สวัสดีค่ะวันนี้จะมารีวิว "คนกราบหมา" (DogGod) หนังไทยนอกกระแส แนวตลกร้าย ที่เปิดกล้องถ่ายทำเมื่อปลายปี 2538 และมีกำหนดฉายเมื่อ ปี 2541 แต่ถูกกองเซ็นเซอร์ในขณะนั้นสั่งแบน จัดเรทห้ามฉายในประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าบทหนังไม่เหมาะสมและดูหมิ่นทุกศาสนา หนังเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย มานิตย์ ศรีวานิชภูมิกำกับการแสดงและบทภาพยนตร์โดย อิ๋ง กาญจนะวณิชย์ในปี 2563 อิ๋ง กาญจนะวณิชย์ ได้ใช้เวลาว่างช่วงล็อกดาวน์โควิด ตัดต่อหนังเรื่องนี้ใหม่ ส่งให้ทางกองเซ็นเซอร์ยุคปัจจุบันพิจารณาผลคือในปี 2566 ผ่านการเซ็นเซอร์ และถูกจัดเรทเหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 15 ปีขึ้นไปและในวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 "คนกราบหมา" ก็ได้รับอิสรภาพอย่างเป็นทางการ ส่งสารไปถึงผู้ชมในโรงภาพยนตร์ Samyan House, Cinema Oasis และ Major Cineplex (บางสาขา) เรื่องย่อhttps://youtu.be/y_aS5xcL-p4?si=McJljreM5N_t3evC เมื่อหนุ่มไฮโซหัวสมัยใหม่อย่าง "โรบิน" ตัดสินใจว่าจ้าง "วิคเตอร์' นักปราบปรามลัทธิประหลาด ให้มาช่วยดึง "เชอร์รี่พาย" ภรรยาของเขา ที่ถูกล้างสมองมัวเมากับลัทธิประหลาดกราบเทพเจ้าหมา ของอาศรมแห่งรักไรัพรหมแดน ก่อนภรรยาจะผิดปกติ ทั้งสองรักกันมาก แต่ตอนนี้ เธอไม่ต้องการให้โรบินมายุ่งเกี่ยว ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพ่อของลูกเธอ โรบินจะต้องกอบกู้ครอบครัวตัวเองกลับมาให้ได้ โดยแผนของพวกเขาคือแฝงตัวเข้าไปเป็นลูกศิษย์ของอาศรมนี้และทำอย่างไรก็ได้เพื่อเรียกสติภรรยากลับคืนมา แผนของเขาจะสำเร็จไหมรับชมได้ในภาพยนตร์ค่ะ นักแสดงที่เรารู้จักมีแค่ 2 คนคือ พี่น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่เดบิวต์แสดงหนังเป็นครั้งแรก ในวัยเบญจเพส กับบท โรบิน หนุ่มนักธุรกิจลูกครึ่ง ที่ทุกข์ใจอยากได้ภรรยาและลูกคืนจากลัทธิที่เขามองว่าประหลาดถือว่าทำได้ดีสำหรับหน้าใหม่(ในตอนนั้น) แกมีพรสวรรค์ด้านการแสดงจริง ๆ ค่ะอีกคนคือพี่อิ๋ง กาญจนะวณิชย์ ในบทอาจารย์สาวผู้นำลัทธิ ทำหน้าที่รับใช้เทพเจ้าหมา คอยกล่อมบรรดาลูกศิษย์ให้เลื่อมใสในลัทธิเทพเจ้าหมา โดยเธออ้างตัวว่า ชาติที่แล้วเคยบวชเป็นพระสงฆ์ แต่ดันอกหักจากวิกฤตศรัทธาึัการแสดงทำได้ดีค่ะ ถือว่าครบนะ เบื้องหน้าเบื้องหลัง เธอทำได้หมด ความที่หนังสร้างโดยคนธรรมดา ไม่ใช่นายทุน และบทเด่นขนาดนี้ ถ้าจ้างนักแสดงดัง ๆ มาเล่นคงใช้งบเยอะ การนำผู้กำกับและคนเขียนบทมาแสดง ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเธอเข้าใจบทเข้าใจตัวละคร สื่ออินเนอร์ได้ดีค่ะ ฟังเธอพูดแล้วชวนคล้อยตามมากและนักแสดงที่ไม่รู้จักมาก่อนอย่าง ธาริณี เกรแฮม ในบท เชอร์รี่พาย ภรรยาสาวชาวลูกครึ่งของโรบิน ที่ตัดสินใจทิ้งสามี มอบตัวและหัวใจให้กับอาศรมแห่งรักไร้พรหมแดนการแสดงของเธอ ทำได้ดีเวลาคลั่งลัทธิก็ชวนขนลุก เวลาพาร์ทดรามาครอบครัวก็โอเคค่ะส่วนนักแสดงร่วมคนอื่น ๆ เล่นได้ดีนะคะสำหรับผมโนเนมหน้าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดของผู้สร้าง แสดงออกมาแล้วไม่สากกะเบือ ก้อนหิน "คนกราบหมา" โดนแบนเพราะอะไร?