เช็คสเปียร์ เคยกล่าวไว้ว่า “Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star.”หรือแปลเป็นไทยก็คือสองคน ยลตามช่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม คนหนึ่ง ตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรวเป็นการเน้นย้ำให้เรารู้ว่า ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แต่สิ่งสำคัญคือ เราคิดและมีปฏิกิริยาในสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงมากกว่า หนังสือเล่มนี้จึงนำเรื่องราวจากการมองเห็นในสิ่งเดียวกัน แต่ต่างกันที่สิ่งที่คิด มาปรับใช้กับชีวิต และการดำเนินธุรกิจ มีหลายตอนที่ชอบครับ เช่น[ปรากฏการณ์ตูน](Photo by Pixabay from Pexels)หลายคนที่กำลังมุ่งมั่นตามหาสิ่งที่รัก เพื่อเฝ้าใฝ่ฝันที่จะทำมันทุกวัน แล้วฉันจะได้มีความสุขทุกวัน แต่ในอีกมุมหนึ่ง บางครั้งการทำสิ่งที่รักจนกลายเป็นงานประจำ มันก็ทำให้เราขาดแรงบันดาลใจได้เหมือนกับ ตูน ที่รู้สึกว่าตัวเองติดกับดักกับการทำสิ่งที่รัก จึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรที่มีคุณค่ามากขึ้น และจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ตูนได้รับมา น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลับไปตกหลุมรักสิ่งที่เขาทำอีกครั้ง ซึ่งผลงานเพลงชิ้นต่อไปของ ตูน เป็นสิ่งที่น่าติดตามมากครับ[คุ้มค่า คุณค่า](Photo by NICE GUYS from Pexels)ผมมักจะผ่านตลาดนัดนิจจา แถวอมตะ-ชลบุรี อยู่บ่อย แต่เพิ่งรู้ว่าเป็นของคุณ ตัน ภาสกรนที หลักการคิดในการทำตลาดครั้งนี้ของคุณตัน ผมว่าน่าสนใจมากครับ เพราะสิ่งที่คุณตันมองการทำตลาดนัดครั้งนี้ ไม่ใช่ลงทุนเพื่อความคุ้มค่า แต่ลงทุนเพื่อสร้างคุณค่า สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับพ่อค้า แม่ค้า ให้มีโอกาสในการทำมาหากินที่เป็นหลักแหล่งมากขึ้น[ทฏษฎีความสุข](Photo by Hassan OUAJBIR from Pexels)ผมเพิ่งรู้ว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เจ้าพ่อแห่งทฏษฎีทางวิทยาสาตร์ เคยกล่าวถึง ทฏษฎีความสุข ไว้ด้วยว่า “ชีวิตที่เงียบสงบและเรียบง่าย นำไปสู่ความสุขมากกว่าการแสวงหาความสำเร็จที่มีแต่ความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา” ซึ่งผมก็คิดยังงั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นตัวอย่างข้อคิดที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้ หนังสือดีสักเล่มคงไม่ต้องบอกว่ามันดีอย่างไร เพราะหนังสือเล่มเดียวกัน คนหนึ่งอาจเห็นเพียงแค่ตัวหนังสือ คนหนึ่งเห็นต่าง กลับเห็นแรงบันดาลใจอยู่พราวแพรวก็เป็นได้ เพราะคุณคิดอย่างไร โลกก็เป็นอย่างนั้นครับ..สนใจหนังสือเล่มนี้ คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ > โลกที่เห็นเป็นอย่างที่คิดตามไปอ่านรีวิวหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ที่ > > iYom BookViews