รีวิวนิยายภาพ Heartstopper เล่ม 1-4 (มี 5 เล่มจบ) ผลงานของ อลิซ โอสแมน ต้นฉบับซีรีส์ เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น Netflix นำแสดงโดย คิต คอนเนอร์ & โจ ล็อค กราฟิกโนเวลเรื่องนี้เป็นผลงานแนว LGBTQ+ ที่น่ารักมากครับ พอผมได้รับชมซีรีส์ซีซันแรกแล้ว ได้รู้ว่าเขาดัดแปลงมากนิยายภาพก็รีบไปตามหาทันที พอสะสมมาสักพักก็เดินทางมาถึงเล่มที่ 4 แล้ว ซึ่งเนื้อหาของซีรีส์ก็สร้างมาจนถึงเล่มที่ 3 ผมจึงเอารีวิวความประทับใจหลังจากอ่านทั้ง 4 เล่ม และมีเปรียบเทียบต่างระหว่างหนังสือ Vs ซีรีส์มาฝากเพื่อน ๆ ด้วยครับ เผื่อท่านใดอยากจะไปสอยหนังสือมาอ่านระหว่างรอดูซีรีส์ Heartstopper 3 รีวิวซีรีส์ Heartstopper 2 https://intrend.trueid.net/post/383280หนังสือ Vs ซีรีส์เหตุผลที่ซื้อกราฟิกโนเวลเซตนี้ ถ้าให้พูดตามตรงก็เพราะว่าผมถูกตกมาจากซีรีส์ Heartstopper ซีซัน 1 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อผมได้เห็นคนจริงฉบับไลฟ์แอ็กชันไปแล้ว ผมจะติดภาพลักษณ์ตัวละครแบบในซีรีส์ แต่เมื่อได้เห็นภาพในเล่มกราฟิกโนเวล ต้องบอกเลยว่าทีมผู้สร้าง (นำทีมโดยคุณอลิซ โอสแมน) สุดมากครับ ไปแคสเอาจนได้นักแสดงที่มีอิมเมจตรงเป๊ะกับในหนังสือ อันนี้ขอคารวะจริง ๆ เพราะภาพลักษณ์ใกล้เคียงกันมากถึงมากที่สุด เหมือนหลุดออกมาจากหนังสือยังไงอย่างงั้นแต่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ และชื่อของบางตัวละครบ้าง อาทิ ตัวละคร 'ไอแซค' ในฉบับซีรีส์ หรือน้องหนอนหนังสือที่มักจะปรากฏตัวพร้อมหนังสือมาแย่งซีน ในเวอร์ชันกราฟิกโนเวลตัวละครนี้จะมีชื่อว่า 'อเล็ด ลาสต์' และไม่ได้ติดหนังสืออย่างในซีรีส์ แต่คาแรกเตอร์ที่เป็นหนุ่มอินโทรเวิร์ตไทป์ INFJ ที่มักจะคอยอยู่เคียงข้างเพื่อน ๆ อย่างเงียบเชียบก็ยังคงไว้เช่นเดิม นอกจากนี้ในคาแรกเตอร์ของ 'แอลล์' เองก็มีการปรับเปลี่ยนไปเยอะมากเช่นกันครับ 'แอลล์' ในซีรีส์จะเป็นสาวมั่น แต่งตัวชิค ๆ เจ้าแม่แฟชั่นนิสต้า แต่กับ 'แอลล์' ในหนังสือจะเป็นสาวเรียบร้อย แต่งตัวหวาน ๆ เรียบง่าย ส่วนอื่น ๆ ก็มีแตกต่างกันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างในซีรีส์จะเพิ่มซีนให้คู่อื่น เช่นคู่รองทั้งสอง ‘เทา-แอลล์’ และ ‘ดาร์ซี่-ทาร่า’ เข้ามามากพอสมควร เพราะตามหนังสือแล้วซีนของคู่เหล่านี้มีน้อยมาก จะปรากฏแค่ในตอนพิเศษเท่านั้น อนึ่งในหนังสือจะเน้นที่คู่หลักคือ 'นิค-ชาร์ลี' เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ซีนไปเดทของ ‘เทา-แอลล์’ ในซีรีส์มี แต่ในนิยายไม่มี และถ้าอิงตามซีรีส์เทาจะรู้ว่า 'นิค-ชาร์ลี' คบกันตั้งแต่ก่อนไปปารีส แต่ในหนังสือเทาจะยังไม่รู้ความจริงจนกระทั่ง 'ชาร์ลี' บอกเขาในระหว่างการทัศนศึกษาที่ปารีส อีกจุดที่แตกต่างมากก็คือตัวละคร 'อีโมเกน-เบน' ในหนังสือ 'เบน' ปรากฏตัวแค่ต้นเรื่อง และในความทรงจำร้าย ๆ ของ 'ชาร์ลี' ไม่มีการตามตื๊อ หรือขึ้นมามีบทบทบาทสำคัญอย่างในซีรีส์ ส่วน 'อีโมเกน' ไม่ปรากฏในหนังสือ จากจุดนี้ผมเข้าใจทีมผู้สร้างนะครับ เพราะเมื่อสตอรีของพวกเขาเหล่านี้กลายเป็นซีรีส์ มันจะต้องปรับเปลี่ยนให้เนื้อหามีความสมจริง เบสออนจากเรียลไลฟ์มากที่สุด จึงจำเป็นต้องเรียบเรียงเรื่องราวของ 'นิค-ชาร์ลี' ออกมาในรูปแบบที่ใกล้เคียงชีวิตมนุษย์มากที่สุด ซึ่งมนุษย์เราก็มีชีวิตที่ค่อนข้างจะหลากหลายมิติ นอกจากความรักของคนสองคนแล้ว มันยังมีคนรอบข้าง เพื่อน และครอบครัวด้วย ซึ่งตัวผมมองว่ามันดีและเหมาะสมแล้วครับรีวิวหนังสือ Heartstopper 1-4มาถึงพาร์ทของการรีวิวตัวกราฟิกโนเวลกันบ้าง อย่างแรกที่จะพูดถึงคงจะเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้เลยคืองานภาพ คุณอลิซเขาจะมีลายเส้นที่เรียบง่ายคลีน ๆ แต่โดยรวมมันออกมาน่ารักมาก ๆ ครับ ซึ่งถ้าได้อ่านพาร์ทจากใจนักเขียน ผู้อ่านทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงความพยายามของเธอ เพราะสกิลการวาดของคุณอลิซพัฒนามาไกลมาก จากฉบับที่ดราฟไว้ครั้งแรก ในการเผยแพร่ครั้งแรก ๆ เธอยังเผยแพร่บนเว็บเป็นหลัก เมื่อเสียงตอบรับเป็นไปในทางที่ดีเธอจึงตัดสินใจรวมเล่ม ซึ่งถ้าหากผลการตอบรับไม่ดีมาก พวกเราคงไม่ได้อ่านฉบับรวมเล่มแน่ ๆ ครับ สำหรับภาพปกของทุกเล่มนั้น มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ภาพในเล่มเลยครับ ในแต่ละปกผู้สร้างจะเลือกใช้ภาพและคู่สีที่น่ารักมาก ซึ่งในทุก ๆ สีที่เขาเลือกมา มันจะมีความหมายแฝงในสีด้วยครับ สำหรับผมมองว่าเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ และเข้าใจหลักจิตวิทยาของสีมากพอสมควร เขาจึงจะใช้สีอธิบายความเป็นไป ในแต่ละเล่มได้เป็นอย่างดี และในซีรีส์ก็ใช้หลักจิตวิทยาสีนี้เช่นกันครับ เราจึงจะเห็นได้ว่าแต่ละซีซัน น้องจะมีสีธีมของซีซันนั้น ๆ แตกต่างกันไป สตอรีใน Heartstopper เล่ม 1-4 สำหรับผมในแต่ละเล่มมันจะมีมู้ดแอนด์โทนที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุก ๆ เล่มมีความรู้สึกหนึ่งที่ผมสัมผัสมันได้คือ 'ความอบอุ่น' ในเล่ม 1-3 ผมว่ามู้ดแอนด์โทนใกล้เคียงกันมากมีความป๊อปปี้เลิฟ อบอุ่น อ่านแล้วยิ้มตามได้ตลอด แต่ในเล่ม 4 นี่สตอรีโทนอัพขึ้นไปหนัก ดราม่า แต่ก็ไม่ได้ตึงเครียดจนเรารู้สึกอ่านต่อไม่ไหว เพราะในเล่ม 4 มันจะมีคอนเซปต์ชัดเจนมากคือเรื่องสุขภาพจิตของตัวละคร 'ชาร์ลี' มันเป็นปัญหาสะสมที่เขากล้ำกลืนฝืนทนต่อการบุลลี คำดูถูกเหยียด และถูกเบนทำร้ายจิตใจมาหลายปี จนทำให้เขามีอาการ Eating disorder หรือก็คือ พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ ซึ่งจะสัมพันธ์กับสภาวะจิตใจของผู้ป่วย เช่น คนที่มีความกังวลกับอาหารที่กิน หรือกังวลต่อน้ำหนักตัว (โรคคลั่งผอม) เป็นต้น สำหรับ 'ชาร์ลี' เขารู้สึกว่าทุกสิ่งในชีวิตเขาควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะรสนิยมทางเพศ ความเห็นที่คนอื่นวิจารณ์ หรือความกลัวบางสิ่งบางอย่างของเขา แต่สิ่งเดียวที่เขาสามารถควบคุมมันได้ดีคือ 'การกิน' นั่นจึงทำให้ 'ชาร์ลี' เสพติดการควบคุมการกินนั่นเอง ซึ่งผมชอบที่คุณอลิซ เขาให้ความสำคัญกับวิธีบำบัดในเล่มนะครับ เขาไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นปัญหา แต่จะบอกเล่าในแง่มุมของการบำบัด ความลำบากใจของผู้ป่วย รวมไปถึงวิธีการขอความช่วยเหลือ หรือกระทั่งวิธีการให้ความช่วยเหลือของคนรอบข้างด้วย จุดนี้ผมว่ามันดีเยี่ยมเลยครับ และเมื่อถูกแปลมาเป็นฉบับไทย ทางผู้แปลก็ได้ใส่แหล่งข้อมูลทางสุขภาพจิต เอาไว้ให้ผู้อ่านที่กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตที่ท้ายเล่มด้วย อาทิ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือเว็บไซต์คลังสุขภาพจิต เป็นต้น และด้วยประการทั้งปวงที่ผมกล่าวมานี้ เนื้อหาในเล่ม 4 มันจึงหนักหน่วงกว่าในทุก ๆ เล่มที่ผ่านมาครับทั้งหมดทั้งมวลของกราฟิกโนเวล Heartstopper เล่ม 1-4 ผลงานของคุณ อลิซ โอสแมน คือลายเส้นเรียบง่าย คลีน ๆ สะอาดตา แต่ว่าน่ารัก สตอรีอบอุ่น ขับเคลื่อนประเด็นสังคมระดับโลกนั่นคือความเสมอภาคทางเพศ ซึ่งประเด็นนี้เป็นหนึ่งในเป้าประสงค์แห่งความยั่งยืนที่ UN กำหนดไว้เพื่อมวลมนุษย์ทุกคนด้วย สำหรับผมเป็นหนังสือดี มีแก่นสาร และถือเป็นมูฟเมนต์เพื่อสังคมที่นุ่มนวล ไม่ก้าวร้าวในการแสดงออก ซึ่งเมื่อกลายมาเป็นซีรีส์ก็ทำได้ดี และตัวนักแสดงในเรื่องเองก็ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเด็นความเสมอภาคทางเพศมาก พวกเขาแสดงออกชัดเจนโดยการร่วมขบวน Pride Month และขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้ผ่านโซเชียลส่วนตัวด้วย ผมเรสเปคทีมนี้มากทั้งผู้สร้างและนักแสดง เพราะเขาไม่ได้แคสมาแค่รับบทเป็นตัวละครใดตัวละครหนึ่ง แต่พวกเขาแคสมารอบด้าน ทั้งจิตวิญญาณ อุดมการณ์ที่มีร่วมกัน และที่สำคัญคือพวกเขามองเห็นคุณค่า ของทุกเพศอย่างเสมอภาค ดีเยี่ยมมากจริง ๆ ครับ จริง ๆ แล้วกราฟิกโนเวลเซต Heartstopper จะมีเล่มสปินออฟไปอีกนะครับ จะเป็นนิยายที่เล่าไทม์ไลน์หลังจาก 'นิค' เรียนจบ ซึ่งความสัมพันธ์แบบป๊อปปี้เลิฟของ 'นิค-ชาร์ลี' กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นรักทางไกล 'นิค' กลายเป็นหนุ่มฮอตในมหาลัย ส่วน 'ชาร์ลี' ยังต้องเรียนที่ทรูแฮมต่อ นี่ถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของพวกเขาทั้งสองเลย รักแรกจะคงอยู่ตลอดไปหรือไม่? ไปหามาอ่านกันได้ครับ นิยายจะใช้ชื่อว่า 'Nick and Charlie' ฉบับแปลไทยตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ มาอุดหนุนคุณ อลิซ โอสแมน กันเยอะ ๆ นะครับตัวอย่างซีรีส์ Heartstopper 2 บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจhttps://intrend.trueid.net/post/382859เครดิต:ภาพปกโดย ผู้เขียน 'หนานหงเสิน'ขอบคุณ ภาพนิค-ชาร์ลี ประกอบภาพปกจาก Netflix UK & Irelandภาพประกอบทั้งหมดโดย ผู้เขียน 'หนานหงเสิน'ขอบคุณตัวอย่าง Heartstopper 2 จาก Netflix Thailandจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !