รีวิวหนังสือพรหมลิขิต สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผู้เขียนมีหนังสือดี ๆ เป็นหนังสือนวนิยายที่เป็นภาคต่อของนวนิยายชื่อดังเล่มหนึ่งที่ถูกนำมาทำเป็นละครจนนับได้ว่าช่วงที่มาทำนั้นคนทั่วประเทศไทยติดกันเรียกได้ว่าถ้าถึงเวลาออนแอร์นี่คนอยู่หน้าจอทีวีเลยก็ว่าได้ท่านผู้อ่านหลาย ๆ คนอาจจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมคะว่ามันคือเรื่องอะไรแต่ถ้าใครเดาไม่ได้ก็มาดูกันเลยค่ะว่าวันนี้ Dolly นำนวนิยายเรื่องอะไรมารีวิวให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันนะคะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มดูรายละเอียดนวนิยายเรื่องนี้กันเลยดีกว่าค่ะ หนังสือเล่นนี้มีชื่อเรื่องว่า พรหมลิขิตถูกแต่งขึ้นมาโดยรอมแพงถ้าหากว่าใครสนใจจะซื้อหนังสือเรื่องนี้สามารถซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศไทยอย่างเช่น ร้านนายอินทร์, ร้าน SE-ED จะซื้อในราคา 300 บาท แต่ถ้าใครไม่สะดวกอยากซื้อทางออนไลน์ก็สามารถซื้อได้ทาง Link นี้ https://www.se-ed.com/ ได้เลยค่ะ แถมถ้าซื้อทางออนไลน์ท่านผู้อ่านจะซื้อได้ในราคา 285 บาทเท่านั้นค่ะจะเห็นได้ว่าทั้งสะดวกและราคาถูกกว่าไปซื้อตามร้านหนังสืออีกด้วย และถ้าถามว่าคุ้มค่าแก่การซื้อไหมผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านลองดูขนาดและดูความหนาของหนังสือเล่มนี้ดูค่ะว่าคุ้มค่ากับราคา 300 บาทที่เราควรจะเสียเงินซื้อไหมหลังจากที่ท่านผู้อ่านทราบรายละเอียดของราคาและสถานที่หาซื้อหนังสือเล่มนี้กันแล้วลองมาดูรายละเอียดเนื้อหาภายในเล่มกันค่ะว่าจะน่าซื้อมาอ่านไหม หนังสือเรื่อง พรหมลิขิตเป็นหนังสือที่ทำต่อจากเรื่องบุพเพสันนิวาสที่ดังมากในประเทศไทยไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จักแถมติดละครเรื่องนี้กันแทบจะหมดประเทศกันเลยทีเดียวและเพราะกระแสของเรื่องบุพเพสันนิวาสส่งผลให้เกิดหนังสือเรื่องพรหมลิขิตขึ้นมาค่ะ เนื้อหาคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องพรหมลิขิต(ผู้เขียนขอไม่สปอยเยอะนะคะกลัวผู้อ่านจะไม่สนุกถ้าไปอ่านในหนังสือค่ะ) พุดตาน(นางเอกของเรื่องนี้)เสียพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กด้วยที่ทั้งสองคนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่แต่พุดตานกลับรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทำให้เธอต้องมาอาศัยอยู่บ้านกับป้าวิภาวีซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของเธอแทนสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่จากการจากไปของพ่อและแม่คือสร้อยล็อคเก็ตต่างหน้าที่มีรูปพ่อและแม่อยู่ในนั้นที่ติดตัวเธอมาตลอดจนมาวันหนึ่งหลังจากที่เธอได้อยู่ในช่วงฝึกงานแล้วโดยมอบหมายให้ไปจัดสวนแห่งหนึ่งในระหว่างที่เธอคุมคนงานอยู่นั้นคนงานที่ทำงานกับพุดตานก็ได้ขุดเจอหีบใบหนึ่งเธอกับคนงานจึงช่วยกันเปิดดูว่าภายในหีบมีอะไรบ้างและสิ่งที่เธอพบภายในนั้นก็คือม้วนกระดาษแต่พอพุดตานเปิดม้วนกระดาษขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือแสงจ้าแสบตาที่ทำให้มองอะไรไม่เห็นแต่เมื่อแสงหายไปสิ่งที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพุดตานเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไรผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านลองติดตามภายในเรื่องค่ะ มุมมองการดำเนินเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ใช้การดำเนินเรื่องได้น่าสนใจมากโดยการที่ผู้แต่งจะใช้ภาษาผสมผสานระหว่างสมัยเก่าและสมัยใหม่เพื่อคงความเป็นไทยสมัยก่อนให้คนรุ่นใหม่รู้จักและมีการใช้คำสมัยใหม่เพื่อให้เนื้อเรื่องไม่ดูล้าสมัยเกินไปและเมื่อผู้อ่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็สามารถจิตนาการภาพตามเนื้อเรื่องได้ง่ายและเข้าใจตามเนื้อเรื่องได้อย่างไม่ติดขัดนอกจากเรื่องการใช้ภาษาในการเขียนแล้วยังมีเรื่องการใช้ปมปัญหาในการที่พุดตานถูกย้ายไปอยู่ในยุคไหนไม่รู้โดยที่เธอเองก็ไม่ทราบจนเธอต้องสืบเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความรู้สึกของผู้เขียนหลังจากได้อ่านหนังสือเรื่องพรหมลิขิตผู้เขียนรู้สึกว่าถึงแม้พรหมลิขิตจะเป็นภาคต่อไม่ใช่เล่มแรกแต่ความสนุกภายในเล่มไม่ได้น้อยไปกว่าเล่มแรก(บุพเพสันนิวาส)เลยค่ะยิ่งอ่านไปยิ่งทำให้รู้สึกอยากอ่านต่อให้จบเพราะมีปมประเด็นปัญหาที่เราอยากตามอยากรู้ว่าตัวละครจะทำยังไงต่อนอกจากนี้เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนได้เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมัยก่อนเพิ่มด้วยค่ะ จากข้อมูลที่ผู้เขียนได้รีวิวมาข้างต้นหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อ่านได้ใช้ในการตัดสินใจหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านกันนะคะสำหรับวันนี้ผู้เขียนต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะปล.รูปปกบทความ, รูปประกอบที่1, รูปประกอบที่2, รูปประกอบที่3 ถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