สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดถึงหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า Midsommar ผมต้องขอบอกก่อนนะครับว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่แปลกที่สุดที่ผมเคยดูมาเลยครับ กำกับโดยอารีแอสเตอร์ผู้กำกับเกี่ยวกับหนังสยองขวัญชื่อ Hereditary หนังที่เขาว่าน่ากลัวที่สุดของปี 2018 ซึ่งตอนที่หนังออกมาเนี่ยเสียงวิจารณ์นะแต่เป็น 2 ฝั่งครับ คือถ้าไม่ชอบเลยก็เกลียดเลยครับ หนังเรื่องนี้ Midsommar เทศกาลสยอง ถ้าใครได้ตามข่าววงการภาพยนตร์ซะหน่อยนะครับก็จะรู้ว่าเรื่องนี้เปิดตัวออกมาได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ ครับ มีคนให้ความสนใจค่อนข้างเยอะทั้งในไทยและต่างประเทศ ผู้กำกับเนี่ยเขาเคลมบอกมาเลยนะครับว่าเป็นหนังสยองขวัญที่เกิดขึ้นกลางวันแสก ๆ แค่ฟังก็สงสัยนะครับ หนังสยองขวัญอะไรมันไม่มีความมืด คำถามในหัวมันเกิดขึ้นเต็มไปหมดครับ มันจะน่ากลัวจริง ๆ หรอ แต่พอดูตัวอย่างนะครับก็เอาวะดูน่ากลัวดีเลยครับ เสียงประกอบดีครับ ฉากสวย แต่แฝงไปด้วยความสยอง ดูเริ่มเข้าท่าครับ เรียกว่าผมเนี่ยตั้งตารอให้มันเข้าโรงเลย ว่าจะดีจริงอย่างที่เขาตื่นเต้นกันหรือเปล่า ผมนะครับจะขออนุญาตเล่าเรื่องย่อของหนังก่อนแล้วกันนะครับ เรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาที่น่าจะอยู่ในช่วงการเรียนปริญญาโทครับ ทั้งหมด 5 คนชาย 4 หญิง 1 ซึ่งมีสองคนเป็นแฟนกัน ซึ่งคู่นี้หลัง ๆ เหมือนจะมีระหองระแหงครับ แต่ฝ่ายชายเนี่ยต้องการจะเลิกแต่ไม่กล้าบอกสักที จนมาวันนึงครับทั้งกลุ่มเนี่ยวางแผนจะไปที่บ้านเกิดของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มครับ ที่บ้านเกิดของเขาอยู่ในสวีเดน เพื่อนคนนี้บอกว่าที่หมู่บ้านของเขาเนี่ยกำลังจะมีเทศกาลเฉลิมฉลองพื้นบ้านกันอยู่ และคิดว่าทุกคนน่าจะสนใจ ทั้งหมดจึงไปด้วยกันทั้ง 5 คนครับ นั่นแหละครับเรื่องราวต่าง ๆ ก็ประมาณนี้ สปอยล์อะไรไม่ได้เลยเพราะนั่นจะทำให้ขาดความน่าสนใจทันที แต่เอาจริง ๆ นะครับตัวบทก็ไม่ได้เดายากอะไรมากมาย ยิ่งถ้าเกิดว่าใครดูหนังแนวนี้บ่อย ๆ ก็น่าจะเดาได้หมดทุกอย่างครับ โดยผมจะขอเริ่มพูดที่ข้อดีของหนังเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน ต้องบอกว่า Midsommar นะครับเป็นหนังที่ภาพสวยมาก สวยมากจริง ๆ ครับ ทั้งภูมิประเทศ บรรยากาศ แสงสี ฉากต่าง ๆ ถูกเซ็ทมาอย่างวิจิตรบรรจง เรียกได้ว่าเหมือนหลุดเข้าไปในโลกเลยครับ โลกที่มีอยู่ในดินแดนเทพนิยาย แต่ในขณะเดียวกันทุกอย่างก็ดูงดงามเกินจริง แฝงไปด้วยบรรยากาศความอันตราย เรียกว่างานด้านภาพเนี่ยเป็นอย่างที่ผู้กำกับเขาตั้งใจไว้จริง ๆ ว่าความสยองขวัญด้วยความสว่าง ถือว่าผ่านครับ อีกเรื่องที่ต้องชมก็คือเรื่องบรรยากาศครับ ทำออกมาได้ดีมากโดยเฉพาะบรรยากาศของตัวละครต่าง ๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันครับ การแสดงอาจจะไม่ได้ดีเลิศเลอแต่บรรยากาศน่าจะพาเราไปครับ ทั้งชวนสงสัยชวนอึดอัดและน่ากลัวไปในคราวเดียวกัน จริง ๆ อยากจะพูดเรื่องนี้มากกว่านี้แต่กลัวจะเป็นการสปอยล์เลยขออุบไว้ก่อนแล้วกันนะครับ แล้วก็เรื่อง Sound effect หรือว่าเรื่องเสียงประกอบนั่นเอง เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ เสียงในเรื่องนี้ต้องบอกว่าขั้นเทพครับ ใช้เสียงส่งอารมณ์ได้ดีมาก ทั้งเสียงของคน เสียงดนตรีประกอบ จังหวะในการใช้ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย ฉากสยองขวัญเนี่ยเห็นทีจะไม่พูดไม่ได้ครับ สำหรับหนังเรท 20 + แบบนี้ ครั้งแรกที่เห็นนั้นผมบอกเลยว่าตะลึงครับ เอาอย่างนี้เลยหรอ มันดิบเกินไปไหม แต่มันไม่ได้ดิบแบบบ้าน ๆ นะครับ มันทั้งดิบและบรรจงแบบบอกไม่ถูกเหมือนกันเพราะไม่เคยเจอแบบนี้จากหนังเรื่องไหนมาก่อน แต่ผมบอกเลยว่าดีมากครับ แต่เสียดายที่ฉากเหล่านี้เนี่ยมีมาไม่บ่อยครับ ตัวเรื่องเน้นไปที่บรรยากาศเสียมากกว่า มาถึงส่วนสำคัญที่ผมอยากจะพูดมากที่สุดและเป็นจุดที่ผมอยากให้ทุกคนรู้ ผมจะไม่เรียกว่าข้อเสียนะครับ แต่ผมจะบอกว่ามันคือข้อจำกัดแล้วกัน หนังสยองขวัญที่มีองค์ประกอบดีทุกอย่าง ทั้งภาพ บรรยากาศและเสียงแต่กลับมีหนึ่งจุดที่ขัดใจก็คือ ผมดูไม่รู้เรื่องครับ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องนะครับ ตัวบทไม่ได้มีอะไรยาก เพียงแต่ Midsommar เนี่ยมันเต็มไปด้วยฉากที่ดูแล้วแบบ อะไรวะ มันต้องการอะไรจากเรา การกระทำแปลก ๆ ของตัวละครในเรื่อง ดูไปก็คิดไป ทำอย่างนี้แล้วมันแปลว่าอะไรอ่ะ แล้วยังไงต่อ ภาพปริศนาต่าง ๆ มีมากมายเต็มไปหมดครับ ตัวละครบางตัวที่ไม่เข้าใจว่ามันมีอยู่ทำไม ฉากนี้ต้องการให้เราดูแล้วคิดแบบไหน ดูแล้วต้องรู้สึกอะไร ผมเข้าไม่ถึงนะ ฉากที่ผู้กำกับเขาทำมาเพื่ออะไรสักอย่าง ให้น่ากลัว ให้สยองหรือให้สิ้นหวัง ผมบอกตรง ๆ นะ ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ตัวหนังเต็มไปด้วยสัญญะต่าง ๆ เยอะมาก ซึ่งผมก็ได้ทำการบ้านมาก่อนพอสมควรครับ เห็นว่าเรื่องนี้เนี่ยมีฉากเทียบกับบทในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่คนที่ไม่เคยศึกษาพระคัมภีร์มา จะรู้เรื่องไหมเนี่ย ผมไม่คิดว่ามันจะลึกถึงขนาดนั้น ถ้าคุณเป็นแบบผม ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้ดูยากพอสมควรครับ จริงอยู่ครับที่ Midsommar เนี่ยอาจจะมีแนวเสียดสีสังคมเล็กน้อย พูดถึงความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ผมคิดว่านั่นคือส่วนรองของหนังเสียมากกว่า สิ่งที่ผู้กำกับเขาต้องการจะสื่อนั้น มันค่อนข้างยากเกินไปครับ ซึ่งนี่แหละครับที่ทำให้หนังสยองขวัญเรื่องนี้ ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอย่างที่เขาน่าจะตั้งใจผมรู้สึก และเมื่อผมดูไม่เข้าใจ แล้วผมจะไปอิน จะไปกลัวได้ยังไงล่ะครับ สรุปเลยนะครับ Midsommar เนี่ยเป็นหนังที่ไม่เหมาะสมกับทุกคนครับ ขอย้ำอีกทีเลยนะครับ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ศึกษาเรื่องศาสนาคริสต์มาพอสมควรหรือเป็นคนที่ศึกษาเกี่ยวกับสัญญะในหนัง ผมคิดว่าจะไม่สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ นี่ถ้าเกิดว่าใครหวังว่าเรื่องนี้มันจะดูง่าย มีจั้มสแก มีฉากโหด ๆ เลือดสาดแบบเพลิน ๆ แนว Conjuring หรือ Scary Stories to tell In The Dark ผมขอให้ข้ามเลยนะครับ หรือใครที่เป็นแฟนของหนังแนวดูยากขึ้นมาหน่อยอย่าง Us หรือ Guest house และคิดว่าจะดูเรื่องนี้ได้สบาย ๆ คุณคิดผิดครับ Midsommar เนี่ยต้องการอะไรมากกว่านั้น หนังเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นหนักเฉพาะกลุ่มจริง ๆ ไม่แนะนำอย่างแรงครับ โดยตัวหนังที่ยาวมากกว่าสองชั่วโมงครึ่ง ถ้าคุณไม่ชอบนี่บอกเลยว่าทรมานแน่นอน แล้วตัวเรื่องเนี่ยก็ดำเนินได้ช้ามาก ๆ เลยครับ แต่ถ้าเกิดว่าคุณชอบบรรยากาศสวย ๆ แฟนหนังสยองขวัญอยากเห็นอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ชอบความกดดันของบรรยากาศ เรื่องนี้อาจจะเหมาะกับคุณครับ ใครที่ชอบหนังที่ต้องตีความเยอะ ๆ สัญญะต่าง ๆ ที่ซ่อนไว้ ผมเชื่อเหลือเกินครับว่าคุณจะหลงรักหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผมขอให้ Midsommar นี่ไม่มีคะแนนครับ อย่างที่บอกว่าความบันเทิงของหนังเนี่ยอยู่บนพื้นฐานของตัวบุคคล หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังที่สุดยอดมาก ๆ ของคนบางคนครับ แล้วก็เป็นแบบนี้โคตรห่วยสำหรับใครหลาย ๆ คนเช่นกัน ย้ำอีกทีเลยนะครับ Midsommar ไม่เหมาะกับคอหนังที่อยากดูหนังง่าย ๆ สบาย ๆ เป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น ขอบอกเลยครับว่าต้องลอง ถ้าให้เลือกย้อนเวลาได้ ผมก็จะไปดูอยู่ดีครับ หนังแนวนี้มันไม่ได้มีให้ดูกันบ่อย ๆ ถ้าคุณบอกว่าคุณคือคอหนังจริง ๆ บางครั้งก็ต้องลองดูหนังแบบนี้ดูครับขอขอบคุณภาพทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube