตัดสินใจตั้งทีมอีสปอร์ตของตัวเองขึ้นมา โดยหวังจะเอาชนะทีมของลูกเพื่อที่เขาจะสามารถไปสอบชิงทุนแบบที่ตนต้องการได้

เรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากความเข้าใจที่แตกต่างกันของคนสองวัย ในขณะที่ โอม (และวัยรุ่นหลายๆ คนในปัจจุบัน) มองว่าเกมไม่ใช่สิ่งที่ไร้สาระ มากไปกว่านั้นมันยังเป็นโอกาสในการสร้างราย่ได้ ทั้งการแข่งขัน การเป็นสตรีมเมอร์ แต่เบญจมาศผู้เป็นแม่ มองว่าการเรียนนั้นสำคัญที่สุด ไม่ควรมีอะไรเข้ามาขัดขวาง หรือเป็นอุปสรรคต่อการตั้งใจเรียน ทำคะแนนให้ดี สอบให้ติด หรือสามารถชิงทุนดีๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในอนาคต ภาพที่ทั้งสองคนมองจึงไม่เหมือนกัน

ซึ่งหนังถ่ายทอดตรงนี้ออกมาได้ดี ผ่านความสัมพันธ์ที่มีระยะห่าง และค่อยๆ กว้างขึ้นจนทั้งคู่ไม่สื่อสารกัน ซึ่งเราชอบมากๆ พอเอามาผนวกกับโครงสร้างเรื่องเราจะเห็นได้ว่านี่คือหนัง แม่-ลูก ที่ทั้งสองคนแทบไม่ได้มีฉากที่ปฏิสัมพันธ์กันเลย แต่ในทุกฉากที่อยู่ร่วมกัน คุยกัน ทะเลาะกัน เป็นซีนที่ดีมากๆ มันจะมีฉากหนึ่งที่เราซื้อมากๆ เป็นซีนที่แม่ดูลูกสตรีมมิ่งในบ้าน เขาดีไซน์ซีนมาดีมาก ถ้าไม่เล่าแบบนี้ ก็อาจจะไม่อินเลย

ภาพที่คน 2 เจนเนอเรชั่นมองต่างกัน ไม่ได้ปรากฎแค่กับความสัมพันธ์แม่ลูก แต่ยังถูกเล่าผ่านบรรยากาศของโรงเรียนที่พยายามหาทางรับมือกับเด็กนักเรียนที่สนใจแต่โทรศัพท์ โซเขียลมีเดีย ไม่เล่นกีฬา วันๆ เอาแต่ก้มหน้ากับมือถือ จึงออกกฎกติกาขึ้นมาเพื่อควบคุมการใช้งานโทรศัพท์ของนักเรียน เรารู้สึกว่าหนังอธิบายประเด็นนี้ได้ดี แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็น่าสนใจที่ผู้ใหญ่ในหนังสร้างชุดความเข้าใจของตัวเองขึ้นมา สร้างความต้องการของตัวเองขึ้นมา โดยที่ไม่ได้ถามถึงมุมมอง และความรู้สึกของเด็กนักเรียน

ซึ่งสอดคล้องกับเส้นเรื่องของแม่ที่พยายามให้ลูกไปสอบชิงทุนในแบบที่เธอมองว่าดีที่สุด แต่ไม่ได้ถามถึงความต้องการของลูกว่าจริงๆ แล้ว อะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำกันแน่ มันไม่ใช่เรื่องของเด็กไร้อนาคตที่ขัดขืนคำสั่งของผู้ปกครอง แต่มันเป็นเรื่องของผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจในชีวิตของลูกๆ ตัวเอง คือไม่ใช่แค่เรื่องของการเล่นเกมเท่านั้น แต่รวมถึงไปขนบความคิดที่ว่า “เราต้องตั้งใจเรียนหนังสือถึงจะมีอนาคตที่ดี” มันก็อาจจะใช้ไม่ได้กับโลกปัจจุบันอีกต่อไป

หนังไม่ได้บอกว่าการศึกษาไร้ความหมาย หรือไม่มีคุณค่า แต่กำลังจะบอกว่า ณ ตอนนี้ มันมีเส้นทางอีกมากมายที่เราสามารถเดินไปได้โดยมีปลายทางเป็นความสำเร็จเช่นเดียวกัน เส้นทางที่ต้องการการยอมรับจากผู้ใหญ่ แม้อาจจะไม่เข้าใจในทั้งหมด แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการเริ่มเปิดใจเสียก่อน

จริงๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงบทสนทนาเมื่อครั้งประถมปลายจนถึงมัธยมต้นของตัวเองกับแม่ คือเราไม่ได้รู้สึกว่าตอนนั้นมันมีใครผิด เราไม่ได้รู้สึกว่าการที่แม่บอกให้เราเล่นเกมน้อยๆ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่มันเป็นเรื่องของภาพที่เรา กับเขามีไม่เหมือนกัน เรามีชุดความคิดต่อเกมแบบหนึ่ง เขาก็มีอีกแบบหนึ่ง และมันทำให้ไม่เข้าใจกัน

เรารู้สึกว่าตัวละครอย่างเบญจมาศก็เป็นแบบนั้น เธอเป็นครูที่มีชุดความคิดต่อโทรศัพท์ ต่อเกมแบบหนึ่ง แต่นั่นก็เพราะเธอไม่ได้เข้าใจในคุณค่าของมัน การตั้งชมรมอีสปอร์ต และถูกดึงตัวมาลงแข่งด้วย ทำให้เธอได้เห็นเกมในอีกด้านหนึ่ง เกมที่เป็นมากกว่าเกม การที่ร่วมกันสามัคคี ช่วยเหลือ ฝ่าฟัน และแบ่งปันความสุขด้วยกันทำให้เธอมีมุมมองต่อเกมที่ต่างออกไป - เราชอบที่หนังมันทรีดว่าเกมคือความสนุกมากๆ คือบางครั้งมันก็แค่นั้น

เกมก็เหมือนกับกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เรารู้สึกดีที่ได้เล่น หรือทำให้เรามีความสุขที่ได้ร่วมกับใครสักคน บางครั้งมันก็ไม่ได้มีความหมาย หรือเหตุผลใหญ่โตอะไร เป็นแค่ความสุขในวันๆ หนึ่งที่เราได้กลับบ้าน เปิดเกม ทักเพื่อนชวนมาเล่น คุยกัน สนุกไปด้วยกัน มันก็แค่นั้นเลย เอาจริงๆ แม้ว่าหนังมันจะไม่ได้มีบรรยากาศชวนให้โหยหา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆ จังหวะเราก็แอบคิดถึงตัวเองช่วงเวลาหนึ่งที่เล่นเกมเหมือนกัน คือทุกวันนี้ก็เล่น แต่มันจะไม่เหมือนกับตอนมัธยมอย่างบอกไม่ถูก

เราไม่ค่อยชอบความล้นของฟอร์มในช่วงแรกๆ ของหนังเลย คือชอบทุกไอเดียในหนังเลย แต่พอเอามาประกอบกันซีนต่อซีน มันดูเยอะมากกว่าจะสนุก พอมันล้นก็เลยไม่เหลือพื้นที่ให้ได้เทคไทม์กับจังหวะใดมากเท่าไหร่ คือถ้าดูแบบแบ่งเป็นซีนๆ จะเห็นไอเดีย และวิธีคิดที่มันสร้างสรรค์ แต่พอดูแบบต่อๆ กันมันจะกลายเป็นความมั่วที่ชวนทรมานมากกว่า (คนอื่นๆ อาจจะไม่ก็ได้ แต่เรารู้สึกแบบนั้น)

ทั้งนี้มันก็เห็นความตั้งใจของทีมงานมากๆ ที่มีไดเรคชั่นกับทุกดีเทลเลย อย่างซีนเล่นเกมหนึ่งต่อหนึ่ง เราก็ชอบที่สัดส่วนภาพ (Aspect Ratio) มันกลายเป็น 1:1 เลย เออ เข้าใจคิดดี / ขณะเดียวกัน เราก็ชอบทุกจังหวะที่หนังลดความอึกทึกครึมโครมลง และมอบความเงียบให้กับคนดู กลายเป็นว่าทุกโมเมนต์ที่มันดูผ่อนลง ไม่เร่งรีบ กลับทำให้เรารู้สึกได้มากๆ อาทิ ซีนบันได จนอยากเห็นหนังเบรคตัวเองมากกว่านี้ เพราะตามทางมันมีรายละเอียดมากมายที่น่าสนใจเยอะมากๆ

แอบเสียดายตัวละครรองๆ ในเรื่องที่ไม่มีพื้นที่มากนัก เหมือนหนังต้องใช้เวลาไปกับการอธิบายกลไกของเกมอยู่พอสมควร มันไม่เหมือนกับกีฬาที่เรามีภาพความเข้าใจ หรือเกมที่มันมีมิติไม่เยอะมาก พอมันต้องเล่าเกมวางแผนที่มีกฎกติกาของตัวเองในระดับหนึ่ง มันก็จำเป็นต้องสื่อสาร ซึ่งหนังก็พยายามย่อยทุกอย่างออกมาด้วยการ Visualize อย่างถึงที่สุดแล้ว จะเข้าใจมาก เข้าใจน้อย ก็อาจจะอยู่ที่พื้นฐานที่คนดูด้วย

อย่างเรานี่ไม่เคยเล่นเกม Moba เลย แต่จะได้ยินเพื่อนๆ พูดถึงเกมอยู่ตลอด ก็เลยจะพอรู้ว่าเกมมันเล่นยังไง มีกติกายังไง ทำไงถึงจะชนะ แม้จะรู้แบบงูๆปลาๆ ไม่ได้เจาะลึกอะไร แต่มันก็ทำให้เราเข้าสู่เรื่องราวเกมได้ไวขึ้น ส่วนใครที่ไม่มีความรู้อะไรเลย ก็อาจต้องตั้งใจฟังช่วงแรกๆ เสียหน่อย หนังพยายามจับไอเดียสำคัญมาไม่เยอะมาก และก็ผูกกับภาษาการเล่าที่ไม่ได้ลงลึกมาก อาจจะมีขัดๆบ้างเพราะดูไม่รู้เรื่อง (มันใช้ภาพในเกมเล่าด้วย) แต่ก็สามารถตามเส้นเรื่องดราม่าได้ไม่มีปัญหา

Mother Gamer เป็นหนึ่งในหนังไทยคุณภาพประจำปีนี้ที่อยากให้ไปดูกัน สำหรับเรามันไม่ถึงกับเป็นหนังที่ดีพร้อม หรือหนังที่เราชอบมากๆ แต่ก็มีดีเทล ประเด็น และเมสเสจหลายๆ อย่างที่อยากให้ไปดูกัน ไม่ว่าจะทั้งวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ แม้ว่าความเป็นหนังเกมจะดูเป็นกำแพงสำหรับใครหลายคน แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่หนังพยายามพูดถึง นั่นคือเรื่องของการเข้าใจ ยอมรับ และเห็นคุณค่าในสิ่งที่คนอีกรุ่นโอบกอดไว้

มันทำให้เราเห็นว่า การเอาชนะโลกที่เปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสำเร็จได้ เราต้องแปรเปลี่ยนไปตามมัน ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในวัยใดก็ตาม เราชอบที่หนังเปรียบเทียบชีวิตคนสองรุ่นเหมือนกับเลนในเกม คือต่างคนอาจจะมีชีวิตที่แตกต่างกัน มีสิ่งที่ชอบ ความต้องการ มุมมองไม่เหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราจะเข้าใจกันไม่ได้ สื่อสารกันไม่ได้ เรายังคงซัพพอร์ทกันได้เสมอ ผ่านการเปิดใจซึ่งกันและกัน

----------------------------------------------------

>> ดูหนังดูซีรีส์ออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<