มุมมองของผู้เขียนนะคะ หากย้อนกลับไปในยุคนััน สมัยหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง สภาพสังคมไทยยังไม่เปิดกว้างและให้อิสรภาพทางความคิดและการแสดงออกมากนัก สื่อบันเทิงของไทยในยุคนั้น หากมองพล็อตและประเด็นที่ "คนกราบหมา" นำเสนอ ถือว่ามาก่อนกาล ยังไม่มีหนังไทยในขณะนั้นกล้าแตะ โดยในหนังมีฉากเกี่ยวกับพระสงฆ์ พุทธศาสนา รวมทั้งหลักปฏิบัติและคำสอนของศาสนาอื่นโดยรวมหนังได้นำเสนอมุมมองแปลกใหม่ ชวนสังคมพิจารณา หนังแรงไหม?ส่วนตัวมองว่าไม่แรง แม้หนังจะเก่า แต่ประเด็นหลักที่หนังต้องการนำเสนอยังคงทันสมัยแม้ในยุคปัจจุบันหนังแค่ต้องการสะท้อนภาพของมนุษย์ที่ต้องการที่พึ่งพิงทางใจ แม้บางสิ่งจะขัดกับหลักคำสอน แต่เพื่อความสบายใจใครจะอยากเชื่ออยากเคารพศรัทธาอะไร ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะกระทำ โดยต้องอยู่บนหลักของการไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือขูดรีดโดยเขาผู้นั้นไม่ได้สมัครใจหมีควาย (เทพเจ้าหมาในเรื่อง) ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใด ๆ ทุกความศรัทธา เกิดจากจิตใจของคนล้วน ๆ บรรดาลูกศิษย์ในเรื่องคนกราบหมา ต่างพยายามฮีลใจและลองวิธีอื่น ๆ มาแล้ว แต่ไม่เป็นผล จนมารู้จักอาศรมนี้ที่ฮีลใจคนด้วยการให้ลองปล่อยใจ ใช้ชีวิตแบบน้องหมาดูบ้างมนุษย์เมื่อเกิดมาทุกคนย่อมต้องมีปัญหา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยฮีลใจได้คือ ต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ยกตัวอย่าง ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จะรักษาอย่างไรดี? หากลองไปถามสังคม ก็จะได้คำตอบประมาณนี้ เช่น "ไปปรึกษาจิตแพทย์สิ", "เข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม นั่งสมาธิสิ" หรือ "ลองเลี้ยงน้องหมาน้องแมวสิช่วยคลายเหงา"หนังเรื่องนี้ได้ให้ทางเลือกกับผู้ชม ใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อ ใครจะต่อต้าน ล้มล้างก็ไม่เป็นอะไร ขอแค่บุคคลนั้นพึงพอใจ เพราะสุดท้ายแล้วหมาก็คือหมา น้องเป็นสัตว์ ใครใคร่กราบบูชาสิ่งใดย่อมอยู่ที่ดุลยพินิจและความสบายใจของผู้นั้น องค์ประกอบศิลป์ของหนังโปรดักชัน เลือกสถานที่ถ่ายทำอย่างอาศรมแห่งรักไร้พรหมแดนได้ดี ชอบบรรยากาศ ความร่มรื่น ฟีลสถานปฏิบัติธรรมมาก ๆ การกำกับและโทนสีของภาพ ละมุน ฟีลกู๊ด อวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก ไม่แปลกเลยค่ะที่ลูกศิษย์ลูกหา จะศรัทธาคลั่งไคล้พอหนังมาฉายยุคนี้งานภาพถือว่าเข้ากับยุคสมัยอยู่นะคะ ดูไม่เก่าเชย ยิ่งประเด็นหนังมันทันสมัย เลยไม่ได้รู้สึกว่าหนังเก่าจนตกยุคสิ่งที่เก่าของเรื่องนี้คือ อัตราส่วนของภาพและเทคโนโลยี อุปกรณ์ประกอบฉาก รวมทั้งบทสนทนาบางฉาก ที่เป็นเรื่องเฉพาะในสมัยนั้นการดำเนินเรื่อง เป็นหนังนอกกระแส ที่ไม่ได้อินดี้ถึงขั้นปีนกระไดดู หรือลึกลับซับซ้อนขนาดนั้น เพราะมันคือชีวิตจริงที่เราพบเจอได้ในสังคม เรื่องนี้ผู้เขียนดูเพลินเลยค่ะ หนังมีประเด็นและความหักมุมชวนติดตาม ชอบตอนจบของเรื่องค่ะจบได้ดี สื่อสารไปยังผู้ชมได้ตรงประเด็นชัดเจน ให้คะแนนภาพรวมของหนัง 9/10 คะแนน เครดิตภาพหน้าปกออกแบบใน canvaภาพพื้นหลังหน้าปก canva : ภาพที่ 1 ภาพประกอบหน้าปก House Samyan : ภาพที่ 1 / 3 / 4Cinema Oasis : ภาพที่ 2 ภาพประกอบเนื้อหา Cinema Oasis : ภาพที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6ลิงก์คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหา Major Group : คลิปที่ 1 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !