รีเซต

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9
28 มกราคม 2557 ( 16:54 )
7.7K

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9

บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์

บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน

 

 

ที่ศาลากลางสวนของคุ้มหลวง จัดอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ไว้ราวเป็นห้องอาหารของโรงแรม สายใจ
เฟื่องฟ้า
ระริน
มาคอยดูแล มีการตั้งโต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่นเรียงราย ล้อมด้วยเบาะนั่งหนาให้แขกนั่งกินอาหาร
ขณะนี้เป็นเวลาสาย
โต๊ะทุกตัวว่าง เหลือเพียงโต๊ะเดียว มีแพท มาลาริน บีบี พิมพ์ดาว นั่งกินอาหารอยู่
ใกล้เสร็จ ตรีภพเดินหาวมา

พิมพ์ดาวหันมาพอดี ทำหน้าว่า น่าเกลียด ตรีภพรีบหุบปาก เดินเข้ามา

“ไฮ กู๊ดมอร์นิ่งค่ะ” มาลารินทักทาย

“สวัสดีตอนเช้าครับ”

“เช้าอะไร สี่โมงเช้าอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว” พิมพ์ดาวค่อน

“โบราณว่า นอนกินบ้านกินเมืองนะคะคุณตรี ฮิ ฮิ ฮิ” แพทแซว

“ผมฝันร้ายน่ะฮะ”

สายใจเทกาแฟหก สบตากับเฟื่องฟ้า ระรินขยับมาฟัง

“ตกใจตื่น กว่าจะหลับได้ก็เกือบสว่าง”

แพทมองดูพิมพ์ดาว หน้าเหยลงนิดหน่อย เพราะนึกถึงลมประหลาดที่ทางเดิน 

“ฝันอะไรหรือคะ” มาลารินถาม

“ผมฝันเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบเจ้านาง”

ตรีภพพูดไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่น่าเล่า พิมพ์ดาวมอง สายใจ เฟื่องฟ้า ระริน ขยับถอยมองหน้ากัน

“โอว์ แล้วยังไงคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็ฝันเพ้อเจ้อเรื่องนั้นเรื่องนี้ โอ.. ไส้กรอกนี่อร่อยจัง”

ตรีภพกินอาหาร พูดกลบเกลื่อน

“ดีนะคะ ที่แพทไม่ยักฝันอะไรเลย พี่พิมพ์ล่ะคะ”

“พี่เป็นคนไม่ค่อยเพ้อเจ้อน่ะค่ะ ก็เลยไม่ค่อยฝัน”



ตรีภพเกือบสำลักกาแฟ ตาเขียว พิมพ์ดาวยิ้มพริ้มพราย มาลารินคอยเลื่อนซอส พริกไทย ให้ตรีภพ

ตรีภพมองดูรอบๆ เห็นแต่ตาทองกับคนงานในสนาม

“ทำไมเช้านี้ไม่มีใครเลยครับ”

“อ๋อ เจ้าแก้วพาคุณฐากับทีมงานไปดูโลเคชั่นป่าค่ะ ส่วนพวกคนแก่ เอ๊ย นักแสดงอาวุโสไปซิตี้ทัวร์กัน นี่
เดี๋ยวบีบีกับลินซี่จะไปทำบุญขึ้นพระธาตุกัน คุณตรีไปไหมคะ” บีบีชวน

“ไปนะคะ ไปด้วยกัน” มาลารินอ้อน

แพทกับพิมพ์ดาวมองหน้ากันว่า ทีเราไม่ยักชวน

“ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะทบทวนบท พรุ่งนี้ก็จะเปิดกล้องแล้ว”

“วุ้ย แค่บวงสรวงกับเปิดกล้อง เอาฤกษ์เอาชัยพอเป็นพิธี แค่นั้นเอง” บีบีท้วง

“ฮะ ผมรู้ แต่ผมอยากจำบทให้ขึ้นใจก่อนถ่าย”

พิมพ์ดาวมอง ตรีภพแกล้งพูด

“ผมยิ่งหัวช้า ความจำไม่ค่อยดีอยู่ด้วย”

“โอ ลินซี่ก็ยังจำบทไม่ได้ เดี๋ยวอยู่ต่อบทกับคุณตรีดีกว่า”

บีบีตาเขียว ตวาดแว้ด “ไม่ได้ย่ะ!” พอรู้ตัว ก็รีบฉีกยิ้ม 

“ว้าย ไม่ได้ค่ะลูกขา เราต้องไปทำบุญ จะได้ถ่ายรูปลงไอจีให้แฟนๆดู แล้วยังต้องไปดูเด็กกำพร้าอีก”

ทุกคนทำตาปริบๆ ดูกระบวนการสร้างภาพของนางเอก มาลารินหน้างอ แล้วรู้ตัว รีบทำแป๋วใหม่


ทีชานเรือนในคุ้ม พิมพ์ดาวกับตรีภพเดินมาด้วยกัน 

“เจ้านางในฝันของคุณเป็นยังไงน่ะ”

“สวยมาก ตาคม จมูกสวย หน้าเรียว ไม่ค่อยดูเป็นสาวเหนือเท่าไหร่”

พิมพ์ดาวนึกถึงยอดหล้าในความฝันเมื่อเดือนก่อนที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

พิมพ์ดาวถอนใจ

“คุณถามผมทำไม อย่าบอกนะว่าหวงกระทั่งความฝัน”

“เอาเถอะๆ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามใจ”

พิมพ์ดาวขี้เกียจโวยวาย ตรีภพอมยิ้ม

“แล้วคุณล่ะ ฝันอะไรแปลกๆบ้างไหม”

พิมพ์ดาวหยุดเดิน นิ่งงันไป ตรีภพมองอย่างสงสัย “อะไรหรือคุณ”

“เมื่อคืนฉันฝัน ฝันว่าฉันเคยอยู่ที่คุ้มนี้มาก่อน แต่ว่าคุ้มนี่ยังไม่ใหญ่ขนาดนี้”

พิมพ์ดาวเอามือลูบคลำไม้แกะสลัก ตรีภพอึ้งไป

“ไอ้แก้วบอกผมว่า คุ้มนี้สร้างตั้งแต่สมัย ร.2 – ร.3 แล้วก็มีการสร้างต่อเติมมาเรื่อยๆ”

“ในความฝัน เหมือนเขาไม่ได้เรียกคุ้มแต่เรียกว่าหอคำหลวง ทางเดินนี่จะนำไปสู่ด้านหลังเรือนหลวง”

พิมพ์ดาวมีแววจำได้ และอยากพิสูจน์ ชี้ไปยังทางแยกเล็กๆ

“ก็ลองไปดูซีครับ”


ประตูเรือนหลวงท้องพระโรงแง้มเปิดออก ในห้องมืดสลัว พิมพ์ดาวเดินนำตรีภพเข้ามา

“ตรงนี้จะมีฉากกั้น” พิมพ์ดาวบอก

ตรงหน้ามีฉากกั้นไม้สลักสูงใหญ่

“ที่บรรดาผู้หญิงในหอคำ จะมาแอบดูการว่าราชการ”

“ว่าราชการหรือครับ”

“เหมือนท้องพระโรงของพระราชวังไง”

“สวิทช์ไฟอยู่ไหนนะ อ้อ เจอแล้ว”

ตรีภพ พิมพ์ดาว คลำอยู่ในความมืด ตรีภพเปิดสวิทช์ไฟ ไฟในห้องสว่างขึ้นช้าๆ

ตรีภพและพิมพ์ดาวมองไปแล้วตะลึง

แท่นคำวิจิตรอลังการอยู่ตรงหน้า สะท้อนแสงแชนเดอเลียร์เบื้องบนระยิบระยับ ตรีภพอึ้ง เพราะว่าสิ่งที่พิมพ์ดาวพูด
เป็นจริง แต่พิมพ์ดาวอึ้ง เพราะความรู้สึกเก่าๆท่วมท้นขึ้นมา พิมพ์ดาวเห็นภาพเจ้าแสงอินทร์นั่งรับราชทูตบนแท่นคำ

มองลงมาอย่างปราณี พิมพ์ดาวน้ำตาเอ่อ ตื้นตัน


ทั้งคู่กลับออกมาที่ระเบียง พิมพ์ดาวระงับสติอารมณ์และท่าที ตรีภพมองหน้า

“มันอาจเป็นแค่เดจาวูก็ได้”

“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจ ก็ตามใจเถอะฮะ”

พิมพ์ดาวตาเขียว

“แล้วคุณยังฝันอะไรอีก”

“ที่ฉันบอกว่าฉันเคยอยู่ที่นี่ ความจริงไม่ใช่หรอก ที่ฉันอยู่จริงๆเป็นอีกคุ้มนึง เล็กกว่านี้ เก่ากว่านี้”

พิมพ์ดาวพูดเหมือนรำพึง

“คุ้มเล็กหรือฮะ”

“เป็นคุ้มริมแม่น้ำปิง เหมือนกับว่าสมัยที่ใช้แต่ทางน้ำ คุ้มนี้เป็นหอคำหลวง แต่พอเจริญขึ้น มีถนนกลางเวียง ก็มี
การสร้างหอคำหลวงขึ้นใหม่ หอคำแก้วก็ถูกลดชั้น เป็นแค่คุ้มพวกลูกหลวง”

พิมพ์ดาวพูดเป็นตุเป็นตะ


ทั้งคู่เดินไปจนถึงหน้าห้องตรีภพ ตรีภพผายมือเชิญเข้าห้อง พิมพ์ดาวตาเขียว

“จะให้ฉันเข้าห้องคุณทำไม”

“น่า ผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า โธ่ ยุคนี้แล้ว ไม่มีใครเค้าถือหรอก”

“ฉันไม่ถือหรอกย่ะ! แต่ฉันกลัวปากคน”

“ไม่มีใครเห็นหรอก”

พิมพ์ดาวเชิด เดินเข้าไป ตรีภพเดินตาม ปิดประตู ที่มุมทางเดิน แพท มีมี่ มูมู่ โผล่หน้ามา หูตาวาว


ในห้อง ตรีภพเดินนำพิมพ์ดาวไปยังระเบียง “อ้าว คุณมานี่ซี”

“จะให้ฉันดูอะไร”

“นู่น.. แนวแม่น้ำปิง.. คุณลองดูซี”

พิมพ์ดาวมองไปตามทิศที่ตรีภพชี้  เห็นแต่แนวต้นไม้เขียวครึ้ม บางส่วนก็มืดดำแน่นขนัด

“ให้ฉันดูอะไร”

“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

พิมพ์ดาวเขม้นมองแล้วชะงัก เมื่อเห็นยอดหอสังเกตการณ์ และหลังคาคุ้มร้างโผล่จากยอดแนวไม้

“คุ้มน้อย! มีคุ้มน้อยอยู่ริมน้ำปิงจริงๆ”

พิมพ์ดาวทั้งตื่นเต้น แปลกใจ ทั้งกลัววูบขึ้น 

____________________________________________________________________________



ถึงเวลาอาหารกลางวัน พิมพ์ดาว แพท ตรีภพ นั่งกินอาหารกลางวันกันที่ศาลา พิมพ์ดาวยังคงครุ่นคิด ตรีภพ
อ่านบท แพทมองดูทั้งคู่แล้วอมยิ้ม

“ต่อบทกันถึงไหนแล้วคะ” แพทซัก

“พี่ยังไม่ได้อ่านซักตัว”

แพทอมยิ้ม ลดเสียงลงอีก

“แล้วที่เข้าไปต่อบทกันในห้องล่ะคะ”

พิมพ์ดาวชะงัก ตรีภพสะดุ้ง พิมพ์ดาวพูดประชดตามนิสัย 

“อ๋อ นั่นไม่ได้เข้าไปต่อบทค่ะ ไปทำอย่างอื่น”

ตรีภพสะดุ้งมองหน้า พิมพ์ดาวมองตอบตาขุ่น

“นี่คุณ ทำไมพูดอย่างงั้น”

“อุ๊ย คุณตรี พี่พิมพ์ แพทไม่พูดไปหรอกค่ะ”

แพททำท่ารูดซิปปาก



สายใจซุบซิบกับตาทองอยู่ที่โต๊ะวางอาหาร ตาทองเข้ามาหากลุ่มตรีภพ คุกเข่าลง

“อ้าว มีอะไรครับ คุณตา”

“พวกคุณยังไม่ได้นี่เลย คนอื่นๆได้กันหมดแล้ว”

ตาทองส่งสายสิญจน์ให้ ตรีภพรับมางงๆ

”เป็นธรรมเนียมต้อนรับของที่นี่น่ะครับ สวมไว้เป็นศิริมงคล”

“อ๋อครับ มิน่า ผมเห็นคนที่นี่กับทีมงานละครใส่กันหลายคน”

“ไม่ใช่เพราะที่นี่มี.. เอ้อ ผีนะคะ” แพทผวา

ตาทองทำหน้าเย็นชา “เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครรู้แน่หรอกครับ”

ตาทองถอยไป แพทรีบคว้ามาคล้องคอก่อนเพื่อน ตรีภพส่งให้พิมพ์ดาว พิมพ์ดาวสั่นหน้า

“ฉันไม่เอาดีกว่า”

“ลืมไปว่า คุณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้”

“หนูเก็บไว้ให้เองค่ะ” แพทรับไปแทน ตรีภพเอามาสวมบ้าง มองพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวนิ่ง มือแตะนอกเสื้อ
คลำเขี้ยวเสือไฟ ในใจสับสนกับความฝันและสิ่งที่เจอเมื่อช่วงเช้า


แก้วพาฐาปกรณ์และทีมงานมาพบพ่อเลี้ยงธาดา เพื่อขอใช้รีสอร์ทหรูของพ่อเลี้ยง เป็นโลเคชั่นถ่ายทำ พ่อเลี้ยงธาดา
ยิ้มย่องผ่องใส พาแก้ว ฐาปกรณ์ ลูกกบ รัก เบิ้ม เดินทัวร์ รีสอร์ท

“ทางเรายินดีให้คณะละครของคุณมาถ่ายได้ครับ”

“ขอบพระคุณมากครับ พ่อเลี้ยง แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายนี่จะยังไงครับ” ฐาปกรณ์ถาม

“เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลัง แต่คุณแก้วพามาทั้งที ผมอาจจะไม่คิดค่าสถานที่ก็ได้นะครับ”

พ่อเลี้ยงดูแสนดีสุดๆ แก้วยิ้มเย็นชา ฐาปกรณ์ดีใจแทบกระโดด ลูกกบ เบิ้ม รัก งง ไม่คิดว่ามีคนดีแบบนี้ในโลก

“งั้นผมก็ต้องขอบคุณล่วงหน้า” แก้วพูด

“ผมต่างหาก ต้องขอขอบพระคุณพ่อเลี้ยง”

“ผมต่างหากต้องขอบคุณ เพราะเท่ากับได้โปรโมทรีสอร์ทของผมด้วย”

ธาดาพามาถึงทางแยก มีป้าย ผาน้ำตก บ่อน้ำพุร้อน

“ทางด้านหลังนี่มีบ่อน้ำพุร้อน  บรรยากาศดีมากเชียวครับ.. แล้วตามแนวลำธารนี้ไปราว 1 กิโลเมตร ก็มีผาน้ำตก
รับรองว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน”

“แปลว่าที่นี่ที่เดียวมีทุกอย่างที่เราต้องการ ขอบพระคุณจริงๆครับ พ่อเลี้ยง”

“ยังไงก็ขอให้ผมได้ไปดูการถ่ายทำบ้างก็แล้วกันครับ”

“ได้ซะยิ่งกว่าได้ซะอีก ใช่ไหม.. แก้ว”

“ยินดีครับ พ่อเลี้ยง”

ธาดายิ้ม ยืนอยู่ในละอองน้ำพุ ดูมีราศีบุญล้อมตัว


ที่สนามแข่งรถ รถแข่งแล่นมาจอด ราเชนทร์ในชุดแข่งเลื้อยออกมาจากรถ พอดีมีโทรศัพท์เข้า “ใครวะ ยุ่งจริง”
ราเชนทร์เห็นชื่อพ่อเลี้ยงธาดาที่หน้าจอ ท่าทางเปลี่ยนเป็นคอหด รีบรับโทรศัพท์

“ครับ.. พ่อเลี้ยง”

“เฮ้ย ไอ้เชน นายรู้จักกองละครที่มาถ่ายทำที่คุ้มเวียงแก้วไหม” พ่อเลี้ยงธาดาถาม


ที่ห้องทำงานฐาปกรณ์ มาดามสุแต่งตัวแบบเดินทาง กางเกงฟิต เสื้อยืดคว้านอกตามเคย ที่ข้างโต๊ะมีกระเป๋าเดินทาง
ใบใหญ่มหึมาวางอยู่ มาดามสุกำลังโทรศัพท์วุ่น

“เออ พรุ่งนี้มีบวงสรวง แล้วก็เปิดกล้องเอาฤกษ์เอาชัย อีพวกนักข่าวที่ตกลงกันไว้ มันแคนเซิลกันกว่าครึ่ง เจ็บใจ
จริงๆ เออ หล่อนหาไปเพิ่มให้ได้นะยะ อ้อ เดี๋ยว”

มาดามสุรับโทรศัพท์อีกเครื่อง

“ฮัลโหล.. หา อะไรนะ จากรายการคนค้นผี.. จะเดินทางไปด้วย.. เดี๋ยว เดี๋ยว ใครติดต่อ อ้าว ฮัลโหล อีเวร สายหลุด”
หันไปพูดกับเครื่องแรกต่อ “นี่.. อ้าว วางหูไปแล้ว อีนี่ ฉันบอกให้รอ อีโลชก!”


