ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.maketheswitch.com.au/article/review-five-feet-apart-breathing-borrowed-air-and-cliches Five Feet Apart (2018) เรื่องราวของสเตลล่ากับวิล ผู้ป่วยโรค CF หรือ Cystic Fibrosis ที่ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้ไม่สามารถเข้าใกล้กันได้เกินระยะหกฟุต ส่วนทำไมถึงชื่อเรื่องว่าห้าฟุตนั้นเป็นเรื่องที่สเตลล่าพยายามทำขึ้นมา ผู้ป่วยโรคนี้อย่าว่าแต่การแตะต้องตัวกันเลย แม้แต่การเผชิญหน้ากันแบบ “ซึ่ง ๆ หน้า” แบบที่เราทำกันนั้นอาจเป็นแค่ฝัน การกระทำหลายอย่าง คำพูดหลายคำพูด ถ้ามองในแง่ชีวิตจริงก็คงจะเป็นสิ่งที่ลำบากไม่ใช่น้อย การจะกิน จะเดิน จะนั่ง ทุกอย่างรู้สึกจะเป็นความยากลำบากแทบทั้งสิ้นFive Feet Apart คือ นิยายเล่มหนึ่งที่ยังไม่ถูกแปลเป็นภาษาไทย แต่ถึงจะไม่ได้เข้าใจในทุกคำพูด แต่ในหลาย ๆ อิริยาบถก็ตรึงใจไม่น้อย ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้เราได้ชมกันในเวลาต่อมาชอบตัวละครผิวสีที่ชื่อว่าบาร์บมากที่สุด เพราะด้วยความใส่ใจและความจริงจังนั้นดูเป็นสิ่งที่จริงใจและจับต้องได้ และอีกตัวละครที่ประทับใจไม่ต่างกันคือ โพ ในหนังสือจะมีเล่าถึงวันแรกที่ โพกับสเตลล่าได้รู้จักกันและเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมมาจนถึงปัจจุบันฉากหนึ่งที่สะเทือนใจ คือเมื่อ โพ อยากกอดปลอบสเตลล่าแต่ทำไม่ได้ ทำให้ต้องมาลองย้อนคิดดูใหม่ว่าการกอดเพื่อนเป็นการแสดงออกทางมิตรภาพมากมายขนาดไหน เข้าใจโพอยู่ไม่น้อยตอนที่ทะเลาะกับ สเตลล่า เข้าใจถึงความกลัวนั้นว่ามันคงไม่ใช่ความรู้สึกที่น่าพิสมัยเสียเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจสเตลล่าด้วยเช่นกัน เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อในหนังสือมีฉากหนึ่งที่วิลครบรอบวันเกิดของตัวเอง และสามารถตัดสินใจอะไร ๆ เองได้ วิลไม่อยากเทียวไปที่นั่นทีที่นี่ทีเพื่อรักษาอาการป่วย แต่ที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปเพราะความต้องการของแม่ วันนั้นวิลมีปากเสียงกับแม่อย่างหนัก จนแม่เดินออกไป วิลถึงได้มาดูของขวัญวันเกิดที่แม่เตรียมไว้ให้ แล้วก็ต้องย้อนถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกันกับที่เพิ่งถามแม่ไป ซึ่งมันเป็นคำถามที่ดีมาก ๆ ดีจนอยากย้อนถามตัวเองดูขึ้นมาบ้างฉากที่ชอบที่สุดในหนังคงหนีไม่พ้น ฉากที่ริมสระน้ำ เป็นฉากที่แทนคำพูดได้เป็นพันคำเลยทีเดียว แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่การกระทำทุกอย่างมันสื่อความหมายได้ชัดเจนมากในหนังสือจะมีฉากหลังจากในโรงครัว ซึ่งหนังปรากฏเพียงสั้น ๆ ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้เศร้ามากมายอะไร แต่ในหนังสือฉากนั้นกินระยะเวลาอยู่เป็นบท ซึ่งแน่นอนว่ามันช่างน่าเศร้าและสะเทือนใจมากกับตัวละครสำคัญของเรื่องหลังจากนั้นสเตลล่าเกิดอาการที่เรียกว่า ‘สติแตก’ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการสติแตกนั้นทำให้มีการกระทำที่ถูกใจไม่น้อยหนังดำเนินมาถึงจุดสุดท้ายของเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าใครหลายคนคงพอเดาตอนจบของเรื่องออก ตอนที่ดูเป็นหนังก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าใจมากเท่าไหร่ แต่พอได้อ่านเป็นหนังสือกลับรู้สึกเศร้าอยู่หลายวันเลยทีเดียว เศร้าจนถึงขั้นที่ว่า ไม่แตะหนังรัก เพลงรักหรือนิยายรักเลยอยู่เป็นอาทิตย์จำไม่ได้ว่าในหนังจบแบบไหน แต่ในหนังสือมันก้ำกึ่งนะ จะสุขก็ไม่สุขจะเศร้าก็ไม่เศร้า ก็คงต้องเดาเรื่องกันเองต่อไปถ้าใครอยากเจอเรื่องเศร้า ๆ (โดยเฉพาะในหนังสือ) ให้หัวใจทำงานหนักเล่น ๆ เรื่องนี้เลยขอแนะนำ “ช่วยหลับตาได้ไหม เพราะฉันคงเดินจากไปไม่ได้ ถ้าเธอยังมงอยู่”--------------วิล