บอกเลยว่าก่อนดูรอบแรกๆ (จริงๆ รอบนี้รอบที่เท่าไรจำไม่ได้แล้วค่ะ) เราตั้งความหวังไว้สูงมาก เพราะ Wicked ไม่ใช่แค่หนังแฟนตาซีธรรมดา แต่เป็นการดัดแปลงจากมิวสิคัลระดับตำนานที่เคยทำให้คนทั่วโลกหลงรัก พอได้ดูจริงๆ ขอบอกเลยว่า มันเกินคาดมาก! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องราวที่มากกว่าความร้าย – พลิกมุมมองแม่มดในตำนาน หนังเล่าเรื่องของ เอลฟาบา (Elphaba) หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมผิวสีเขียว ผู้ถูกมองว่าแตกต่างและแปลกประหลาดในสายตาคนรอบข้าง เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ซื่อสัตย์ต่อความเชื่อของตัวเอง แต่กลับต้องเผชิญกับการตีตราว่าเป็น “แม่มดชั่วร้าย” ในขณะที่อีกฟากหนึ่งคือ กลินดา (Glinda) หญิงสาวผู้สดใสร่าเริง ที่ในสายตาคนอื่นคือแม่มดผู้แสนดี ทั้งสองคนต่างเป็นตัวแทนของแสงสว่างและความมืด ทว่าภายใต้เปลือกที่สังคมสร้างขึ้น กลับเต็มไปด้วยความซับซ้อน ความฝัน และความจริงที่ไม่เคยมีใครรู้ สิ่งที่ทำให้ Wicked น่าสนใจคือ มันไม่ได้เล่าแบบขาวกับดำ แต่เปิดพื้นที่ให้คนดูตั้งคำถามว่า “ความดี” และ “ความร้าย” แท้จริงแล้ววัดจากอะไร? เป็นสิ่งที่เราเลือกทำหรือสิ่งที่คนอื่นตีความให้เรา? เสียงเพลงที่สะกดอารมณ์ – พลังของมิวสิคัล หนึ่งในจุดขายสำคัญของ Wicked คือเพลงที่ทรงพลัง ซึ่งแฟน Broadway คงคุ้นเคยกันดี และในเวอร์ชันภาพยนตร์นี้ ทีมโปรดักชันจัดเต็มทั้งการเรียบเรียงใหม่ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น และการแสดงสดของนักแสดงที่ต้องบอกว่า “ขนลุกทุกโน้ต” โดยเฉพาะเพลงไฮไลต์อย่าง Defying Gravity ที่กลายเป็นซีนแห่งปีแบบไม่ต้องสงสัย เสียงร้องของนักแสดงนำทั้งสองไม่เพียงถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังทำให้ผู้ชมอินไปกับความเจ็บปวด ความฝัน และมิตรภาพที่ซับซ้อนของพวกเธอ ดนตรีถูกออกแบบให้ผสมผสานกับฉากและแสงสีอย่างลงตัวจนทำให้การรับชมกลายเป็นประสบการณ์ที่เต็มอิ่มทั้งหูและตา โปรดักชันที่สมกับคำว่า “อลังการ” หากใครเคยกังวลว่าการยกมิวสิคัลขึ้นจอใหญ่จะทำให้เสน่ห์ของเวทีหายไป บอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ตอบโจทย์เกินคาด ด้วยงานโปรดักชันที่ละเอียดทุกเม็ด ตั้งแต่ฉากเมืองมรกตที่สวยจนต้องหยุดหายใจ เสื้อผ้าที่ทั้งหรูหราและเต็มไปด้วยรายละเอียด ไปจนถึงวิชวลเอฟเฟกต์ที่ช่วยสร้างโลกของเวทมนตร์ให้ออกมาสมจริงและมีชีวิตชีวา ทุกเฟรมถูกถ่ายทำอย่างพิถีพิถันจนเหมือนหลุดเข้าไปในนิยายแฟนตาซีจริงๆ การแสดงที่เกินความคาดหมาย เคมีของสองนักแสดงนำคือหัวใจของเรื่อง และต้องบอกว่าทั้งคู่ทำได้ดีเกินคาด พวกเธอสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทั้งความเป็นเพื่อน ความขัดแย้ง และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จนผู้ชมรู้สึกผูกพันไปกับทั้งสองฝั่ง แม้จะมีฉากดราม่าที่หนัก แต่ก็ถูกคั่นด้วยช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีอารมณ์ขันพอสมควร ทำให้เรื่องไม่รู้สึกอึดอัด นักแสดงคือที่สุด! ขอเริ่มที่สองสาวตัวเอกก่อนเลย เพราะนี่คือหัวใจของเรื่อง เอลฟาบา รับบทโดย Cynthia Erivo (เสียงของเธอคือพลังบริสุทธิ์จริงๆ) และ กลินดา ที่ Ariana Grande เล่นได้อย่างน่ารักสดใสแบบมีมิติ ไม่ใช่แค่สวยและขำ แต่ยังมีความลึกในตัวละคร เคมีของทั้งคู่คือสิ่งที่ทำให้เรานั่งยิ้มและร้องไห้ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะซีนที่ต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง… ขนลุกเลยค่ะ! เสียงร้องไม่ต้องพูดถึง เพราะทั้งคู่คือระดับเทพ เพลง Defying Gravity ตอนท้ายครึ่งแรกคือซีนที่เราจะไม่มีวันลืม เป็นโมเมนต์ที่ทำให้เรารู้สึกอยากลุกขึ้นยืนปรบมือให้ในโรงเลย ฉากที่ชอบที่สุด บอกเลยว่ามีหลายฉากที่ประทับใจ แต่ขอเลือก 2 ฉากหลัก: ฉากเมืองมรกต (Emerald City) – สีสันคืออลังการที่สุดในเรื่อง ความวิบวับของฉาก ความละเอียดยิบย่อยในคอสตูม ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกเวทมนตร์จริงๆ ซีนบนท้องฟ้า ตอนที่เอลฟาบาลอยขึ้นไปกลางอากาศพร้อมร้อง Defying Gravity … บอกตรงๆ น้ำตาคลอเพราะมันสื่อถึงการยืนหยัดเพื่อตัวเองแบบทรงพลังมาก ความรู้สึกหลังดูจบ สำหรับเรา หนังยาวจริง แต่ไม่รู้สึกเบื่อเลย เพราะทุกฉาก ทุกเพลง มีเสน่ห์และความหมายที่ชัดเจน ทำให้เราอินกับตัวละครและมิตรภาพที่ซับซ้อนมากๆ เป็นหนังที่ทั้งสวยทั้งลึก มีทั้งความฝัน ความเจ็บปวด และพลังในการ “เลือกเส้นทางของตัวเอง” ที่คนดูต้องเก็บกลับไปคิดแน่นอน ถ้าคุณชอบหนังที่ทั้งตื่นตาและตื้นตัน หรือเป็นสายมิวสิคัล บอกเลยว่า ห้ามพลาด Wicked เด็ดขาด! เพราะนี่ไม่ใช่แค่หนัง แต่มันคือประสบการณ์ที่ทำให้เราเชื่อในความกล้าที่จะเป็นตัวเอง ⭐⭐⭐⭐⭐ (เต็ม 5 สำหรับความอลังและพลังใจที่หนังมอบให้) ภาพจาก Facebook Wicked Movie ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7 ภาพที่ 8 ภาพที่ 9 ภาพหน้าปก จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !