รีเซต

ษา วรรณษา ตอกกลับ เกรียนคีย์บอร์ด วิจารณ์การพูดลูกชาย

ษา วรรณษา ตอกกลับ เกรียนคีย์บอร์ด วิจารณ์การพูดลูกชาย
ข่าวสด
6 ตุลาคม 2564 ( 16:12 )
88

ษา วรรณษา ตอกกลับ เกรียนคีย์บอร์ด วิจารณ์การพูดลูกชาย

ษา วรรณษา ตอกกลับ / ทำเอาคุณแม่สายสตรองของขึ้น โดยนักแสดงสาวชื่อดัง ษา วรรณษา ทองวิเศษ ตอกกลับคนที่เข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์ลูกชาย "น้องเซย์เดย์" ว่า "ทำไมเป็นลูกคนไทย แต่สำเนียงภาษาไทยต้องเป็นเหมือนลิ้นแข็ง เป็นเด็กอินเตอร์ โอ้แม่จ้าว!!!! เลิกเถอะนะ ไอ้การทำแบบนี้ คนเป็นแม่ ก็ไม่บอกลูก ว่าพูดภาษาไทย ให้ชัดเจนและเป็นแบบอย่าง อ่าม ผอม (ผม) พูดได้แบบนี้ครับ น่าเกลียด! แล้วรายการ ของคุณก็ไปเชิดชู ไปอวยให้พวก อ่าม อ่าม อ่าม ขออ่ามภัยที่คิดต่าง, Thailand Only!!!" หลังไปออกรายการหนึ่ง

ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ได้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย ษา เผยว่า “ที่จับใจความได้เลยก็คือเขาวิจารณ์ เรื่องวิจารณ์มีสิทธิ์อยู่แล้ว เวลาเราดูหนัง ดูละครเราก็วิจารณ์ว่าอันไหนดีหรือไม่ดี แต่ถ้าเราจะวิจารณ์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราต้องเห็นต้องรู้ต้องดูใช่ไหม อย่างหนังก็ต้องดูถึงจะวิจารณ์ได้ ว่าดาราคนนี้เขาเล่นยังไง ดีไม่ดีก็วิจารณ์ได้ แต่นี่คือเขาไม่เห็น เขาเห็นแค่วันนี้ และวันนี้เรื่องของลูกษา คือษาให้ข่าวมาตั้งแต่ลูก 1 ขวบ จนกระทั่งวันนี้ 15 ปีแล้ว”

“และคนที่รู้ก็คือพี่ๆ นักข่าวทั้งหมด สื่อมวลชนจะทราบดีว่าน้องเป็นอะไร แล้วเอฟซีที่ติดตามกันมาจะรู้ว่าน้องเป็นอะไร แต่คนนี้เหมือนเขาไม่ได้เป็นเอฟซี ไม่ได้ติดตาม แล้วมาดูรายการ ณ วันนั้นเลย แล้วก็วิจารณ์ว่า การที่น้องพูด เอิ่ม เอิ่ม เอิ่ม ทำไมจะต้องอวยคนที่พูดแบบนี้ เราก็เลยตอบไปเล็กๆ สั้นๆ ว่าน้องเป็นอาการ LD ค่ะ ถ้าพี่ไม่มีความรู้ให้ไปหาความรู้ก่อน (หัวเราะ) ก็ต้องเป็นอย่างนั้น”

“ษาก็ขออนุญาต ขออนุญาตใครก็ไม่รู้ (หัวเราะ) แคปหน้าจอไปลงเฟซบุ๊ก เพราะเฟซบุ๊กษามีแม่ๆ เลี้ยงเดี่ยว และแม่ที่ลูกๆ เป็นกลุ่มเด็กพิเศษเยอะมาก เราก็เอามาวิพากษ์วิจารณ์ต่ออีกทีหนึ่ง ว่าคุณวิพากษ์วิจารณ์มาในทางนี้ เราก็อยากให้แม่ๆ วิจารณ์บ้าง ว่ามีความคิดเห็นยังไง ทุกคนก็บอกว่าเขาไม่ได้ติดตามเรามาตั้งแต่ต้น ไม่ได้รู้ว่าเราทำอะไรมาตั้งแต่ต้น”

“หนึ่งเขาจะบอกว่าเด็กปกติมาก ไม่เห็นเป็นอะไรเลย สองคือทำไมต้องพูดแบบนี้ สงสารเด็ก เอาเด็กมาออกรายการ มาพูดแบบนี้ไม่สงสารเขาหรือ คือษารู้เลยว่าถ้าเขาพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ติดตามษามาแน่นอน แต่ก็ไม่ได้โกรธ ทีแรกก็มีนิดๆ เกือบได้เป็นตัวร้ายแล้ว (หัวเราะ) เดี๋ยวตบเลย (หัวเราะ)”

“แต่พอเรามาคิด เขาคงไม่ได้ติดตามเราแน่ๆ เลย คงมาติดตามปีที่ 15 แล้ว เป็น EP ที่ 15 แล้ว EP ที่ 1 ยังไม่ได้ดู มาดู EP 15 เลย ทีนี้เราก็สงสารเขาเหมือนกันว่า ถ้าเกิดเขามีความเกรียนคีย์บอร์ดแบบนี้ ษากลัวว่าเขาจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่ได้เข้มแข็งแบบษา เหมือนไปทำลายอนาคตเขา เด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่หรอก ถ้าวันหนึ่งเขาเปิดเข้าไปดูแล้วเจอคำวิจารณ์แบบนี้ คำพูดของเขาไม่ถูกต้องหรือ แล้วถ้าเด็กคิดว่า โอเคถ้าไม่ถูกต้องก็ไม่พูดเลยแล้วกัน จบเลยนะแบบนี้”

“บางคนบอกว่าคุณแม่กังวลมากเกินไป จะบอกว่าที่ผ่านมาก็ไม่ได้กังวล ษายังเคยบอกกับพี่ๆ เลยว่าไม่ได้กังวล ษาดูแค่ชีวิตเขาว่าจะไปทางไหน แล้วก็ซัพพอร์ต สนับสนุนสิ่งที่เขาชอบไปแค่นั้นเอง ไม่ได้กังวลอะไรทั้งสิ้น”

“แต่ ณ วันนี้ก็ได้บอกว่ามันเป็นแค่จุดเล็กๆ ไม่ใช่จุดดำด้วยที่เขาไม่ได้ติดตาม แล้วมาวิจารณ์เรา เขามีสิทธิ์นะ แต่การวิจารณ์ก็ต้องดูด้วยว่า มันเป็นอะไรที่สร้างสรรค์หรือเปล่า ก่อเกิดประโยชน์หรือเปล่า ก่อนที่คุณจะกดเอ็นเทอร์ส่งข้อความ คุณคิดสักนิดว่าถ้าคุณเป็นคนที่คุณพิมพ์ คุณจะรู้สึกยังไง ลบพิมพ์ใหม่ได้นะ เกรียนคีย์บอร์ดคะ อ่านทวนสักหน่อยสิ แล้วค่อยกดเอ็นเทอร์นะ”

เสียความรู้สึกเหมือนกันใช่ไหม? “มันเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟมากนะคะ ถ้าไม่มีใครมาวิจารณ์เลย มันจะไม่เซ้นซิทีฟเลยจริงๆ แต่พอมีคนมาวิจารณ์ปุ๊บ มันก็นิดนึงนะ แล้วคนที่อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์นะ ก็จะออกมาบอกว่า อะไรวิจารณ์แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ก็อยากจะวิจารณ์ไง ลูกเธอจะได้ดีขึ้น คือมันไม่ใช่ ทุ่งลาเวนเดอร์ไม่สามารถมาใช้กับโลกความจริงได้”

“คุณต้องกลับมาดูนะว่าโลกความจริง เด็กกลุ่มนี้ต้องการคำพูดแบบไหน มันไม่ใช่การสปอยล์ แต่เป็นการพูดให้ดูสละสลวย ไม่ใช้โลกสวยนะ แต่สละสลวย เห็นไหม แค่โลกสวย กับ สละสลวย ก็ต่างกันแล้ว มันละเอียดยิบเลยนะ ษาเองก็ไม่ได้มีสกิลแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แต่มามีตอนเลี้ยงลูกมา 15 ปี สกิลการแตกคำว่าต้องพูดยังไง จะเรียกกินข้าว ยังต้องมีกี่เวอร์ชั่น ต้องเป็นแบบนี้เลย”

อยากให้เขาลบคอมเมนต์ไหม? “ไม่ต้องค่ะ ให้อยู่อย่างนั้นต่อไป ให้เขาโชว์สกิลของเขาไป แต่ละคนวิจารณ์ได้นะคะ ษาไม่โกรธเลย ษาเข้าไปอ่านทุกคอมเมนต์ทุกโพสต์ ที่ข่าวสดลงษาก็อ่าน แล้วถ้าคอมเมนต์ไหน อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ผิดทางแล้ว ษาก็จะไปตอบเลย ว่าแบบนี้ๆ”

“ยกตัวอย่างคอมเมนต์หนึ่ง ในยูทูบนั่นแหละ เขียนว่า ‘ถ้าแม่ตายน้องจะอยู่ยังไง’ เดี๋ยวก่อนแม่ตายคือษาใช่ไหม (หัวเราะ) ก็เลยพิมพ์ไปบอกว่า อย่าเพิ่งแช่งแม่เขาค่ะ น้องมีญาติหลายคน พอมาอย่างนี้เราก็ขำๆ ไป”

“จริงๆ เรื่องโซเชี่ยลษาเป็นอะไรที่ชินตั้งแต่ตอนเล่นเรื่องสุริโยทัย ตอนนั้นก็โดนคอมเมนต์แรง พอมาตอนนี้เราก็ต้องแก้ให้เขาเข้าใจ ณ ตอนนั้นเราแก้ไขอะไรไม่ได้ ตอนนั้นเรามือใหม่ ได้แต่ตีโพยตีพายว่า จะไม่เล่นแล้วละคร ภาพยนตร์ ไม่เอาแล้วไม่อยากให้คนด่า หลังๆ มาตัวเราก็ชิน”

“แต่พอมาเรื่องลูกเรา เราก็ไม่อยากให้ใครด่าลูกเรา ลูกใครใครก็รัก ก็มีโกรธ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องอธิบาย ไม่ใช่มาด่าลูกเรา แล้วเราด่ากลับ หรือไปฟ้องร้อง คือมันเสียเวลา ไม่ได้หนักหนาสาหัสขนาดนั้น ษาคิดว่าคนเรามีสกิลในการรับรู้ในการเข้าใจ แต่อยู่ที่ว่าจะรับไหมแค่นั้นเอง”