มาดามสุอารมณ์เสีย หน้างอ ปาโทรศัพท์ลงโซฟาพลางร้องกรี๊ดๆ มีร่างสูงเพรียวเข้าประกบจากเบื้องหลัง เอามือกอดเอว
มาดามสุไว้

“ฮัลโหล”

“ว้าย”

“ทายซิครับ ใครเอ่ย”

ราเชนทร์ก้มลงดมดอมซอกคอ มาดามสุสยิวกาย รู้ว่าใครแต่แกล้งพูด

“ว้าย ใครกันนี่ เจมส์จิ หรือแบรี่ หรือว่าน้องโอ้”

ราเชนทร์เซ็ง คลายมือออก มาดามสุหันมามองราเชนทร์ตาวาว

“ฮึ จำผมไม่ได้ ผมน้อยใจนะ”

“โถ ทำไมฉันต้องจำได้ล่ะ”

สุชาดานั่งบนโต๊ะ ราเชนทร์ทำตาอ้อน

“หายหัวไปเดือนปี จู่ๆก็โผล่มา.. เธอจะเอาอะไรอีกล่ะ”

“โธ่ ผมก็มีเรื่องยุ่งๆของผมตลอดแหละ แต่ผมก็ยังคิดถึงพี่ตลอด”

“ฉันไม่เชื่อย่ะ”

ราเชนทร์เข้าตระกองกอดอีก มาดามสุหัวเราะระริกระรี้

“โธ่ ทำยังไงนะถึงจะเชื่อ”

ราเชนทร์ก้มลงซุกไซ้ซอกคอ แล้วต่ำลง มาดามสุผวา

“ว้าย ว้าย เชื่อแล้ว พี่เชื่อแล้ว”

“พี่สุ ผมอยากเล่นละคร พี่มีละครให้ผมลงไหม”

มาดามสุผลักราเชนทร์ล้มลงไปบนโซฟา

”ฮึ ฉันกะอยู่แล้วเชียว ไม่มี ฉันจะเลิกทำละครแล้ว”

“ผมไม่เชื่อพี่หรอก นี่แน่ะ”  ราเชนทร์ดึงสุชาดา ล้มลงทาบกันไปบนโซฟา 


สุชาดาเดินทางมาถึงคุ้มหลวงพร้อมราเชนทร์ และเอ็ดดี้ ผู้จัดการส่วนตัวของราเชนทร์ ที่หน้าตาดูคล้ายโจร
บีบีกับมาลารินตกใจที่เห็นหน้าราเชนทร์ แต่ต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน มาดามสุเดินนำเข้าคุ้มไปก่อน

มาลารินมองราเชนทร์ตาเขียว

“ยูมาทำไม แดม”

“ไม่ได้มาแคร์เธอหรอกน่า ไปพี่..”

ราเชนทร์ชวนเอ็ดดี้เดินเข้าคุ้มไป มาลารินสบตาบีบี กังวลเล็กน้อย ราเชนทร์เดินผ่านเฟื่องฟ้า ระริน แล้วยักคิ้ว
ทำตาเยิ้มใส่

“หวัดดีครับ แหม สาวเหนือนี่น่ารักแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าฮะ”

เฟื่องฟ้าคิกคักเอียงอาย ราเชนทร์กับเอ็ดดี้เข้าไป

“ต๊าย นังเฟื่อง นี่มันไอ้โจร ดาวร้ายนะยะ” ระรินว่า

“ดาวร้าย โบราณ เดี๋ยวนี้เค้าเรียกแบดบอยย่ะ”


ที่ห้องนอนของฐาปกรณ์ มาดามสุเบิกตาโพลง 

“ไอ้แก้ว ให้เราถ่ายทำฟรีๆ”

“ที่พัก ทั้งนักแสดง ทั้งทีมงานก็ฟรี”

“น้องแก้วของพี่”

“น้ำ ไฟ อาหงอาหาร มันจัดแจงให้เราหมด”

“โอ๊ย ตายแล้ว รวยอะไรอย่างนี้ ป๋าจริงๆ สมแล้วที่เป็นเจ้าเป็นเชื้อ”

มาดามสุเอามือกุมอก นั่งลงบนโซฟา พลางดูรอบๆห้อง

“ต๊าย เซฟไปเป็นล้านๆเลยนะนี่ กำไร กำไรเข้ากระเป๋าเหนาะๆ”

“เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมจู่ๆคุณมาเปลี่ยนตัวขุนกล้าเป็นไอ้เชน”

“ฉันมาดูแล้ว บทนี่มีตั้งเยอะ ใช้เอ็กซ์ตร้าเล่นมันไม่น่าดู”

“ไอ้เชนนี่น่าดูตายล่ะ”

“มีคนชอบมันตั้งเยอะ”

“ทีอย่างนี้ล่ะไม่กลัวเปลือง”

มาดามสุเชิดใส่ผัว คว้าเครื่องคิดเลขมาคำนวณตัวเลขที่จะเอาเข้าพกเข้าห่อ พลางยิ้ม


____________________________________________________________________________



เย็นนั้น ศาลากลางสวนเป็นที่จัดเลี้ยงมื้อเย็น แม้ไม่ใช่ขันโตก แต่ก็มีการจัดสำรับเป็นวงๆ วงแรกมีตรีภพ มาลาริน
บีบี ฐาปกรณ์ มาดามสุ และเว้นที่ไว้ให้แก้ว วงใกล้กันมีพิมพ์ดาว แพท ราเชนทร์ เอ็ดดี้ มีมี่ มูมู่ ถัดไปเป็นวงของ
นักแสดงอาวุโสทั้ง 6-7 คน ถัดไปเป็นทีมงาน 

บีบีสวมเครื่องเพชรวูบวาบ กำลังอวดแหวนที่ซื้อมาใหม่กับมาดามสุ ส่วนมาลารินก็ทำตาแป๋วกับตรีภพ จนตรีภพ
ไม่แน่ใจว่าคืนวันซ้อมบทคืออะไรกันแน่

“ทำไมคุณพิมพ์ไม่นั่งนี่ล่ะคะ”

“เขาคงอยากคุยกับเพื่อนใหม่มั้งครับ” ตรีภพเสียงขุ่นเล็กน้อย 

ที่อีกวง ราเชนทร์คุยกับพิมพ์ดาว ราเชนทร์พูดเล่น พิมพ์ดาวหัวเราะ ตรีภพหน้าบึ้ง มาลารินแอบยิ้มในหน้า แล้วทำท่า
กลัวๆ

“คุณราเชนทร์น่ะหรือคะ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันอีก”

“โลกมันกลมเกินเหตุจริงๆ”

ตรีภพมองพิมพ์ดาวอย่างหมั่นไส้ 

พิมพ์ดาวกำลังคุยกับราเชนทร์ และแพท เกิดรู้สึกตัว มองมาเห็นสายตาตรีภพ ก็ขมวดคิ้ว ตรีภพทำหน้าไม่แยแส
พิมพ์ดาวก็ไม่สนใจหันไปคุยเล่นกับราเชนทร์ จนตรีภพอารมณ์เสีย มาลารินมองพฤติกรรม แล้วลอบยิ้มในหน้า

“คุณพิมพ์นี่เข้ากับคนง่ายนะคะ”

“คงงั้นมั้งครับ”

ระหว่างนั้นเอ็ดดี้นั่งกินอาหารเงียบๆ ไม่คุย ไม่ดู ไม่ยิ้มแย้ม ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ 


แก้วเดินขึ้นมาบนศาลา มาดามสุร้องวิ๊ด

“น้องแก้ว น้องแก้ว น้องแก้วขา”

มาดามสุถลาลุกวิ่งไปกอดแก้ว จูบแก้มซ้ายย้ายขวา

“น้องแก้วของพี่”

ทุกคนมองดูอย่างสังเวชใจ แก้วดันร่างมาดามสุออก ยิ้มอย่างเย็นชา

“เรียกผมว่าคุณแก้วเถอะครับ”

แก้วเดินไปรวมกลุ่ม มาดามสุชะงัก อึ้งไป แล้วยักไหล่ ถลาไปเชลียร์คนรวยต่อ

เอ็ดดี้ และราเชนทร์ มองดูแก้ว แล้วสบตากัน


ในห้องพักราเชนทร์ เอ็ดดี้เดินดูรอบๆห้อง ของในห้องทุกอย่างล้วนมีราคา เอ็ดดี้เอาแจกันลายครามมาดู

“ของแท้ว่ะ”

“อะไรนะพี่”

“กูบอกว่าแจกันนี่ของแท้ ดีไม่ดีราคาเป็นแสน”

“พวก ณ เวียงแก้วนี่ท่าทางรวยมาก.. ดูอย่างคุ้มนี่ใหญ่อย่างกะโรงแรม”

เอ็ดดี้ทำตาปริบๆกับคำเปรย

“พ่อเลี้ยงสั่งอะไรพี่มาบ้างล่ะ”

“ก็ให้เข้ามาดูลาดเลาแค่นั้น” เอ็ดดี้ไม่ยอมบอก

“พ่อเลี้ยงสงสัยว่าไอ้คุณแก้วอะไรนี่ ฮุบเงินกับยาของพ่อเลี้ยงไว้หรือ”

“เออ”

“เงินเท่าไหร่หรือพี่”

“พ่อเลี้ยงบอกว่าห้าสิบล้าน”

ราเชนทร์ลุกพรวดขึ้น ตาโต “ห้าสิบล้าน!”

“เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งพ่อเลี้ยงไม่ร่วงหรอกโว้ย แต่พ่อเลี้ยงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อีกอย่าง คนอย่างพ่อเลี้ยง
ไม่มีวันยอมให้ใครมาลูบคมหรอกโว้ย”

ราเชนทร์พยักหน้า


ทางเดินในคุ้ม พิมพ์ดาวเดินมากับแก้ว

“บทละครเรื่องนี้ คุณแก้วเอาเรื่องมาจากไหนกันคะ”

“ทำไมหรือครับ”

“ก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ”

แก้วยิ้มขื่นๆ “เรื่องนี้ผมเขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของ.. คนเก่าแก่น่ะครับ”

“คนเก่าแก่หรือคะ ก็แปลว่านี่เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา”

แก้วมองหน้าพิมพ์ดาว “ก็ทำนองนั้นล่ะครับ”

“ก็แปลว่าอาจจะมีเค้าความจริงอยู่”

“คนที่เล่าให้ผมฟัง ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง”

“แหม ขนาดพงศาวดารกรุงศรีอยุธยายังมีตั้งไม่รู้กี่ต้นฉบับนะคะ หนังสือไทยรบพม่า กับ พม่ารบไทย ยัง
ไม่ตรงกันเลย”



แก้วยิ้ม มองพิมพ์ดาวขมขื่น “คุณสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือฮะ”

“น้องสาวฉันเมเจอร์ประวัติศาสตร์น่ะค่ะ ฉันก็เลยได้อ่านๆมาบ้าง” 

“ที่คุ้มนี้มีห้องสมุด มีหนังสือมากพอสมควร ถ้าคุณสนใจ เชิญได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ คุณแก้วใจดีจัง”

“อย่าเชื่อแค่สิ่งที่ตาเราเห็นเลยครับ”

“แหม! คุณแก้ว”

พิมพ์ดาวหัวเราะ แก้วหัวเราะตาม ตรีภพเดินมามองดูทั้งคู่

“คุยอะไรกันอยู่”

“แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย”

“อ้าว ก็เห็นหัวเราะกันอยู่ ไม่อยากจะแชร์บ้างหรือ”

“แค่กดไลค์ค่ะ แต่ไม่แชร์.. กู๊ดไนท์นะคะ คุณแก้ว”

พิมพ์ดาวเดินกลับห้อง ตรีภพมองตามอย่างหมั่นไส้ แล้วหันมามองแก้ว


“ไงวะ ตบะแตกแล้วหรือ”

“แกพูดอะไร”

“อ้าว ก็ตั้งแต่มา ฉันเห็นแกทำหน้าเหมือนแบกโลก ถามคำตอบคำ อยู่ๆก็มาหัวเราะหัวใคร่กับยายพิมพ์นี่”

“คุณพิมพ์ดาวเป็นคนน่ารัก”

“โอ้โฮ เสน่ห์แรงจริงๆว่ะ ยายคนนี้”

แก้วมองดูตรีภพ รู้สึกอัดอั้นใจ “เปลี่ยนเรื่องพูดเถอะ”

“ก็ได้ว่ะ เออ ไอ้แก้ว บทละครเรื่องนี้ แกไปเอาเรื่องมาจากไหนกันวะ”

แก้วชะงัก มองหน้าตรีภพ


_____________________________________________________________________________



ตีหนึ่ง  เอ็ดดี้ในชุดดำกลืนกับความมืด หยิบปืน 2 กระบอกมาเหน็บเอว ที่ข้อเท้ามีมีดพกเล่มใหญ่ ออกจากห้อง
ราเชนทร์ตรงไปที่คุ้มร้าง  

ส่วนที่ห้องพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวยังนอนไม่หลับ แพทนอนกุมสร้อยสายสิญจน์หลับอยู่บนเตียงข้างๆ พิมพ์ดาวเอามือแตะ
สร้อยเขี้ยวเสือไฟ แล้วข่มตาให้หลับ

ที่ห้องตรีภพนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ควันจางลอยเรี่ยพื้นมาจากระเบียง เลื่อนลอยไปถึงเตียง ยอดหล้าในเครื่องทรง
มลังเมลืองเป็นสีทองก้าวมา เกาะเสาเตียง มองดูตรีภพอย่างสุดรัก ตรีภพขยับตัวลืมตาขึ้น เหลือบมาเห็นยอดหล้า
ก็ลุกพรวดขึ้น นั่งบนเตียง ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน

“คุณอีกแล้ว”

“ข้าเจ้าเองเจ้า พี่เทพ”

ตรีภพลุกขึ้นจากเตียง “คุณคือใครกันแน่”

“พี่ใยต้องถามสิ่งที่พี่รู้อยู่แล้วล่ะเจ้า”

“ไอ้แก้ว เอ้อ เจ้าแก้ว บอกว่าบทละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา”

ยอดหล้ายิ้ม “ไม่ใช่หรอกเจ้าพี่เทพ เรื่องที่เล่าสู่กันมา ข้าเจ้าคือหญิงแพศยาสาธารณ์ ผู้นำความอับอายมาสู่คุ้มเวียงแก้ว”

ตรีภพงุนงง “แล้วเรื่องนี้”

“คือความจริงไงเจ้า ความจริงที่ข้าเจ้าอยากให้โลกรู้”

“ความจริง”

“แต่ความจริงแท้ก็คือ ข้าเจ้ารักพี่ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้”

ยอดหล้ามองตรีภพ ดูงดงามมลังเมลือง

พิมพ์ดาวนอนไม่หลับ ลุกขึ้นไปดื่มน้ำ จากหน้าต่างห้องพิมพ์ดาว มองเห็นระเบียงห้องตรีภพ เห็นม่านบาง หลังม่าน
มีเงาตรีภพ และเงาที่จางกว่าของยอดหล้า ดูระเหิดระหงยืนอยู่ใกล้กัน พิมพ์ดาวสำลักน้ำพรวด ลดขวดลงมองดู
ตาไม่กระพริบ


เอ็ดดี้สำรวจหาห้องใต้ดินที่ใต้ถุนคุ้มร้าง เจอซากศพสมุนโจร เห็นสภาพซูบ แก้มตอบ และคอที่มีแผลเหวอะ

เอ็ดดี้ผงะ แต่ก็ตั้งสติได้ยิงปืนเข้าใส่ร่างสมุน มันไม่สะดุ้งสะเทือน เดินทื่อเข้ามา เอ็ดดี้เก็บปืน ดึงมีดใหญ่ออกมา
ฟันกำจัดไปสองซาก ระหว่างต่อสู้ร่างเอ็ดดี้กระแทกเข้ากับแนวต้นไม้เถาที่รกเรื้อ รูดลง ไม้เถาแยกออก เห็นประตู
ห้องใต้ดิน เอ็ดดี้พลันแทรกตัวเข้าประตูห้องใต้ดิน วิ่งลงไป


ที่ห้องตรีภพ ยอดหล้ามองตรีภพ ดวงหน้าเปล่งปลั่ง ดวงตาเปี่ยมรัก ตรีภพเคลิบเคลิ้ม ยอดหล้าก้าวมาใกล้ เอามือโอบ
รอบคือตรีภพ ยอดหล้ายิ้มยวนยั่ว ตรีภพก้มลงจูบดูดดื่ม พิมพ์ดาวอ้าปากค้าง มองดูเงาของทั้งสองตาไม่กระพริบ


ห้องใต้ดินคุ้มร้างมืดสนิท เอ็ดดี้ขีดไฟแช็ก เปลวไฟลุกสูง เอ็ดดี้ดึงแท่งเชื้อเพลิงแบบมัดไต้ออกมาจ่อจด กลายเป็นคบไฟ
ชูไปรอบๆ แล้วเอาคบไฟจ่อตัวซากร่างสมุนโจรที่เหลือ ไฟเริ่มลาม ครู่เดียวก็ลุกท่วมตัว ล้มลง 

ทันใดที่ความว่างเปล่าตรงหน้า นางผัน นางเผื่อน ปรากฏตัวขึ้นเป็นเงาเลือนราง แล้วชัดขึ้น เอ็ดดี้มองดู มีท่าทางตื่นเต้
เตรียมพร้อม แต่ไม่เกรงกลัว


ที่ห้องตรีภพ ตรีภพรู้ตัว ขยับถอยออก ยอดหล้าวาบหวาม

“พี่เทพ มีอันใดเจ้า”

“คุณไม่มีตัวตน”

ยอดหล้าค้อน ดวงตาวามวาว จับมือตรีภพมาโอบตัว

“ถ้าไม่มีตัวตน ไยท่านแตะต้องข้าได้”

“คุณเป็นแค่ความฝัน”

ยอดหล้ายิ่งก้าวเข้าไปใกล้จนแนบชิด

“ถ้าเช่นนั้น พี่ก็จงดื่มด่ำกับฝันนี้เถิด”

ยอดหล้าเขย่งตัว เอามือประคองหน้าตรีภพแล้วจูบ ตรีภพเคลิบเคลิ้มจูบตอบ

พิมพ์ดาวเห็นแล้วก็หน้าแดงแล้วซีด


ที่ห้องใต้ดินคุ้มร่าง นางผัน นางเผื่อน กรายตัวเข้าหาเอ็ดดี้คนละด้าน จนตัวติดเอ็ดดี้ เริ่มลูบไล้ ยวนยั่ว


ตรีภพพยายามปฏิเสธ 

“จงรักข้าเจ้า ให้สมกับที่ข้าเจ้ารอคอยพี่มานานแสนนาน”

ตรีภพเหมือนตกอยู่ภวังค์ ตวัดอุ้มยอดหล้าขึ้น ยอดหล้าเอา 2 มือกอดคอตรีภพ

พิมพ์ดาวใจหาย หันหลังให้หน้าต่าง เม้มปากหันไปรูดหน้าต่างปิด แล้วเดินไปกระแทกตัวนั่งบนเตียง ในใจรู้สึก
หวงแหนแปลกๆขึ้นมา


