"นุ่น ดารัณ" เลิกแฟน ขอเลือกลูก สุดกลั้นน้ำตาบทเรียนบ้านเกือบพัง ลูกชายหนีออกจากบ้าน

"นุ่น ดารัณ" วันนี้ขอควงลูกชายสุดหล่อ “ไม้ นรภัท” และลูกสาว “มุก นปภัช” มาเปิดใจครั้งแรกกับบทเรียนคนเป็นแม่ที่ทำให้ครอบครัวเกือบพังเพราะความไม่เข้าใจกัน จนลูกชายหนีออกจากบ้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
"นุ่น ดารัณ" เลิกแฟน ขอเลือกลูก สุดกลั้นน้ำตาบทเรียนบ้านเกือบพัง ลูกชายหนีออกจากบ้าน
>>ดูทีวีออนไลน์ ช่องวัน31<<
พี่นุ่นประกาศว่ายุติการทำงานกับผู้จัดการส่วนตัวแล้ว ให้ติดต่อผ่านตัวเองโดยตรง ผู้จัดการคนเก่าคือแฟนพี่นุ่นเอง?
นุ่น : โดยปกติแล้วเรามีอะไรในชีวิตต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงยังไง เราไม่ได้ตะโกนบอกใครหรอกค่ะ เราก็ถือว่าเราเป็นมนุษย์คนนึงที่ต้องดำเนินชีวิตไปและข้ามผ่านปัญหา แต่ว่าในการโพสต์ก็คืออยากให้งานหรือใครจะติดต่ออะไรเข้ามา จะได้เป็นที่เข้าใจร่วมกันแค่นั้นเอง
เปลี่ยนผู้จัดการและเปลี่ยนสถานะ?
นุ่น : ใช่ค่ะ ที่ผ่านมาเรามีคนช่วยงานเราเป็นหลักคือเขา พอเป็นเรื่องงาน ไม่ว่าเราหรือลูก ลูกเราไม่ได้อยู่แค่วัยเรียน เรียนไปทำงานไปด้วย มันก็เลยมีการจัดระบบการทำงาน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และเป็นหลักในชีวิตว่าทำอะไรบ้าง มันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลง เลยต้องเคลียร์เรื่องนี้กันสักนิดนึงในหน้าที่การงาน
สถานะเปลี่ยนไปนานหรือยัง?
นุ่น : น่าจะปีที่แล้ว เดือนก.ค. ที่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์
สาเหตุมาจากพี่นุ่นเลือกลูก ๆ?
นุ่น : ค่ะ อันนี้เป็นสาเหตุกับทุก ๆ สถานการณ์ที่เกิดปัญหาขึ้น เพราะในหัวใจเราก็มีแต่ลูก 2 คน เรามีเขามา ไม่ว่าจะครอบครัวผ่านการไม่ลงเอยกัน หรือมีปัญหาอะไรกัน ทั้งหมดคือเราเลือกลูก แต่วันนี้สิ่งที่เราเรียนรู้คือการเลือกลูกของเราจะไม่ใช่ความรู้สึกของเราเพียงเท่านั้น ที่ผ่านมามันคือความรู้สึกของเราเพียงเท่านั้น คิดว่าทุกสิ่งมันดี เรื่องแบบนี้มันใช่ ปฏิบัติแบบนี้มันโอเคอันนี้คือเสียงของตัวเองทั้งสิ้น เรายึดมั่นในความที่เราหวังดีและรักลูก
อายุเท่าไหร่แล้ว?
ไม้ : อายุ 22 เข้า 23 สูง 181 ครับ
มุก : อายุ 21 ค่ะ
ระหว่างอยู่ในบ้าน บรรยากาศการอยู่ร่วมกันก่อนคุณแม่เลิกกับแฟน เราเป็นยังไง?
มุก : เอาตรง ๆ มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันอึดอัดค่ะ เวลาเรากลับบ้านมาจากโรงเรียน มันก็รู้สึกว่าเราไม่ค่อยอยากเข้าไปคุยกับเขา เพราะแม่ก็อยู่กับเขาตลอด ช่วงนั้นไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ จะมีเรื่องที่อยากให้ทำอะไรในบ้านมากกว่า เรารับทราบตรงนั้นมากกวา แต่ปฏิสัมพันธ์แม่ลูกมันไม่ค่อยมี
มันดูห่างกันไปเหรอ?
มุก : ใช่ค่ะ
ไม่รู้สึกเหมือนกันมั้ย?
ไม้ : ตอนนั้นผมอยู่บ้านมากกว่า ผมเรียนออนไลน์ อยู่มหาวิทยาลัย ไม่ได้มีคาบเยอะเท่าน้อง
ตอนนั้นที่เจอที่ร้านอาหารเป็นหรือยัง?
นุ่น : เหมือนเป็นช่วงชีวิตขึ้นๆ ลง ๆ ปรับตัวกันไป ใช้ชีวิตกันไป มีคนใหม่เข้ามา ก็ปรับตัวกันไป เป็นช่วงปรับตัวมากกว่าค่ะ
ตกใจมากว่ามีช่วงขึ้นๆ ลง ๆ กับบรรยากาศในบ้านด้วย ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตยังไง ก่อนมีเขากับหลังมีเขา?
นุ่น : ลูกคนละวัยด้วยนะคะ ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ตอนนั้นก็น่าจะคนละวัย บรรยากาศในบ้านกับลูกวัยนึง ก็คิดว่าไม่เหมือนกัน เรายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังเปลี่ยนวัย เราจะเลี้ยงเขาแบบเด็กไม่ได้ เขาต้องมีสเปซของเขา เราต้องทำคามเข้าใจใหม่มากๆ แม่ไม่ได้มีตำราพกมา รู้แค่ว่าพอมีลูกก็เรียนรู้ไปแต่ละวัย ก็เป็นการลองผิดลองถูกไปหมด ลูกก็เช่นกัน เขาก็เติบโตไม่มีตำราเหมือนกัน ต่างคนต่างเรียนค่ะ
แม่สายชิลหรือสายโหด สายเป๊ะ?
มุก : อยู่กลาง ๆ มากกว่า แอ็กทีฟตลอดเวลา พาพวกเราไปด้วย พวกเราอาจไม่ได้แอ็กทีฟเท่าเขา เราก็ไม่ไหว แต่ช่วงนั้นเราไม่ได้บอกว่าไม่ไหว แต่ทำแล้วมันรู้สึกอึดอัด
แม่เลี้ยงแล้วแต่ลูก?
นุ่น : ไม่ได้ชิลเบอร์นั้น แม่มีระเบียบพื้นฐานในบ้าน อยากฝึกเขามาตั้งแต่เล็กแล้ว ก็ทำเท่าที่ได้ แม่ไม่ได้ไม่พึงพอใจอะไร เพียงแต่ว่าถ้ามีเวลาก็ฝึกทำไปอีก เพราะอีกเดี๋ยวลูกก็ติดปีกบินแล้ว อยากให้สมบูรณ์ที่สุดในความสามารถที่เราเป็นแม่และเลี้ยงเขาได้ วันหนึ่งมีอะไรบอกว่าอันนี้มันดี เอาแบบนี้สิ มันก็น่าสนใจสำหรับแม่
ชุดข้อมูลใหม่ของคุณแม่ที่ทำให้คุณแม่เปลี่ยนวิธีเลี้ยงลูก คุณแม่เปลี่ยนไปยังไง?
มุก : น่าจะเห็นถึงความวิตกกังวล ความเครียด ความนอยด์เครียดทุกเรื่อง เล็ก ๆ น้อย ๆ บางทีเขามาบ่นกับเรา ว่าเป็นยังไง แต่ไม่เยอะเท่าตอนเขาเลิกกันแล้ว ช่วงคบกันเขาก็อาจไม่ไหวแล้วมาคุยกับเราบ้างว่าเขาเป็นแบบนี้นะ แม่ไม่รู้จะทำยังไง ก็มีมาพูดบ้าง แต่เราไม่ใช่คนตัดสินใจแทนเขา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเขาตัดสินใจที่จะให้เขาอยู่หรือไป ก็แล้วแต่เขาเลย
ตอนมีอิทธิพลจัดๆ คือมีการฟิกซ์กฎระเบียบในบ้านเยอะจัดๆ จนไม้งงเลย?
ไม้ : ใช่ ๆ อย่างเช่นเรื่องเวลาต้องทำอะไร ห้ามเกินเวลา ตื่นเช้าต้องปิดแอร์ 9 โมง อันนี้ผมไม่ค่อยมีปัญหา ผมตั้งเวลาได้ แต่มุกต้องตื่นมาปิดแอร์ แล้วก็ทำสวนให้เสร็จก่อน 9 โมง แค่รดน้ำธรรมดานี่แหละไม่มีอะไร ต้องเริ่มก่อน 9 โมงเท่านั้น ถ้าหลัง 9 โมงจะโดนว่าเลย
อยากให้เป็นระเบียบวินัย ก่อนหน้านี้แม่ไม่เป็นแบบนี้?
ไม้ : ใช่ ก็เป็นระเบียบขั้นพื้นฐานแหละ แต่เราก็ห๊ะ เพิ่มรายละเอียดเยอะมาก (หัวเราะ) หลังรดน้ำต้นไม้ ก็ต้องกินข้าว ห้ามกลับขึ้นไปนอนต่อ ใช้ชีวิตทั้งวันแล้วค่อยนอนตอนกลางคืน มันก็เรื่องพื้นฐาน แต่มันเวอร์ไปนิดในบางอย่าง ผมตื่นลงมารดน้ำต้นไม้ 09.11 น. ก็โดนว่าแล้ว
ไม้กดดันมั้ยที่โดนฟิกซ์แบบนี้?
ไม้ : อาจเหนื่อยด้วย และงงว่าทำไมอยู่ดี ๆ มีกฎโน่นนี่ขึ้นมา ทั้งที่ผมก็ทำอยู่ทุกวัน แต่อาจเลทไปชม.นึง เขาก็เพิ่มๆ มา
มุกโดนอะไร?
มุก : หนูเป็นหน้าที่กวาดใบไม้
ไม้ : ตอนหลังผมบอกว่าผมทำเอง เพราะยังไงผมก็ต้องตื่นมารดน้ำอยู่แล้ว
ความคิดพี่ มันก็ดีที่เป็นการฝึกวินัยลูก?
นุ่น : ใช่ สำหรับเราเลี้ยงเดี่ยวมาเกือบจะทั้งชีวิตลูก ทุกอย่างเราต้องเป็นคนตัดินใจ ไม่ว่าจะมีผู้ช่วยหรือไม่มีผู้ช่วย ก็ต้องเป็นเราที่ตัดสินใจ เวลาเหนื่อยก็รู้สึกเป๋ ช่วงวัยรุ่นทุกบ้านจะหนักไปแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันเป็นการปรับตัวขั้นสูงสำหรับการเปลี่ยนผ่านชีวิตวัยนี้ ดังนั้นพอเราเหนื่อยแล้วเราเซ เราก็คิดว่าเราลองฟังคนอื่นดูบ้าง ที่ผ่านมาก็มีเสียงบอกเราว่าที่ผ่านมามันไม่ถูกต้องไง มันผิดไงถึงเป็นแบบนี้ มันพลาดไงถึงเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไร เอาใหม่ ตรงนี้แหละเหมือนเป่ามนต์ใส่เราว่าทั้งหมดด้วยความหวังดีของคนๆ นึงหรือคนแวดล้อมที่มองเห็นก็แล้วแต่ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่ามันคงดีแหละ มันทำแบบนี้แหละ สิ่งที่พลาดคือเราไม่เคยฟังเสียงลูก แต่ก็ไม่ผิดเพราะสถานการณ์คือเราเลี้ยงเดี่ยว วันนึงเรามีใครเข้ามาดูแลเรา ดูแลหัวใจเรา หรืออะไรก็แล้วแต่ มันทำให้ลูกให้สเปซเรา เขาให้โดยอัตโนมัติ ตรงนี้แหละเราไม่ได้นึกถึง เรามองไม่เห็นว่ามันห่างกันไปเรื่อยๆ เราไม่ได้แวะมอง เหมือนกติกาที่เขียนบนกระดานดำ ลงบันไดมาปั๊บเห็นเลยว่า 1 2 3 ต้องทำอะไรบ้าง เคยมีคนพูดว่าเขียนไปเคยถามความคิดเห็นของลูกมั้ย ระเบียบวินัยสร้างได้ แต่ขอความคิดเห็นลูกเพราะโตแล้ว เราไม่เคยคิดถึงตรงนี้ รู้แค่ว่าแบบนี้มันดี ลองดู ทำไมเพิ่มกติกามาทุกวัน เพราะเขาทำแบบนี้ได้แล้ว ก็อัพเลเวล คิดเองหมดเลย
มีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่นุ่นเสียใจ?
นุ่น : น้องมุกเป็นหนึ่งในคนที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เขาเองก็เด็ก เรากำหนดค่าใช้จ่ายเขา เพื่อฝึกเขา แต่เขาก็อยากใช้โน่นใช้นี่ แล้วเขาอยุ่ในยุคที่อะไรๆ ก็แพง เขาก็ใช้ไม่พอ เราก็สอนว่าถ้าไม่พอต้องเก็บ ที่สำคัญมีปัญหาอะไรบ้านไม่ใช่เซฟโซน 100 เปอร์เซ็นต์ ดันมีอุปสรรคตรงนั้นอยู่ซึ่งเราไม่เคยรู้ เขาก็เลยเลือกคิดเอง เข้าไปในแพลตฟอร์มสร้างรายได้ ลงทุน เหมือนบิทคอยน์ แล้วโดนหลอก
มุก : ช่วงนั้นหนูไม่มีความรู้ด้านมิจฉาชีพ เราไม่ได้ดูโซเชียลขนาดนั้น ทำให้โดนหลอกไป คุณแม่เป็นคนเก็บเงินของเราเอาไว้ส่วนนึง เงินงานของเรา แล้วแบ่งให้เราใช้ต่อเดือน บางทีค่าใช้จ่ายที่เขาแบ่งมาให้มันไม่พอสำหรับในเมืองที่เราต้องไปมหาวิทยาลัย หรือไปโรงเรียนที่ต้องใช้เงินในการอยู่ในเมือง ทำให้หนูไปหาเงินเอง
อีกเรื่องน้อยใจเรื่องเวลากลับบ้าน?
มุก : เวลาไปกับเพื่อน จะมีกลับเลทบ้าง เราอยู่กับเพื่อนเราสนุก ติดลมบ้าง ช่วงที่เขาอยู่กับแฟนเก่าเขาก็ทำให้เหมือนโดนปั่นว่าไม่ดี ไม่ได้นะ กลับบ้านเลทแค่นาทีเดียว หรือกลับบ้านเลทไม่กี่นาทีก็โดนดุแล้วค่ะ
นุ่น : เราก็เพิ่งได้ยินหลังๆ ที่มาเคลียร์กัน ตอนนั้นเราคิดว่ามันก็คือการฝึกอย่างนึงเหมือนกัน รับปากแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่รับปาก ทุกอย่างมันสตริ๊กไปหมดเลย เรามาย้อนคิดถ้าเป็นเรา เราก็อึดอัด แต่ ณ เวลานั้นถามว่าทำไมเราไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนั่นแหละค่ะ เราเคยโทษตัวเอง
พอผิดกฎกติกาในบ้าน มีทำโทษมั้ย?
นุ่น : ไม่ค่อยได้ทำโทษเท่าไหร่
ไม้ : เรียกไปคุย ไปว่า
นุ่น : อันนี้ก็แรงสำหรับจิตใจมากแล้ว การตำหนิไปหมดเลย วางอันนี้ไม่เข้าที่ อันนั้นผิด ถ่ายรูปๆ ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา
เหมือนจับผิดด้วย?
นุ่น : ใช่ กลายเป็นว่าเข้าบ้านแล้ว บ้านไม่ใช่ที่ที่สบายแล้ว ที่ทิ้งตัวได้ พอก้าวเข้ามา ฉันจะโดนอะไรหรือเปล่า (หัวเราะ)
ลูกๆ อึดอัด มีความพยายามสื่อสารมั้ย ปรับให้เข้ากับเขามั้ย?
ไม้ : พยายามต่อรอง แต่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่
มุก : เราสองคนพยายามคุยกับเขา ส่วนใหญ่เป็นพี่ไม้มากกว่าพยายามคุยให้ หลังจากพี่ไม้ออกไป หนูก็คุยกับเขามากขึ้น แต่เหมือนสาส์นที่เราจะส่งไปมันไปไม่ถึง เพราะมีคนที่กั้นอยู่ (หัวเราะ)
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว มีวันนึงที่น้องไม้ตัดสินใจออกจากบ้าน?
ไม้ : เรื่องเดิมนี่แหละครับ ผมลงมา 09.17 น. แม่ทักว่าทำไมทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น
นุ่น : เราไม่ได้กลั่นกรอง แค่คิดว่าหลักๆ คืออยากให้เขาพุซอัพเขาขึ้นมา ไม่ได้คิดว่าจะไล่ลูกไปอยู่ที่อื่นหรอก แค่เหมือนกับมาถึงที่สุดแล้ว ถ้าลูกยังทำไม่ได้อีก มันเริ่มมีผลกระทบแล้วกับการถ่ายละคร ท่องบท ถ้าลูกทำแบบนี้ไม่ได้ ลูกจะเติบโตไม่ได้ จนสุดท้ายบอกว่าถ้าลูกยังทำไม่ได้ แม่คิดว่าจะเปิดสนามให้เรียนรู้ในบ้าน แต่ถ้ายังเรียนรู้ไม่ได้ ก็คงต้องไปเรียนรู้ข้างนอก แต่ความรู้สึกลูกคือเข้าใจแบบนี้
ไม้ : ผมก็โทรหาพ่อเลย ขอไปอยู่ด้วยได้มั้ย พ่อตกใจ พ่อบอกว่าได้ มาเลย ๆ เขาพร้อม
บอกแม่ว่าไปแล้วนะยังไง?
ไม้ : เก็บของก่อน พอออกไปส่งไลน์ไปบอกเขา
นุ่น : พาน้องไปทำงาน แล้วไม้อยู่บ้านคนเดียว ก่อนหน้านั้นพูดกันหนักๆ เหมือนเขาเอ๋อ ๆ เขาคงเครียดมาก เราก็คิดว่าทำไมลูกมองหน้าแล้วตาลอยๆ แม่ก็บลาๆ อยู่ดีๆ พอพูดจบก็ไปกอดเขา บอกว่าสู้ๆ นะลูก แม่เป็นกำลังใจให้ ให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง เขากอดเราแน่นมาก จนเราคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าไม่มีอะไร
อยากกอดลาเหรอ?
ไม้ : คงประมาณนั้นครับ (หัวเราะ)
พออ่านไลน์ที่ลูกส่งมาแล้วเป็นยังไง?
นุ่น : มันขึ้นมาในไลน์กรุ๊ปพร้อมๆ กัน กรุ๊ปครอบครัว เขาก็เขียนมาบอกว่าผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกก่อน ผมขออนุญาตไปลองอยู่กับพ่อ ผมจะพยายามเรียนหนังสือให้จบ ถ้าผมทำงานได้ผมจะส่งเงินมา (ร้องไห้) มันมากกว่าคำว่าอกหักค่ะ (ร้องไห้) เสียใจมากเลย เราไม่ได้หวงลูกไว้ทั้งชีวิตเลย เราพยายามทำให้เขาเติบโตเพื่อรอวันที่เขาจะโผบิน แต่มันไม่สวยไปหน่อย แค่นั้นเอง (ร้องไห้) การไปอยู่กับพ่อ เราเกินเวลาที่จะหวงแล้ว เรายินดีเสียอีกที่เขาได้ไปอยู่กับพ่อที่เป็นผู้ชาย ได้สอนอะไรที่จะถ่ายทอดให้เขา และเขาคือพ่อ อันนี้คือยินดีมาก แต่จังหวะมันไม่สวยไปหน่อย
ไม้รู้สึกยังไง?
ไม้ : ผมก็เสียใจที่ต้องออกมา ตอนนี้ก็ยังอยู่กับคุณพ่อเกือบ ๆ ปีแล้ว แต่ก็กลับมาเจอกันตลอด
มุกรู้สึกยังไง?
มุก : ตกใจ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงพักเบรกถ่ายรายการพอดี ก็เห็นว่าเกิดเรื่อง จริงๆ หนูรู้สึกว่ามันดีแล้ว เพราะบางทีเราอยู่ด้วยกันเยอะ ทำให้เราไม่เห็นค่าของกันมากขนาดนั้น ก็คิดว่าพี่ไม้อาจเหมาะกับการอยู่กับพ่อมากกว่า ด้วยไลฟ์สไตล์ด้วย เขาเป็นผู้ชายด้วย ไม่ได้แปลกใจแต่ตกใจมากกว่า เรารู้ว่าวันนึงจะเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นเร็วเหมือนกันนะ
บางทีอยู่ใกล้กันมาก ๆ มันก็มองข้ามใจกัน พอห่างๆ กันบ้าง ดีมั้ย?
ไม้ : ก็ดีขึ้นนะครับ แรกๆ แม่มีอะไรให้ช่วย ผมก็วิ่งไปช่วยโน่นนี่
นุ่น : เขาไม่ปฏิเสธเลย ต่างคนต่างทำให้เวลาพอเหมาะพอสมด้วยแหละค่ะ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama