รีเซต

[รีวิวหนัง] "ปรากฎการณ์" หนังอีโรติกไทยที่ลงท้าย(แค่)ขายความ “เสว”

[รีวิวหนัง] "ปรากฎการณ์" หนังอีโรติกไทยที่ลงท้าย(แค่)ขายความ “เสว”
แบไต๋
23 กรกฎาคม 2566 ( 12:00 )
37.5K

จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ อาจไม่ใช่ชื่อที่คุ้นเคยกับบุคคลทั่วไปนักเพราะนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ “โก๋แก่ มันส์ทุกเม็ด” ผู้นี้อาจไม่ได้ทำหนังเป็นอาชีพเท่ากับธุรกิจที่ทำให้ถั่วลิสงและถั่วอีกหลากหลายชนิดติดตลาดและติดปากผู้บริโภคมากกว่า แต่เชื่อว่าคอหนังไทยที่ติดตามบรรดาหนังอินดี้ หนังอิสระช่วงหลังปี ค.ศ. 2000 ที่ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าสร้างออกมา หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของหนังเหล่านั้นก็คือโก๋ฟิล์ม รวมถึงการเป็นสปอนเซอร์ให้กับหนังต่างประเทศสไตล์อินดี้โดยผู้จัดจำหน่ายอิสระอีด้วย

ตัวคุณจุมภฏเองเคยโดดลงมาทำหนังขนาดยาวสำหรับฉายโรงแล้ว 1 เรื่องนั่นคือ ‘Sur-Real’ ในปี พ.ศ. 2557 ที่ตามกระแสหนังไทยออมนิบัส (Omnibus) เล่าเรื่องแบ่งออกเป็น 3 หนังสั้นย่อยโดยมีความพยายามพูดถึงสังคมไทยที่มีความเซอร์เรียล หยิบจับประเด็นเล็ก ประเด็นน้อย เรื่องการคบชู้ คนขายประกันและ LGBTQ มาเล่าแบบแหกกรอบแหวกขนบ แต่ติดปํญหาเรื่องโปรดักชันที่ยังไม่ลงตัวนัก

มาถึง ‘ปรากฎการณ์’ หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Resemblance’ ที่คราวนี้จุมภฏนำเรื่องสั้น 2 เรื่องได้แก่ “นอนใต้ละอองหนาว” ของ ปราบดา หยุ่น และ “สนไซเปรส” ของ จิรัฎฐ์ ประเสริฐทรัพย์ ซึ่งรายหลังได้มาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย โดยเรื่องราวจะผูกโยงระหว่างเหตุการณ์ประหลาดที่มีเหล่านางแบบหายตัวเข้าไปในป่าแบบไม่มีใครรู้สาเหตุและการปรากฎตัวของ บ็อบบี้ (อนันดา เอเวอริงแฮม) หนุ่มหล่อที่หมกมุ่นในกามารมณ์ที่มักจะหาเหยื่อเป็นนางแบบสาวหน้าตาดีมามีสัมพันธ์ทางเพศแล้วลงเอยด้วยการที่หญิงสาวเหล่านั้นเสพย์ติดการเปลี่ยนคู่นอนก่อนจะหายตัวเข้าไปในป่า จนทำให้ โจ (จินตัย อันติมานนท์) นายตำรวจหนุ่มที่แฟนสาวของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับต้องสืบหาความจริงที่เกิดขึ้น 

เอาเรื่องโปรดักชันที่ถือเป็นจุดบอดในงานที่แล้ว จุมภฏดูตั้งใจกับงานภาพมากขึ้น ทำให้ภาพดูเป็นภาพยนตร์มากกว่าวีดีโอเหมือนผลงานก่อนและยังมีการโชว์วิช่วลเอฟเฟกต์ต้นไม้ที่เป็น CG ล้วน ๆ ออกมาได้น่าสนใจ อีกอย่างคือการเลือกนักแสดงอย่าง อนันดา เอเวอริงแฮม มารับบทนำก็ถือว่าเป็นการแสดงออกว่าคราวนี้จุมภฏดูเอาจริงเอาจังกับการทำภาพยนตร์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว แม้จุมภฏจะเลือกองค์ประกอบดี ๆ มาปรากฎในหนังเรื่องนี้ แต่ ‘ปรากฎการณ์’ ก็ยังมีรอยรั่วปรากฎอยู่อย่างชัดเจนตั้งแต่บทภาพยนตร์ที่แม้จะบอกว่าอ้างอิงจากเรื่องสั้นที่ผมเข้าใจแหละว่ามันคงมาทางปรัชญาและสัญลักษณ์มากมายทั้งโรคประหลาดที่ทำให้คนติดเซ็กส์และการเติบโตของต้นไม้ที่อาศัยกามรมณ์มนุษย์ในการแพร่พันธุ์ แต่การสร้างตัวละครเพื่อนำพาผู้ชมไปสู่สิ่งที่หนังอยากเล่ากลับล้มเหลวและทำให้ผู้ชมถอยห่างอย่างมาก

ซึ่งตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดหนีไม่พ้นตัวละคร โจ ของคุณ เจ-จินตัย ที่ต้องยอมรับว่าแอ็คติ้งละครทีวีของเขาคือสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าโรคที่ทำให้คนพุ่งใส่กันเสียอีก แม้ว่าหนังจะมีทั้งฉากสืบสวนไปดูกล้องวงจรปิดหรืออะไรก็ตามที่ตำรวจเขาทำกันในหนัง ผู้ชมอย่างเรายังเชื่อได้ยากเลยว่านี่คือตำรวจที่ประชาชนจะฝากความหวังไว้ได้หากมีญาติพี่น้องเราหายตัวไปจริงๆ

อีกตัวละครที่ดูเหมือนหนังจะเอาเป็นจุดขายได้แก่ ปราณนา ที่ได้ ไพลิน ธิรา โคลเล็ค มิสอินเตอร์เนชันแนล 2015 และนางแบบสาวลูกครึ่งไทย เยอรมัน ที่มีโปรไฟล์แสดงหนังไต้หวันอย่าง ‘Go Lala Go 2’ มาแสดงเป็นนางแบบที่เป็นเหยื่อรายล่าสุดของบ๊อบบี้ ตัวหนังก็ไม่ได้ทำให้เรารู้จัก ปราณนา ในฐานะมนุษย์คนนึงเท่าใดนัก รู้แต่ว่าเป็นนางแบบและเธอก็หายตัวไปและแน่นอนว่าหนังแทบไม่ให้ไพลินธิราแสดงฝีมือการแสดงเท่าใดนักนอกจากแสดงจริตหญิงสาวเซ็กซี่และมีฉากเปลือยในหนังคู่กับ เมธาวี ไวส์ มิสซูปราเนชันแนล ไทยแลนด์ 2010 ที่ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่าทั้งคู่รูปร่างดีจริง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องนัก

อีกประเด็นที่ดูผิดแผกไม่เข้าพวกอย่างยิ่งคือซีนบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับพระเรื่องการผิดศีลของพระที่บวชแล้วเกิดอาการน้ำกามเคลื่อนขณะหลับ และชายหนุ่มก็เห็นทั้งตัวละครหญิงสาวสองคนในย่อหน้าด้านบนขณะนอนหลับช่วงปฏิบัติธรรมที่วัดจริง ๆ ซึ่งซีนนี้แทบไม่มีผลกับการเล่าเรื่องและหลายครั้งยังทำให้จังหวะหนังสะดุดไม่น้อยอีกด้วย

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะมอง ‘ปรากฎการณ์’ ในด้านไหนแต่ก็ถือว่ามันมาเติมเต็มตลาดหนังไทยในปี 2023 ให้น่าสนใจขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะการวางตัวเองในฐานะหนังอีโรติค ไซไฟ แต่ด้วยความบกพร่องของบทและการกำกับการแสดงก็ทำให้มันอาจเป็นอีกงานที่ดูแล้วไม่ได้น่าจดจำเท่าใดนัก