ฟรีเรน ( FRIEREN ) คำอธิษฐานในวันที่จากลา อนิเมะเนื้อหาดีที่ได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งทางเราเองก็ชอบอนิเมะเรื่องนี้มากๆ เพราะไม่ใช่แค่เนื้อหาดี การดำเนินเรื่องดี ภาพสวยเท่านั้น แต่อนิเมะยังสอดแทรกแง่คิดมากมายอยู่ภายในเรื่อง จะดูแบบสนุกๆ ไม่ต้องคิดอะไรเน้นฮีลใจก็ได้ หรือจะดูแล้วหามุมมองสะท้อนความคิดชีวิตจริงอนิเมะก็มีให้ ซึ่งทางเราก็มองเห็นมุมมองและข้อคิดบางอย่างจากเรื่อง ก็เลยเอามาแชร์ให้คออนิเมะทุกคนได้อ่านและคิดตามอนิเมะกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย รับชม คำอธิษฐานในวันที่จากลา คลิกเลย1. ไม่มีใครดี 100% มันขึ้นอยู่กับด้านที่คนวิาจารณ์เห็นข้อคิดจะไม่ได้เรียงตอนนะ นึกได้ฉากไหนจะเรียงใส่มาโดยข้อนี้อยู่ใน EP 14 ในช่วงที่ฟรีเรนและซายน์คุยกัยเกี่ยวกับบาทหลวงไฮเตอร์ ซึ่งในมุมของฟรีเรนเธอมองว่าไฮเตอร์นั้นเหมือนพระนอกรีตขึ้โกหก ขี้เมา และเลือกกินด้วย ในขณะที่ภาพจำของซายน์ที่มีต่อไฮเตอร์นั้นคือ "คุณปู่ที่แสนดี" สองคนนี้มองเห็นคนๆ เดียวต่างกันนั้นเป็นเพราะเจ้าตัวเขาแสดงมุมของตัวเขาออกมาต่างกันเมือไฮเตอร์อยู่กับเพื่อนก็เป็นอีกคน อยู่กับเด็กๆ ก็เป็นอีกแบบ อยู่ต่อหน้าศัตรูก็คงเป็นอีกแบบ ดังนั้นเรื่องราวที่เราฟังเกี่ยวกับ "ใครสักคนในชีวิตจริง" มันก็คงไม่ใช่ในแบบในเราฟังมา 100% แต่...เราล้วนต่างรู้ดีว่าในสังคมปัจจุบันบางคนพร้อมตัดสินคนอื่นตามลมปากของคนอื่นในทันที โดยที่ตัวพวกเขาเองก็อาจจะไม่รู้อะไรจริงเลย ซึ่งมุมมองนี้ไม่ได้มีให้เห็นแค่คนนะ เรื่องราวอื่นๆ คน สัตว์ สิ่งของหรือแม้แต่จุดหมายปลายทาง ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่ถูกตัดสินตามลมปากของคนได้อย่างง่ายได้ และผู้คนส่วนใหญ่ก็ดันชอบเรื่องด้านลบมากกว่าด้านบวกซะด้วย ดังนั้นภาพจำของคนๆ หนึ่งจะบวกหรือลบขึ้นอยู่กับว่าคนเล่าเรื่องมองเห็นในมุมไหน บางครั้งคนๆ หนึ่งอาจไม่ได้โชว์ทุกๆ ด้านออกมาแต่เลือกแสดงออกมาให้คนๆ หนึ่งเห็น และบางกรณีคนเล่าเรื่องเองก็อาจจะไม่ได้เปิดใจมองโดยปราศจากอคติ เรื่องเล่ามันอาจจะไม่ใช่เนื้อแท้ที่สามารถตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดีได้ดังนั้นก่อนจะเชื่ออะไรหรือตัดสินใครลองทำความรู้จักสิ่งนั้นหรือคนนั้นด้วยตัวเองก่อน และในความคิดของเราเราว่า...เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครหรืออะไรก็ตามโดยที่ตัวเรายังไม่รู้จักหรือไม่มีประสบการณ์โดยตรง2. อย่ามองเห็นคุณค่าของคนสำคัญในวันที่เขา "จาก" เราไปแล้ว หลายครั้งคนเราก็มักลืมใส่ใจคนรอบข้างและไปให้ความสำคัญเรื่องอื่นก่อน แล้วกว่าจะคิดได้ก็ตอนที่สายไปแล้วนั่นแหละ ดังนั้นเราก็ควรใส่ใจคนรอบข้างให้มาก ไม่งั้นอาจจะเสียใจในวันที่พวกเขาจากไปแบบฟรีเรน "อย่าเห็นคุณค่าของใครสักคนในวันที่กำลังจะเสียเขาไป จงใส่ใจและให้ความสำคัญในวันที่พวกเขายังอยู่"3. โอกาสไม่ได้มีมาให้เราอิ่มเอมบ่อยๆ หากมีโอกาสแล้วจงใช้มันให้เต็มที่ ฟรีเรนมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้และทำความรู้จัก รวมไปถึงการสร้างมิตรภาพมากมายแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ และมองข้ามหลายๆ อย่างไปจนต้องมาเสียใจและเสียดายเวลาและโอกาสที่เธอไม่ได้คว้าไว้ ข้อนี้ยอมรับว่าเราใช้ความรู้สึกส่วนตัวมากเป็นพิเศษหน่อย ตัวเราอยู่ในความสัมพันธ์ทางไกลอยู่กันคนละประเทศ และเป็นคนปากหนักไม่ค่อยจะยอมพูดอะไรดีๆ ตอนอยู่ด้วยกัน พอกลับประเทศไทยก็มีช่วงหนึ่งมีทะเลาะกันจนไม่คุยกัน ตอนนั้นนึกเสียใจขึ้นมาที่ไม่ได้พูดความรู้สึกจริงๆ ต่อหน้าเขา และก็รู้สึกกลัวว่าจะจบทั้งๆ ที่ไม่เคยบอกอะไร.. แต่โชคดีที่แค่งอนกันเฉยๆ ใดๆ ก็ตามโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ หากโอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว "จงคว้าและใช้มันอย่างเต็มที่" ไม่ว่าจะในเชิงความสัมพันธ์ หรือการทำงาน อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด ชอบใครก็บอกไปตรงๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะยังมีโอกาสแบบนั้นอีกครั้งไหม อย่างน้อยหากเราได้ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้วเราก็จะได้ไม่ต้องมานั่งนึกเสียใจหรือเสียดายที่หลัง เพราะเวลาเมื่อผ่านไปแล้วมันผ่านไปเลย มันย้อนกลับไปแก้ไขใหม่ไม่ได้แล้วนั่นเอง 5 เหตุผลห้ามพลาดอนิเมะ คำอธิษฐานในวันที่จากลา4. ไม่มีอะไรสำเร็จได้ง่ายๆ แม้ผิวเผินมันจะดูไม่ยากก็ตามหลายครั้งการจะทำเรื่องบางอย่างให้สำเร็จลุล่วงอาจต้องใช้เวลาและทุ่มเทแรงอย่างมาก แม้บางครั้งบางอย่างมันจะดูไม่ยากก็ตาม ดูอย่างการสอบจอมเวทของฟรีเรนซิ ก็แค่จับนกใส่กรงเหมือนไม่ยาก แต่นกดันฉลาดและบินเร็ว ถึกทนสุดๆ จนทำให้พวกเขาต้องทุ่มแรงกาย เวลา ใช้กลยุทธ์ทุกอย่างกระทั่งยอมเป็นศัตรูกับจอมเวทคนอื่นๆ เพื่อทำให้มันสำเร็จ ชีวิตจริงมันก็ประมาณนั้นแหละ บางอย่างมันเหมือนง่ายนะแต่พอลงมือทำจริงกลับยากจนเกือบถอดใจเลย ใดๆ ก็ตามเราแค่ต้องเตรียมใจรับทุกๆ สถานการณ์และมุ่งมั่นทำให้สำเร็จให้ได้ 5. ขอแค่ไม่ "ตัดใจล้มเลิก" ในสิ่งที่ยึดมั่น สักวันมันจะต้องประสบผลสำเร็จต่อจากข้อด้านบนเลย แม้บางครั้ง ปัญหาหรือเป้าหมายของเรามันจะยากหรือชวนท้อใจขนาดไหนก็ตาม หากอยากให้สิ่งที่มุ่งหวังสำเร็จให้ได้เราก็ต้องมุ่งมั่น ไม่ตัดใจล้มเลิกไปก่อน เหนือกว่าการเป็นคนเก่งก็คือการเป็นคนมุ่งมั่นไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปกลางคันนั่นเอง 6. การพูด "ขอโทษ" ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนแพ้ แต่เป็นเพราะ "เรารู้จักปล่อยวาง ให้อภัย และแคร์ความรู้สึกคนอื่น" ในเรื่องเราจะเห็นเฟรุนและสตาร์ค งอนกันบ่อยมากๆ เลย บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่ทั้งคู่ก็จะไม่ได้งอนกันนานเพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่จะคิดได้และรู้ตัวว่า "อยากคืนดี" มากกว่างอนกันแบบนั้น ดังนั้นทั้งคู่เลยเลือกที่จะเอ่ยคำขอโทษ โดยเฉพาะสตาร์คที่มักจะเอ่ยคำขอโทษก่อนเสมอ และตัวเฟรุนเองก็เช่นกัน เพราะทั้งคู่แคร์ความรู้สึกของกันและกัน การเอ่ยขอโทษก่อนไม่ได้หมายความเราแพ้ เราก็แคร์แค่อีกคนหนึ่งมากนั่นเอง และถ้าหากมีใครมาขอโทษคุณจากใจก็จงปล่อยวางและหันไปคุยกันด้วยเหตุและผลเถอะนะ7. การผลักดันใครสักคนให้ดีขึ้นควรใช้คำพูดดีๆ ที่สร้างสรรค์ แทนการ "ดูถูก"ในตอนหนึ่งเราจะเห็นว่าจริงๆ แล้วลาวีเน่และคันเน่นั้นไม่ได้เกลียดกันเลย และลาวีเน่ก็มีความเข้มแข็งทางจิตใจมากกว่า ในช่วงหนึ่งจะเห็นว่าคันเน่นั้นก้าวข้ามความกลัวการฝึกเวทลอยตัวไม่ได้ แต่ลาวีเน่ก็จะพยายามโน้มนาวใจให้เพื่อนรีบทำการลอยตัว แต่คันเน่ก็ได้ร้องขอให้ลาวีเน่พูดข้อดีตัวเองออกมาแล้วเธอจะมีกำลังใจ ใช่แล้ว... ทุกคนต้องการกำลังใจมากกว่าการดูถูก การดูถูกไม่เคยผลักดันให้ใครก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าความสำเร็จ มีแต่จะทำให้รู้สึกแย่ และรู้สึกหมดกำลังใจ ในบางเคสอาจจะก้าวไปข้างหน้าได้จริงแต่ไปด้วยความเกลียดชังนะ ดังนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าเราผลักดันคนสำคัญของเราด้วยคำพูดดีๆ เพื่อให้เกิดเป็นกำลังใจในการเดินไปต่อนั่นเอง 8. การจากลาด้วยความทรงจำแย่ๆ มีแต่จะเจ็บปวด การพูดกันตรงๆ จะนำพามาซึ่งความเข้าใจและความรู้สึกดีๆไอเซ็นและสตาร์คก็เลือกที่จะจากลาด้วยการวิวาท หรือแม้แต่ออร์เดนก็จากลาด้วยการพูดจาแย่ๆ ใส่ลูกชายอย่างวิลท์ ทั้งคู่ต่างก็มานั่งเสียใจในภายหลังแต่ที่ต่างกันคือวิลท์นั้นไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้ว มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าแล้วทำไมไม่พูดกันดีๆ นะ อย่างน้อยวันหนึ่งอาจจะได้เจอได้มองหน้ากันดีๆ อีกครั้งได้ และน่าแปลกใจที่ในชีวิตจริงมีคนไม่น้อยเลยเลือกที่จะจากลาหรือเลิกราด้วยการทำให้เกลียด หรือเจ็บปวดจนเกลียด ส่วนตัวมองว่าวิธีนี้ออกจะแย่และโหดร้ายมาก และการจากด้วยความเกลียดชังมันอาจทำให้อีกคนเจ็บปวดจนเกิดเป็นแผลในใจนะ ดังนั้นหากจำเป็นต้องแยกย้ายก็บอกออกไปตรงๆ เถอะ แม้มันอาจจะยากที่จะยอมรับแต่การได้รู้ความจริงตรงๆ มันย่อมดีกว่าการถูกหักหลัง หรือทำให้เกลียดหรือคิดว่าโดนเกลียดนะ9. ความประมาทและทะนงตัวเกินไปอาจทำให้เราล้มเหลวได้ เหล่าปีศาจบางคนมีพลังความสามารถที่แกร่งมากนะ เช่นควบคุมเลือด ใช้เลือดติดตามศัตรู ควบคุมจิตใจคนอื่น อ่านและเลียนแบบทักษะคนอื่น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้ทั้งนั้นเลย แต่ก็เพราะทะนงตัวและประมาทคู่ต่อสู้ ก็เลยทำให้จบไม่สวยเลยสักราย แพ้ยับโดยเฉพาะ ออร่า แห่งกิโยติน จุดจบอัปยศกว่าปีศาจตนอื่นๆ เลย 10. ความสามารถของคนนั้นเกิดจากการฝึกฝน ไม่ใช่เพียงเพราะมีพรสวรรค์ในเรื่องฟรีเรนเป็นเอลฟ์ที่อายุยืนเลยมีเวลาฝึกฝนจนกลายเป็นจอมเวทที่แกร่งมาก แต่ระดับฟรีเรนเองก็เคยแพ้เหมือนกันนะเพราะไม่ใช่แค่ฟรีเรนที่ฝึกฝนขัดเกลาความสามารถ คนอื่นๆ ก็ทำแบบนั้นเช่นกัน ในชีวิตจริงเรามักจะได้ยินบางคนเอ่ยชมใครสักคนที่มีความสามารถพิเศษว่า "มีพรสวรรค์เนอะ" เราเชื่อว่า ไม่มีใครดีใจหรอกนะที่ได้ยินอะไรแบบนี้ เพราะการที่ใครคนหนึ่งจะช่ำชองชำนาญอะไรสักอย่าง มากกว่าครึ่งหนึ่งมันคือการพยายามฝึกฝนและการเรียนรู้ ดังนั้นความสามารถของคนเราเกิดจากการฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์ไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ ถ้าจะชมใครสักคนอยากให้ชมเพราะเขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถ เจ้าตัวน่าจะดีใจมากกว่าค่ะ และนี่ก็คือมุมมองของเราที่มีต่อเรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้มันอาจจะตรงใจของผู้อ่านบ้างไม่ตรงบ้างก็ต้องขออภัยไว้ก่อนเลย เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกนึกคิดจึงมีทั้งถูกและผิดแต่ที่แน่ๆ อนิเมะเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่มีเนื้อหาที่ดีมาก สนุกและแฝงไปด้วยเรื่องราวชวนคิดมากมาย และยังเป็นอนิเมะที่สามารถฮีลใจ ดูแล้วไม่เครียด และยังรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ฟรีที่ TrueID ด้วยค่ะสุดท้ายนี้หากใครที่รู้สึกชอบบทความนี้ก็แชร์ออกไปได้เลยค่ะ หรืออยากจะติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเรา ก็สามารถติดตามได้ที่ twitter ที่ Artinime ค่ะhttps://x.com/supamas_kpr/status/1744267613293977619?s=20ขอบคุณภาพจาก @Anime_Frieren - ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,14 / ภาพปก จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !