สวัสดีค่ะทุกท่านกลับมาพบกับบทความของ Diary Therapy กันอีกครั้งนะคะวันนี้มีหนังสือมาแบ่งปันค่ะเป็นหนังสือในหมวดวรรณกรรมเยาวชน เขียนโดย "เอ.เอ. มิลน์" เรื่อง "วินนีเดอะพูห์" หลายท่านอาจเคยดูการ์ตูนเรื่อง "วินนีเดอะพูห์" การ์ตูนที่เป็นเรื่องราวของ หมี นามว่า พูห์ และพวกเพื่อน ซึ่งเป็นการ์ตูนที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ แต่ไม่เฉพาะแค่เด็ก ๆ ค่ะ ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็ชื่นชอบเพราะความน่ารักของตัวการ์ตูนที่มาของเรื่อง "วินนีเดอะพูห์" เริ่มมาจากนิทานก่อนนอนที่ "เอ.เอ. มิลน์" ได้เล่าให้ลูกชายของเขาฟัง และที่มาของตัวละครเด็กเพียงคนเดียวในเรื่องที่มีชื่อว่า "คริสโตเฟอร์ โรบิน" ซึ่งเด็กชายคนนี้ก็คือลูกชายของ "เอ.เอ. มิลน์" ผู้เขียนเรื่องนี้นั่นเองค่ะรูปภาพโดยผู้เขียนเนื้อเรื่องบอกเล่าถึงตัวละครเริ่มจาก "วินนีเดอะพูห์" ซึ่งเป็นตุ๊กตาหมีของ "คริสโตเฟอร์ โรบิน" และเรื่องของ "วินนีเดอะพูห์" ก็เริ่มจากนิทานของ "เอ.เอ. มิลน์" เล่าให้ตุ๊กตา "วินนีเดอะพูห์" ฟังนี้เองค่ะ เรื่องของ "วินนีเดอะพูห์" ถูกเล่าออกมาเหมือนนิทานซ้อนนิทานค่ะ "เอ.เอ. มิลน์" ได้ถ่ายทอดให้ผู้อ่านเห็นถึงความคิดของ "วินนีเดอะพูห์" เหมือนเราเองที่เป็น เจ้า "วินนีเดอะพูห์" ค่ะ อย่างเช่นการได้ยินเสียงหึ่ง ๆ แล้วครุ่นคิดว่าเสียงหึ่ง ๆ นี้หมายถึงอะไร เราจะได้เห็นรูปแบบการคิดที่อาจดูเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่จะเห็นว่า "เอ.เอ. มิลน์" ได้ถ่ายทอดได้ดีมากค่ะ หากเราจะอธิบายเสียงหึ่ง ๆ นี้เราจะอธิบายว่ายังไง ซึ่งการบรรยายสามารถเล่าให้เด็ก ๆ ฟังได้และมองเห็นภาพมากขึ้นค่ะเนื้อหามีรูปแบบการเขียนแบบกาพย์กลอนประกอบให้อ่านแทรกไปกับเนื้อหาที่เป็นนิทานของ "วินนีเดอะพูห์" ค่ะ การบอกเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการไปหาน้ำผึ้งของ "วินนีเดอะพูห์" ที่ชอบเป็นการส่วนตัวมาก ๆ คือการที่ "วินนีเดอะพูห์" ขอลูกโป่งจาก "คริสโตเฟอร์ โรบิน" แต่ลูกโป่งไม่ได้มีเพียงแค่สีเดียวเท่านั้น คริสโตเฟอร์และพูห์ต้องใช้ความคิดที่ว่าเขาจะเลือกลูกโป่งสีอะไรในการปลอมตัวเพื่อที่จะลอยไปเอาน้ำผึ้ง เราจะได้เห็นวิธีการคิดและการแก้ปัญหาว่าจะเลือกลูกโป่งสีไหนและเพราะอะไรขอบคุณรูปภาพจาก : Pixabayอีกหนึ่งตอนที่ผู้เขียนชอบคือเรื่องราวของอียอร์ เจ้าลาสีเทา เรื่องราวตอนที่หางหายไป เรื่องเกิดขึ้นในขณะที่อียอร์ที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้ว จนหมีพูห์เดินมาและได้ทักกับ อียอร์ จนทำให้อียอร์ได้หยุดคิดเรื่องต่าง ๆ นานา บุคลิกของอียอร์น่าจะถ่ายทอดแทนคนที่มีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลาได้ดีค่ะ เมื่อหมีพูห์ได้สังเกตว่าหางของอียอร์หายไป อียอร์ตกใจหมุนไปหมุนมาเพื่อดูว่าหางหายไปจริงหรือเปล่าก็ครุ่นคิดว่าใครกันที่ขโมยหางของเขาไป เมื่ออ่านถึงตรงนี้เราจะเห็นว่าอียอร์ไม่ได้โทษตัวเองเลยว่าตนอาจทำหางหายเองก็ได้ อาจไม่มีใครที่มาขโมยหางของเขา จนหมีพูห์ต้องอาสาหาหางให้อียอร์ค่ะความสนุกในตอนนี้คือการสนทนากันระหว่าหมีพูห์เจ้าหมีสมองน้อยกับ อาวล์ซึ่งเป็นนกฮูก ตัวละครอีกตัวของเรื่อง อาวล์เป็นนกฮูกที่แสนฉลาด หมีพูห์ไปขอความคิดเห็นจากอาวล์เรื่องที่หางของอียอร์หายไป แต่แล้วหมีพูห์ก็พบหางที่หายไปซึ่งกลายเป็นที่ห้อยกระดิ่งหน้าบ้านของอาวล์นั่นเอง หมีพูห์ได้ถามถึง สายที่ห้อยกระดิ่ง ได้มาจากไหน ซึ่งอาวล์ได้ตอบถึงสายที่ห้อยกระดิ่งว่าพบในป่า ห้อยอยู่กับพุ่มไม้ ก็เลยดึงดู มันเลยติดมือมา และคิดว่าคงไม่มีใครต้องการมัน จึงเอากลับบ้าน คิดว่าผู้อ่านคงได้อะไรหลาย ๆ อย่างตรงนี้ค่ะ อย่างหนึ่งเลยคือเราจะได้เห็นการช่างสังเกตของหมีพูห์รูปภาพโดยผู้เขียนความแตกต่างระหว่างการอ่านหนังสือเล่มนี้กับการดูการ์ตูนให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ความรู้สึกของการอ่านนั่นทำให้เราเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกจากจินตนาการของ"เอ.เอ. มิลน์" ซึ่งต่างจากการดูการ์ตูนและอาจเพราะการที่ผู้เขียนต้องอ่านให้เด็ก ๆ ในบ้านฟังจึงได้ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่มีความสนุกหนังสือเล่มนี้นอกเหนือจากความสนุก สิ่งหนึ่งที่ได้คือวิธีคิดของเด็ก ๆ เราจะเห็นได้ถึงวิธีการจัดการปัญหาในแบบของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นการคิดแบบง่าย ๆ และการผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ได้ดี ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านอย่างเราค่ะซึ่งไม่เพียงแค่เด็ก ๆ เท่านั้นที่จะได้แง่คิด จากเรื่องรวมทั้งผู้ใหญ่อย่างเราด้วยค่ะหวังว่าบทความนี้จะถูกใจหลาย ๆ ท่านนะคะไว้พบกันใหม่ในบทความหน้า สำหรับวันต้องลาไปก่อน สวัสดีค่ะDiary Therapy