“บอย ปกรณ์” ปาดน้ำตา! คิดถึง “แม่งามทิพย์” ดีใจพา “พ่อ” กลับบ้าน มอบเงินให้รพ.รามา

“บอย ปกรณ์” ปาดน้ำตา! คิดถึง “แม่งามทิพย์” ดีใจพา “พ่อ” กลับบ้าน มอบเงินให้รพ.รามา
ก่อนหน้านี้ครอบครัวฉัตรบริรักษ์ หนุ่ม “บอย ปกรณ์” พร้อมด้วยน้องๆ “หน่อง ธนา, ภัทร์ และ น้องวันใหม่” นำเงินทำบุญจากงานฌาปนกิจ “คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์” มอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดี รวมทั้งหมดกว่า 1,273,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดโอกาส ยังนำยาและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ของคุณแม่ที่ไม่ได้ใช้แล้วมามอบให้แก่โรงพยาบาลอีกด้วย ล่าสุด “บอย” ออกมาเผยทั้งน้ำตายังคิดถึงแม่อยู่เสมอ…
“ไปทำบุญมาก็เอาเงินที่ทุกๆ คนที่มาร่วมงานตอนงานคุณแม่ใส่ซอง รวมถึงสแกนคิวอาร์โค้ดหน้างาน อย่างที่ประกาศไว้ในงานจะนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลที่คุณแม่รักษาตัวอยู่ คุณแม่ก็ทำบุญกับที่มูลนิธินี้มาตลอด ยอด 1,237,000 บาท ก็มอบให้กับมูลนิธิไปช่วยให้กับผู้ป่วยที่เขายังขาดโอกาสเรื่องกำลังทรัพย์ก็ให้มูลนิธิไปจัดการ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วย ก็จะมีอุปกรณ์การแพทย์ของคุณแม่เช่น ไม้พยุง เครื่องช่วยหายใจและมีพวกยาต่างๆ เพราะว่าเอาจริงๆ คุณแม่กินยาเยอะมากเป็นตะกร้าเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นยาค่อนข้างมีราคา ก็เอาไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลเผื่อเขาเอาไปบริจาคต่อ สำหรับคนที่ต้องการใช้ยา
ตอนเช้าไปรับอัฐิคุณพ่อก่อนที่วัด คืออัฐิคุณพ่อเก็บไว้ที่วัดตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่ว่าตอนคุณแม่เขามีบอกไว้ว่า ของแม่ให้เก็บอัฐิแม่ไว้ที่บ้าน โอเคงั้นเราก็ไปพาคุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกับแม่ ก็บอกคุณแม่ไปตั้งแต่เช้าแล้วว่าวันนี้จะพาอัฐิพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านนะ แล้วเดี๋ยวก็จะนำเงินไปบริจาค ทุกๆ คนมาทำบุญร่วมกับแม่เลย แล้วแม่ก็มารับบุญไปด้วย ก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ เพราะว่าคนเราทุกคนแหละเมื่อไหร่ก็ตามที่ยังไม่เจอเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าต้องดูแลร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือว่าคนใกล้ตัว จะไม่มีทางที่รู้สึกระวังหรือว่ากลัว แต่ว่าจนวันหนึ่งที่มีคนใกล้ตัวหรือว่าตัวเองประสบกับเหตุนั้นจริงๆ จะค่อยมารู้สึกว่ารักตัวเองแล้วก็ต้องดูแลตัวเองมากกว่านี้เห็นความสำคัญของตรงนี้อะไรแบบนี้ ซึ่งเรารู้สึกว่าทางครอบครัวเราต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลรามาธิบดีมากๆ ที่ดูแลคุณแม่อย่างดีมาตลอด ตอนคุณพ่อเรายังไม่ได้โตมาก แต่พอมาตอนคุณแม่เราอายุเริ่มเยอะแล้ว มันก็เลยทำให้เรามองย้อนกลับมาที่ตัวเองด้วย เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ณ วันนี้เราก็เป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวแทนแม่ไปแล้ว เราก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งที่พึ่งของคนในครอบครัว
คือคุยกันแต่แรกเลยว่าเงินทำบุญที่ทุกคนนำมาทำบุญให้ตอนงานคุณแม่เราจะนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าหนึ่งคือเอาบุญให้แม่ด้วย แล้วก็สองคือให้ทุกคนที่รักคุณแม่แล้วมาร่วมงานคุณแม่เหมือนได้ทำบุญไปกับแม่ พบหน้าพบต่อๆ ไปจะได้กลับมาใช้บุญร่วมกันใหม่ ความรู้สึกอย่างแรกทำให้แม่ก็รู้สึกดีด้วย อะไรที่เราช่วยได้เราก็ช่วยเพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองแบบนี้ดีที่สุดเลย
ตั้งใจใส่บาตรทุกวันครบ 99 วัน ของที่บ้านเขาจะบอกว่าจะให้ใส่ให้ครบ 49 วัน ช่วงนี้เป็นเหมือนช่วงที่ใส่แล้วก็เป็นเสบียงที่ตุนเอาไว้ให้แม่บรรทุกไปใช้ในภพภูมิของคุณแม่ แต่ว่าเราก็คุยกับที่บ้านครบ 49 วันแล้วเร็วจัง ทำต่อแล้วกันทำไปให้ครบ 99 วันไปเลย ก็เลยคุยกันว่าตักบาตรให้ครบ 99 วัน ทุกวันนี้ที่ทำอยู่ทุกวันเลยก็คือ ตักบาตรทุกวันตอนเช้า ทำอาหารให้แม่ 1 ชุด แล้วก็ให้กับคุณพ่อ 1 ชุด เสิร์ฟคุณแม่กับคุณพ่อทุกวัน วันละ 1 ชุด ก็ทำแบบนี้ทุกๆ วัน ก็จะทำให้ครบ 99 วัน พอครบ 99 วัน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันว่าจะทำ 1 อาทิตย์ทีนึงหรืออะไรก็ว่ากันไป ตอนนี้ทำทุกวันก่อน
คือเราไม่ได้ฝันเป็นแบบกิจจะลักษณะขนาดนั้น มีฝันแว้บๆ (ร้องไห้) เพราะว่าช่วงนี้ก็ไม่รู้ทำไมนึกถึงแม่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ก็มีฝัน อย่างล่าสุดก็ฝันว่าเขามาอยู่ตรงแขนแล้วก็หอมหัวเขาฝันแว้บๆ (ปาดน้ำตา) คือช่วงนี้ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เราก็คิดว่าเราค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น แต่กลายเป็นว่าช่วงก่อนครบ 49 วัน เป็นช่วงที่เหมือนกลับมาดิ่งๆ ใหม่ แต่หมายถึงว่าพอออกนอกบ้านไปทำงานก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ยังเฮฮาอะไรเหมือนเดิม แต่พอกลับบ้านเปิดคลิปดูนานๆ ไม่ค่อยได้ เอาจริงๆ พูดแบบไม่อายเมื่อคืนยังดูรูปแม่น้ำตาไหลอยู่เลย ไม่รู้ว่าช่วงนี้ทำไม ไม่เกี่ยวว่าเราเหนื่อย กลายเป็นว่าเป็นเหมือนกันทุกคน หมายถึงว่าทั้งเรา หน่อง ภัทร์ เพราะเป็นเราก็จะระบายลงไปในกลุ่ม เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนกันเลย อาจจะเพราะว่าพอพ้นช่วงงานคุณแม่ไป เราก็พยายามฮีลใจตัวเองด้วย แล้วก็กลับมาทำงานตัวเองที่คั่งค้าง พอมาช่วงนี้เป็นเหมือนจังหวะให้เราอยู่ดีๆ ก็กลับมาคิดถึงแม่เยอะๆ ก่อนหน้านี้ดูคลิปแม่นานๆ ได้ แต่ช่วงนี้ดูคลิปแม่ได้แป๊บเดียวต้องรีบปิดเลย เพราะว่าดูแล้วไม่ไหวรู้ตัวอีกทีคือน้ำตามาอยู่ที่แก้มแล้ว
เวลาดิ่งเราเราไม่ทำยังไง บางครั้งก็ปล่อยเลย ปล่อยให้ร้องโฮไปเลยเอาออกมาให้หมด บางครั้งก็รีบปิดแล้วก็นอนคิดถึงแม่ เมื่อวานที่ไปโรงพยาบาลแล้วก็ไปขอบคุณที่แผนกห้องไอซียู เราก็มองไปที่ห้องที่แม่เคยนอน เราก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงเหรอ ยังรู้สึกว่ายังอยากเดินเข้าไปเยี่ยมแม่อยู่เลย สรุปแล้วมันคือไม่ใช่ทำใจไม่ได้มันน่าจะเป็นกันทุกคนหมายถึง เพราะว่ามันมีหลายคอมเมนต์เลยครับ ที่มาพิมพ์บอกว่ามันจะเป็นแบบนี้แหละ ต่อไปอีก 2 ปี 3 ปี คือก็ยังคิดถึง อาจจะเป็นเพราะว่าเราผูกพันมากๆ เวลาคิดถึงมันก็ทรมานแหละ แต่ว่ามันก็เป็นความคิดถึงความทรงจำดีๆ ไม่ได้ไปทำให้เราถึงขั้นดิ่ง คิด ถึงแล้วก็โอเคน้ำตาไหลเสียใจคิดถึงอยากเจอ เราก็คิดถึงความทรงจำดีๆ นี่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่คุณแม่พูดทิ้งไว้ว่าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นพาอัฐิแม่มาไว้ที่บ้าน เราก็เลยคิดว่าโอเคถ้าอัฐิแม่อยู่ที่บ้านเราไปพาอัฐิป๊ามาอยู่กับแม่ด้วยแล้วกันแค่นั้นเลยก็จะได้อยู่ด้วยกัน คือทุกวันนี้เวลาเราทำบุญเราตักบาตร คนอื่นไม่รู้แต่ตัวเราเองเราตักบาตรเอาขวดน้ำเราก็เรียกชื่อแม่ชื่อพ่อเราก็มักจะจินตนาการว่าแม่กับพ่อยืนอยู่ข้างๆ ด้วยกันแล้วก็รับบุญไป ก็ดีเหมือนกับทำให้ครอบครัวของเรากลับมาอยู่ด้วยกัน 6 คน”