_____________________________________________________________________________



ที่ห้องใต้ดินในคุ้มร้าง นางผัน นางเผื่อน คลอเคลีย เสียดสี ถูไถ เอ็ดดี้ ก่อนจะสำแดงเดช กลายร่างเป็น
อสูรกาย ปากแสยะ เห็นเขี้ยวเต็มปาก ดวงตากลายเป็นสีดำ เอ็ดดี้พลันล้วงสิ่งหนึ่งออกจากคอ โยนไปเบื้องหน้า
สิ่งนั้นคือสายสิญจน์เสก มันกลายเป็นเส้นแสง ขยายออกคล้องร่างนางผัน นางเผื่อน แล้วตวัดรัดขวับๆ ราวงูรัด
จากคอลงไปถึงเท้า นางผัน นางเผื่อน คืนร่างเป็นร่างธรรมดา ซูบซีด ผมยุ่งเหยิง ผ้าเก่าขาดวิ่น ล้มกลิ้งครวญคราง
อยู่กับพื้น 

เอ็ดดี้พนมมือ ร่ายคาถาสำทับ



ที่ห้อง ตรีภพวางยอดหล้าลงบนเตียง แล้วเสียหลักล้มไปนอนตะแคงข้าง ยอดหล้าพลิกร่างขึ้นเหนือตรีภพ
แล้วปลดกระดุมเสื้อตรีภพ ดวงตาหยาดเยิ้ม เสื้อเปิดแบะออก เห็นสายสิญจน์ที่คอตรีภพ เรืองแสงจ้าขึ้น
ยอดหล้าผงะ ตรีภพงุนงง ยันกายขึ้น สร้อยสายสิญจน์แผ่แสงออกรอบตัว ยอดหล้าถอยไปยืนกลางห้อง
ดวงตาโกรธขึ้ง

“ด้ายอาคมของครูบาสรีอย่างนั้นหรือ ฮึ ข้าไม่กลัวหรอก” 

ยอดหล้าเอื้อมมือไปยังสายสิญจน์ ทันใดมีเสียงนางผันนางเผื่อนร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมา ยอดหล้าชะงัก
แล้วหมุนกาย ร่างกลายเป็นเกลียวหมอกควัน พุ่งไปผ่านม่าน โคมไฟ ประตูระเบียงกระชากเปิดออก ตรีภพตื่นจาก
ความเคลิบเคลิ้ม มองดูโคมไฟที่แกว่งไกว และประตูที่อ้ากว้างอย่างงุนงง


ก่อนที่เอ็ดดี้จะกำจัดนางผัน นางเผื่อน ด้วยมีดอักขระ ทันใดเกลียวควันก็พุ่งลงมาขวางไว้ กลายร่างเป็นยอดหล้า
เอ็ดดี้ผงะถอย เห็นสง่าราศีของยอดหล้าก็หมดความมั่นใจไปครึ่งหนึ่ง ยอดหล้ามองเอ็ดดี้อย่างจงชัง แล้วมองนางผัน
นางเผื่อน สายสิญจน์จางแสงลง 

“ด้ายอาคมอีกแล้วหรือ” 

เอ็ดดี้ล้วงสายสิญจน์อีกเส้นมา อ่านมนต์ขว้างไป “ใช่ มีของเจ้าด้วย”

สายสิญจน์กลายเป็นเส้นแสง พุ่งขยายไปเข้าหายอดหล้า ยอดหล้าดวงตาเจิดจ้า ยื่นมือออก กำเส้นแสงไว้ เส้นแสง
กลายเป็นแค่เส้นด้าย ยอดหล้ามองอย่างดูแคลน แล้วมองดูเอ็ดดี้ เอ็ดดี้ตกใจ ยอดหล้าตวัดมือ ปาสายสิญจน์ไป
สายสิญจน์ลุกไหม้เป็นไฟกลางอากาศ ตกลงเป็นผุยผง

“เจ้ายังมีดีอะไรอีก”

เอ็ดดี้ตวัดมีดอาคมชี้มาตรงหน้า

“มีดอาคมของครูบาสรีอีกแล้วหรือ”

“ครูบาสรีอะไร กูเป็นศิษย์มหาจรวย”

“ลูกหลานของครูบาชั่วนั่นซีนะ ดี ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าครูของเจ้า เป็นแค่ธุลีดินใต้เท้าข้า”

เอ็ดดี้ฟันมีดอาคมใส่ยอดหล้า ยอดหล้ามองอย่างไม่สะทกสะท้าน มีดอาคมปะทะร่างยอดหล้า เกิดแสงจ้า แตกออกเป็นเส้น
ราวฟ้าผ่ากระจายไปทั่วทิศ ร่างเอ็ดดี้กระเด็นหวือไปกระแทกผนังอิฐทะลายลง มีดอาคมหักเป็น  2 ท่อน ตกกระทบพื้น
ดังเปรี้อง เอ็ดดี้ครางขยับตัว เท้าของยอดหล้าก้าวมาตรงหน้า นางผัน นางเผื่อน ยิ้มอาฆาตแค้นเข้ารายล้อม ร่างเอ็ดดี้ลอยขึ้น
กลางอากาศ แผดร้องสุดเสียง


ที่เรือนมหาจรวย มหาจรวยนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มหาจรวยผงะ ตื่นจากสมาธิ
แล้วถอนใจ

“ไอ้ทองดีเอ๊ย”


คุ้มหลวงในเวลาเช้า บรรยากาศสดใสคึกคัก รถโอบีมาประจำที่ รถตู้ขนนักข่าวไฮโซ และทีมงาน 2 ทีมมาจากสนามบิน
ที่ลานหน้าคุ้มหลวง ตั้งโต๊ะยาว ปูผ้าขาว มีเครื่องเซ่นสรวง สังเวยเทวดา พระคเนศ ปู่ฤๅษี เจ้าที่เจ้าทางไว้เต็มโต๊ะ
มีบายศรีอลังการอยู่หลายบายศรี บรรดานักแสดงทุกคนแต่งตัวเต็มที่ตามบทของแต่ละคน พิมพ์ดาวเย็นชาใส่ตรีภพ
ตรีภพงงเล็กน้อย แก้วเดินมาแหงนดูหน้าจั่วหนึ่งของคุ้ม แล้วเกิดสังหรณ์ประหลาด


ใกล้เวลาอุดมฤกษ์ พราหมณ์ก้าวมายังโต๊ะสังเวย บรรดาทุกคนมาเข้าแถวกันเรียงราย ทันใดมีรถตู้ทีมงาน
เขียนตัวหนังสือว่า คน ค้น ผี เลี้ยวขวับมาจอด นำด้วย จูน ญาณเทพ หญิงสาวในชุดเสื้อยืด กางเกงสีดำ
และเรียว สัมผัสที่ 6 ชายหนุ่มท่าทางระเหิดระหง สวมเสื้อผ้าสีดำขาว เรียวก้าวมาเคียงข้างจูน กวาดตางาม
มองดูรอบๆตัว

บรรดานักข่าวถ่ายรูป 2 นักสืบผีกัน ฐาปกรณ์เริ่มมีอาการคล้ายจะเป็นบ้า สบตาเมีย

“อี 2 คนนี่มันมาทำไม ใครไปเชิญมันมา”

บีบีแหวกคนออกมา วิ่งถลาไปต้อนรับ

“ว้าย ลูกขา มาแล้วหรือคะ”

บีบีเข้ากอดทักทาย จูบแก้มซ้ายย้ายขวาจูนและเรียว แล้วพากันก้าวมาหาฐาปกรณ์ และมาดามสุ

“คงไม่ต้องแนะนำนะคะ คุณจูนกับคุณเรียว มาช่วยค่ะ”

“ช่วยบ้าอะไร”

“อู๊ย คุณจูนกับคุณเรียว มีญาณทิพย์ ติดต่อเบื้องบนได้ ก็มาช่วยทำพิธีบวงสรวงน่ะซีคะ”

“ช่วยทำไม ก็มีเจ้าพิธีอยู่แล้ว”

พราหมณ์หน้าหงิก ยืนเชิด

“วุ๊ย คนเดียวหัวหายนะคะ”

“มันมากหมอมากความน่ะซี”

มาดามสุคิดคำนวณในใจ กระซิบบอกผัว

“ตามน้ำไปคุณ ดีซะอีก ได้รายการนี้มาโปรโมทให้ ยินดีค่ะ ยินดี เชิญเลยค่ะ”

ฐาปกรณ์พยายามระงับใจ มาดามสุ บีบี เชิญจูน และเรียว ไปตรงโต๊ะบวงสรวง พราหมณ์ทำท่าจะไม่ยอมทำพิธีต่อ
สุชาดาเพิ่มเงินให้เท่าตัว พราหมณ์ตกลง จูน เรียว เข้ายืนพนมมือขนาบพราหมณ์ ควันธูปโขมง ลอยขึ้นสูง
ผ่านหน้าจั่วเรือนยอด ราวจะขึ้นไปสรวงสวรรค์


_____________________________________________________________________________



พิธีบวงสรวงจบสิ้นลง นักแสดงได้รับการเจิม มีการถ่ายทำวุ่นวาย ทั้งจากสำนักข่าวบันเทิงต่างๆ ทีมคนค้นผี
และของกองละครที่ถ่ายทำเบื้องหลัง มาลารินยืนเกาะแขนตรีภพ พิมพ์ดาวอยู่กับแพท มองอย่างหมั่นไส้

“อยู่ด้วยกันทั้งคืนยังไม่พออีกหรือ”

“ว้าย หา! อะไรนะคะ”

ฐาปกรณ์ถอนใจที่พิธีจบสิ้นลงได้ มาดามสุวิ่งวุ่นเอาใจนักข่าว

พ่อเลี้ยงธาดาขยับมาหาราเชนทร์ 

“ไอ้เอ็ดดี้ล่ะ”

“ออกไปตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็หายไปเลยครับ”

พ่อเลี้ยงธาดานิ่งอึ้ง


ทันใดมีเมฆมหึมาเคลื่อนมาบังเต็มฟ้า บรรยากาศมืดวูบลง ทุกคนแหงนมองดูท้องฟ้า แก้วรู้สึกหวาดหวั่น

“เจ้านาง.. ได้โปรดเถอะ อย่าให้มีอะไรเลย”

มีเสียงฟ้าคำราม ระคนเสียงหัวเราะของยอดหล้า

พราหมณ์ยิ้มแห้งๆ ”นั่นไง เทวาอารักษ์ ท่านรับรู้แล้ว”

จูนและเรียวฝืนยิ้มพยายามกลบเกลื่อนกับทีมงานว่าไม่ใช่ลางร้าย

ตรีภพ พิมพ์ดาว แหงนดู เห็นร่างดำๆที่จั่วของเรือนยอด ตรีภพชี้ “นั่นอะไร” ทุกคนมองดูตาม ที่บนจั่ว เอ็ดดี้ยืนอยู่
กำลังหวาดกลัวสุดขีด เท้าขยับก้าวไปข้างหน้าอย่างบังคับไม่ได้ ร่างของเอ็ดดี้ตกจากยอดจั่ว ร่างลอยหวือลงมา
ทุกคนกรีดร้อง ร่างเอ็ดดี้ตกลงกระแทกโต๊ะบวงสรวง เลือดกระเซ็นไปรอบทิศ บายศรีล้มฟาด ร่างเอ็ดดี้แผ่อยู่
ราวเป็นเครื่องสังเวย เลือดแผ่ไปบนผ้าขาว มาดามสุเป็นลมล้มพับ ฐาปกรณ์คว้าไว้ มาลารินร้องไห้โฮ โผเข้ากอด
ตรีภพ พิมพ์ดาวกอดปลอบแพท แก้วขมขื่น มองดูท้องฟ้าเบื้องบน

“ทำไม ทำไม ต้องทำอย่างนี้”

พราหมณ์ทำตาปริบๆ แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ เลี่ยงไป ฝ่ายจูนกับเรียวเจอของจริงเข้าก็รีบเผ่น ศพเอ็ดดี้ดูน่าอเนจอนาถ
ธาดาเหลือบมองแก้วอย่างดูท่าที เห็นแก้วเหม่อลอย ธาดาขบกราม สบตาราเชนทร์



 

 

 
 

 

บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 8บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 7บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 6
 
 
 
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง
     Facebook.com/TVSociety