เรื่องย่อแบบกรุบกริบ "Land of the Lost" เป็นเรื่องราวของ ดร.ริก มาร์แชล (รับบทโดย Will Ferrell) นักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยนที่เชื่อในทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาและมิติ แต่แน่นอนว่าทฤษฎีของเขามักโดนดูถูกจนกลายเป็นตัวตลกในวงการ จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เมื่อเขาออกเดินทางผจญภัยพร้อมกับผู้ช่วยสาวสุดแกร่ง ฮอลลี่ (รับบทโดย Anna Friel) และคนขับรถไฟหุ่นล่ำ (ที่มีสมองน้อยกว่าไดโนเสาร์) วิลล์ สแตนตัน (Danny McBride) ทั้งสามหลุดเข้าไปยังดินแดนแห่งอดีตและอนาคตที่มาบรรจบกันอย่างงง ๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ สัตว์ประหลาดประหลาด และมนุษย์ลิงที่ชื่อว่า ชาก้า (รับบทโดย Jorma Taccone) พวกเขาต้องเอาชีวิตรอด พร้อมหาทางกลับบ้าน ในขณะที่ต้องต่อกรกับเจ้าไดโนเสาร์จอมดุ "ที-เร็กซ์" และเหล่า Sleestak (มนุษย์ต่างดาวหน้าแปลกที่ดูเหมือนตุ๊กแกมีแผงคอ) รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! จุดเด่นของหนัง ความฮาจาก Will Ferrell: หากคุณชอบมุกตลกแบบบ้าระห่ำและออกแนวเสียดสี "Land of the Lost" จะตอบโจทย์คุณแน่นอน เพราะ Will Ferrell จัดเต็มทุกซีน ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับไดโนเสาร์แบบงง ๆ หรือการสร้างมุกตลกจากสถานการณ์สุดเพี้ยน ฉากและงานสร้างแฟนตาซี: แม้ว่าหนังจะออกแนวตลก แต่ฉากและการออกแบบสัตว์ประหลาดในเรื่องทำออกมาได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์ที-เร็กซ์จอมโหดหรือ Sleestak ที่มาพร้อมความหลอนแบบฮา ๆ Danny McBride และ Anna Friel: ตัวประกอบอย่าง Danny McBride ทำหน้าที่เป็นตัวเสริมความฮาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน Anna Friel ช่วยดึงสมดุลในหนังให้ไม่หลุดเกินไป และมีบทบาทที่น่ารักชวนเอาใจช่วย ฉากที่ชอบใน "Land of the Lost" ฉากเจอไดโนเสาร์ "ที-เร็กซ์" ครั้งแรก เป็นซีนที่ผสมความฮากับความตื่นเต้นได้อย่างลงตัว ดร.ริกและทีมเจอกับเจ้าที-เร็กซ์ตัวเบิ้มที่ดันไม่ยอมกินพวกเขา แต่เลือกจะ "หยาม" ด้วยการโยนกระดูกมาแทน ทำให้ริกต้องแก้ตัวด้วยการพยายาม "สอน" ไดโนเสาร์ว่าเขาไม่ใช่แค่เหยื่อธรรมดา ความเกรียนของริกปะทะกับความโหดของที-เร็กซ์กลายเป็นฉากที่ทั้งลุ้นและขำ ฉากหมุนกังหันดนตรีและมิติเปิดแบบงง ๆ ฉากนี้เริ่มจากการที่ทีมใช้เครื่องมือของริกไปเปิดประตูมิติ แต่สิ่งที่ออกมาคือเสียงดนตรีสุดปั่น และมิติรอบตัวกลายเป็นภาพสโลว์โมชั่นที่ชวนมึนสุด ๆ ความวุ่นวายของตัวละครที่พยายามหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ทำให้ฉากนี้มีทั้งความตลกและเซอร์ไพรส์ ฉากหลบ Sleestak ในถ้ำ เป็นฉากที่เปลี่ยนอารมณ์ให้ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เมื่อทีมต้องหลบจากเหล่า Sleestak (มนุษย์ตุ๊กแก) ที่เดินเรียงรายแบบน่าขนลุกในถ้ำแคบ ๆ แต่แทนที่ความน่ากลัวจะนำหน้า กลายเป็นความฮาเมื่อริกกับทีมพยายามปะทะกับพวกมันแบบ "บ้าระห่ำ" และสุดท้ายก็หนีมาได้แบบเหลือเชื่อ ทั้งสามฉากนี้แสดงถึงเอกลักษณ์ของ "Land of the Lost" ที่ผสมความตลกไร้สาระกับฉากผจญภัยได้อย่างลงตัว! ความรู้สึกหลังดู "Land of the Lost" เป็นหนังที่เหมาะสำหรับคนที่อยากดูอะไรเบาสมองและไม่คิดมาก ถ้าคุณชอบตลกแบบเกรียน ๆ ของ Will Ferrell และการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความฮา หนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง แม้บทจะไม่ลึกมาก แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันและฉากที่ชวนขำ สรุป ถ้าคุณอยากหัวเราะและปลดปล่อยความเครียด "Land of the Lost" จะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าหวังหนังผจญภัยที่มีเนื้อหาลึกซึ้งหรือเข้มข้น เรื่องนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่! ภาพจาก Facebook Land of the Lost ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพหน้าปก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !