Ryuichi Sakamoto: Coda เป็นสารคดีที่ว่าด้วยเรื่องราวของ Ryoichi Sakamoto ซึ่งเป็นศิลปินและคอมโพสเซอร์ระดับโลกที่มีผลงานในการทำดนตรีประกอบภาพยนตร์อันโด่งดังจำนวนมาก จนได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมมาครอบครอง ในสารคดีเรื่องนี้ ได้บอกเล่าถึงวิธีคิดในการทำงานในหลายๆ ช่วงเวลา โดยเฉพาะกับการทำงานในภาพยนตร์อมตะ เรื่อง The Last Emperor (1987) หรือจักรพรรดิโลกไม่ลืม ซึ่งเป็นหนังหนึ่งในดวงใจของผมเลยจำได้ว่าตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ นอกจากงานสร้างที่อลังการตามสไตล์ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง เบอร์นาโด แบร์โตลุคชี่แล้ว อีกหนึ่งที่โดดเด่นมากไม่แพ้กันก็คือดนตรีประกอบที่ทั้งไพเราะและอลังการ ตอนนั้นผมชอบดนตรีประกอบมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ จนมาหาข้อมูลในตอนหลังถึงทราบว่าเป็นนักประพันธ์เพลงระดับป๋าอย่าง Ryuichi Sakamotoนอกจาก The Last Emperor แล้ว ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่ป๋าแกทำ ไม่ว่าจะเป็น Merry Christmas, Mr. Lawrence (1983) หรือจะเป็น The Sheltering Sky (1990) หรืออีกเรื่องหนึ่งที่เป็นผลงานการแสดงระดับมาสเตอร์พีซของลีโอนาโด ดิคาปริโอ กับเรื่อง The Revenant (2015)หนังสารคดีเรื่องนี้ เริ่มต้นเล่าเรื่องถึงบทบาทของ Ryuichi Sakamoto ในฐานะนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมถึงการเข้าไปในพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดการรั่วไหลในฟูกูชิมะ จากเหตุการณ์สึนามิ จนไปพบกับเปียโนตัวหนึ่งที่รอดจากคลื่นสึนามิ และยังสามารถนำมาบรรเลงเพลงได้อีกด้วย ถึงคนทั่วไปจะฟังแล้วบอกว่าเสียงเพี้ยนไปหมดแล้ว แต่สำหรับ Ryuichi Sakamoto กลับค้นพบความงดงามจากเสียงของเปียโนตัวนี้ จากนั้น หนังก็พาเราไปรับรู้ว่า Ryoichi Sakamoto ตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งขั้นที่สาม ซึ่งเจ้าตัวก็บอกเองว่ากลัวเหมือนคนทั่วไป และต้องปรับวิถีชีวิตใหม่ จนต้องหยุดการทำงานด้านดนตรีไประยะหนึ่งเพื่อดูแลตัวเอง แต่แล้วเสียงเรียกร้องในใจ ประกอบกับโอกาสที่มอบให้มา ทำให้แกกลับมาทำเพลงอีกครั้ง อย่างที่แกบอกไว้ว่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี แต่ก็ยังอยากจะทำเพลงอีกไปเรื่อยๆ ทำเพลงที่จะฝากทิ้งไว้โดยไม่รู้สึกอับอาย และก็เปรียบการเป็นมะเร็งของตัวเองเหมือนกับเปียโนที่รอดจากคลื่นสึนามิ เพื่อมาบรรเลงเพลงต่อได้ ... คารวะจริงๆหนังได้ย้อนกลับไปในอดีตผ่านคำบอกเล่าของแกเอง ถึงตอนที่ทำดนตรีประกอบให้กับหนังเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ยุคแรกๆ เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว จนมาถึงเรื่องหลังๆ บางเพลงมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน กำลังจะอัดเสียงแล้ว แต่ทางผู้กำกับโทรมาขอเปลี่ยน แกเลยบอกวงว่าขอพักครึ่งชั่วโมง เพื่อไปแต่งเพลงใหม่ และก็ออกมาได้ไพเราะมากด้วย ... อัจฉริยะจริงๆนอกจากความโดดเด่นของ Ryuichi Sakamoto ในการแต่งเพลงได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความไพเราะในทุกเพลงแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ ความเป็นนักทดลอง ที่จะสร้างเสียงใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเลือกที่จะสร้างเสียงจากวัสดุธรรมชาติ จากการสัมผัสกันของวัสดุต่างๆ เช่น การนำไม้สีไวโอลิน ไปสีกับวัสดุต่างๆ เพื่อให้เกิดเสียงที่แปลกออกไป หรือการใช้ไม้ไปกับเคาะวัสดุต่างๆ ให้เกิดเสียงที่แตกต่างกันไป การฟังเสียงฝนที่กระทบถังน้ำ แล้วนำเสียงเหล่านั้น มาใส่ไว้ในบทเพลงของตัวเอง เพื่อสร้างเพลงที่มีมิติและสีสรรที่ต่างออกไปมีตอนหนึ่งที่พูดถึงเปียโนที่แกเล่น แกบอกว่าจริงๆ แล้วเปียโนถึงแม้จะทำมาจากไม้ที่เป็นวัสดุธรรมชาติ แต่ก็ถูกตัด ถูกบีบ ถูกอัดขึ้นรูปจนสูญเสียความเป็นธรรมชาติไป และเมื่อใช้งานผ่านไประยะหนึ่ง เสียงเริ่มเพี้ยน คนก็จะไปปรับแต่งใหม่ แกก็บอกว่า ที่ว่าเสียงเพี้ยน เพราะมันไม่เป็นที่ถูกใจของคนก็เท่านั้น จริงๆ แล้ว ไม้เหล่านั้นก็แค่ต้องการคลายตัวบ้าง เพื่อคืนกลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เสียงของธรรมชาติอาจจะไม่เพราะในความรู้สึกของคน ก็เลยมองว่าเสียงมันเพี้ยน .... ขอคารวะกับมุมมองแบบนี้ อีกครั้งเลยครับบทเพลงของ Ryuichi Sakamoto แต่ละเพลง ทั้งสวยงามในท่วงทำนอง ไม่จำกัดตัวเองในขนบของเพลง สร้างสรรค์เสียงใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดเวลา ตัวโน๊ตที่พริ้วไหวไปตามจินตนาการ ความละเอียดอ่อนของการสร้างแต่ละเสียง แต่แฝงไปด้วยความเศร้าที่คลอเคลียไปตลอดทั้งเพลง เป็นศิลปินที่ดำรงตนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติของสรรพเสียงดูหนังสารคดีเรื่องนี้จบ ระหว่างขับรถกลับบ้าน จู่ๆ ผมก็คิดถึงตัวเองขึ้นมาว่า แล้วทุกวันนี้เราทำอะไรต่ออะไรไปมากมาย เราทำตามเสียงของใครกันแน่ มีที่เป็นเสียงจากข้างในตัวเองบ้างหรือเปล่า พอมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ก็พบว่าทุกวันนี้ หลายๆ เรื่องเป็นสิ่งที่เราเลือกเองที่จะทำ ได้ทำในสิ่งที่เรารัก และมีความสุขกับมัน อย่างงานเขียนบันทึกเกี่ยวกับหนังแต่ละเรื่องที่ได้ดู ก็เป็นสิ่งที่อยากทำ และทุกวันนี้ก็ได้ทำแล้วด้วย สุดท้าย ระหว่างที่เขียนบันทึกสารคดีเรื่องนี้ ผมก็กำลังนั่งฟัง เพลงจากหนังเรื่อง Merry Christmas Mr. Lawrence อีกหนึ่งผลงานอมตะของ Ryuichi Sakamoto ไปด้วย อิ่มเอมใจจริงๆ ... สวัสดีครับ เครดิตภาพ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4