รีเซต

รีวิวหนัง "West Side Story" ฉบับปัดฝุ่นฟุ้งเหมือนดูละครโรงใหญ่บนจอยักษ์..กินใจ

รีวิวหนัง "West Side Story" ฉบับปัดฝุ่นฟุ้งเหมือนดูละครโรงใหญ่บนจอยักษ์..กินใจ
Jeaneration
10 ธันวาคม 2564 ( 13:30 )
3.1K

หนังใหม่ รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง West Side Story

กลายเป็นว่าปี 2021 เป็นปีที่เต็มไปด้วยหนังมิวสิคัลร้องขับขานบนจออยู่หลายเรื่องเหลือเกิน มีทั้งปัง มีทั้งแป้ก ปะปนกันไปในปีที่โควิด-19 ก็ยังคงอาละวาดอยู่ และมาถึงเรื่องสุดท้ายส่งท้ายปีนี้กับการปัดฝุ่นเล่าใหม่ ร้องเรียงใหม่ ของอดีตหนังคลาสสิก เจ้าของรางวัลออสการ์ 10 ตัวในปี 1961 อย่าง "West Side Story" หนังที่ถูกจับประเคนเอาบนหิ้งมายาวนาน 60 ปีเต็ม และในวันนี้ก็มีผู้กล้านำลงมาทำใหม่ และฉบับปรับปรุงครั้งนี้ก็ให้รสชาติที่กลมกล่อมไม่เบา

West Side Story ดัดแปลงมาจากฉบับละครมิวสิคัลในปี 1957 ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในมหานครนิวยอร์กในช่วงที่คราคร่ำไปด้วยเหล่าผู้อพยพ กลายเป็นการห้ำหั่นกันระหว่าง 2 กลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง แก๊งเจ็ตต์ ชาวผิวขาวเจ้าถิ่นเดิม กับ แก๊งชาร์ค ชาวผิวสีผู้อพยพจากลาตินอเมริกัน ที่กลายมาเป็นบาดแผลและโศกนาฏกรรมแห่งสังคมที่ต้องจดจำ

ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่เคยมีประสบการณ์ดูหนังเวอร์ชั่นปี 1961 มาก่อน เพียงแค่เคยโครงเรื่องเกี่ยวกับละครเวทีเรื่องนี้มาบ้างประปราย ดังนั้นในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเข้าไปเสพ West Side Story แบบจริงจังเป็นครั้งแรก และทำให้พบว่าตัวเรื่องก็มีเค้าโครงอิงมาจากบทประพันธ์รักในตำนาน โรมิโอ กับ จูเลียต เป็นแกนหลักตามที่เกริ่นเอาไว้จริงๆ แต่ได้ปรุงแต่งใหม่เข้ากับสมัยสังคมก็เพียงเท่านั้นเอง

หากจะว่าไปตามยุคสมัยก็ต้องยอมรับว่า West Side Story มีโครงเรื่องและเนื้อหาที่ค่อนข้างเชยจริงๆ แต่หากว่าลองตัดประเด็นนั้นออกไปและซึบซับกับความเป็นพีเรียดและวัฒนธรรมต่างๆ ที่หนังใส่เข้ามา ก็นับว่าเป็นหนังที่มีจังหวะที่ลงตัวเหมาะเจาะมากจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อหนังได้มาอยู่ในมือของพ่อมดฮอลลิวูด "สตีเวน สปีลเบิร์ก" ด้วยแล้ว องค์ประกอบงานสร้างต่างๆ ยิ่งเข้ามาช่วยเติมเต็มและอุดรอยรั่วแสนเชยของหนัง ให้กลายมาเป็นอรรถรสที่กลมกล่อมไปเลย

เราคงต้องบอกว่างานองค์ประกอบงานสร้างและวิสัยทัศน์ในการร้อยเรียงเรื่องราวคลาสสิกขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับ สตีเวน สปีลเบิร์ก ทำออกมาได้น่าวิเศษจริงๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับมากๆ ในช่วงองก์ที่ 1 กับ องก์ที่ 2 ของเรื่อง หรือจะบอกง่ายๆ ก็คือช่วงครึ่งแรกของหนัง เห็นได้ถึงความชัดเจนและจัดจ้านในการถ่ายทอดเรื่องราว ใส่รายละเอียดต่างๆ เข้ามาได้อย่างชัดและลึกซึ้ง

รู้สึกเอ็นจอยตั้งแต่ฉากโหมโรงกับการแนะนำพื้นที่อาณาเขตและความขัดแย้งระหว่าง เจ็ตต์ กับ ชาร์ค แม้ว่าเพลงมิวสิคัลในหนังจะยังมีหลายๆ เพลงร้องตามยาก แต่เซ็ตติ้งและออกแบบท่วงท่าเต้นต่างๆ ทำออกมาได้เต็มที่และเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อเรื่อง ที่เพิ่มพูนความสนุกและอรรถรสของผู้ชม อีกฉากที่จะต้องยกนิ้วให้ก็คงจะเป็นไฮไลต์สำคัญ ฉากเต้นรำในโรงยิม ฉากสำคัญที่พระนางพบกันเป็นครั้งนี้ ที่ทำให้รู้สึกขนลุกกับการดีไซน์ฉากออกมาได้น่าประทับใจและบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้อย่างกัดกิน

แต่ถึงแม้ว่าจะแอบรู้สึกในช่วงครึ่งหลังและองค์ท้ายๆ ของหนังค่อนข้างย้วยยานเกินไปสักหน่อย ซ้ำยังทำฉากไคลแม็กซ์สำคัญได้ออกมาไม่ค่อยตราตรึงใจได้เท่าที่ควร แต่โดยในภาพรวมแล้ว West Side Story ก็ถือว่าอยู่เกณฑ์ดีตามมาตรฐาน หนังอาจจะไม่ใช่หนังมิวสิคัลระดับสมบูรณ์แบบในด้านเนื้อหาสักเท่าไหร่ แต่หากว่ากันถึงงานสร้างแล้ว ก็น่าจะต้องยกให้จริงๆ

ส่วนด้านการแสดงของแคสติ้งฉบับรีเมคนี้ สปอตไลต์ได้จับจ้องเจิดจริสอยู่ที่สาวหน้าใหม่ "ราเชล ซีเกลอร์" ตามคำร่ำลือจริงๆ เธอคือนางเอกที่เครื่องหน้าคมเข้มสไตล์สาวลาติน และกล้องก็รักที่จับใบหน้างามๆ เป็นอย่างมาก เมื่อนำมาผสมกับแอคติ้งในเรื่องแรกที่น่าทึ่ง กับทักษะการร้องเพลงและเสียงอันไพเราะ เรียกได้ว่า..น้องเฉิดฉายที่สุดในหนังจริงๆ

ความจรัสของนางเอกอาจจะพลอยทำให้พระเอกของเรา "แอนเซล เอลกอร์ธ" โดนรัศมีบดบังไปหน่อย ออร่าไม่ปังเท่าที่ควร แต่เขาก็ยังคงถ่ายทอดอินเนอร์ตัวละครออกมาได้มืออาชีพดีเช่นเคย อีกคนที่จรัสแสงไม่ต่างกับนางเอกก็คือ "อาเรียนา เดโบซ" เรียกได้ว่า...น้อยแต่มาก การแสดงของเธอหลุดออกมาจากทักษะและความสามารถล้วนๆ และหนังเรื่องนี้กับบทนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เกิดสุดๆ

ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า เพลงประกอบของ West Side Story อาจจะร้องคลอตามได้ไม่กี่เพลง แต่โดยรวมก็ถือว่ามีเพลงที่ติดอยู่หลายเพลง แต่ที่ประทับใจมากที่สุดก็คงจะต้องยกให้เพลงไฮไลต์ของเรื่อง อย่าง "Balcony Scene (Tonight)" ที่เป็นการขับขานแข่งเกี้ยวระหว่างคู่พระนาง ที่นับว่าเป็นฉากที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีเพลง "America", "Maria" หรือ "One Hand, One Heart" ที่ก็ถ่ายทอดและสอดแทรกเนื้อหาได้ดี

โดยสรุปแล้ว สำหรับเวอร์ชั่นปี 2021 ของ West Side Story นั้น ก็ถือว่าสอบผ่านอยู่ แม้ว่าจะไม่เคยดูฉบับก่อนและไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับวิสัยทัศน์ในการถ่ายทอดเรื่องราวของ สตีเวน สปีลเบิร์ก จริงๆ เพราะนี่คือหนังที่ผู้ชมส่วนใหญ่รู้เรื่องราวกันบ้างแล้ว ซ้ำโครงเรื่องยังค่อนข้างเชย แต่องค์ประกอบต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี

ประกอบกับประเด็นของหนังก็ยังคงเวิร์กกับยุคนี้ ทั้งความเหลื่อมล้ำในสังคมและเชื้อชาติที่ยังพบเห็นได้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าตัวหนังจะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงเศษ รู้สึกยาวนานเกินไปสักนิด แต่โดยรวมก็ถือว่ายังค่อนข้างกลมกล่อมดี และเมื่อผนวกเข้ากับการแสดงอันเฉิดฉายของดาวรุ่ง ราเชล ซีเกลอร์ ที่บอกเลยว่า...น้องยังไปได้อีกไกลแน่นอน

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง West Side Story

  • ประเภท: มิวสิคัล / ดราม่า / อาชญากรรม
  • ผู้กำกับ: สตีเวน สปีลเบิร์ก
  • นำแสดงโดย: แอนเซล เอลกอร์ธ, ราเชล ซีเกลอร์, อาเรียนา เดโบซ
  • ความยาว: 156 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 9 ธันวาคม 2021 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: West Side Story

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)

-------------------------------------

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวม
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

ดูหนังออนไลน์ได้ที่ >> Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย https://bit.ly/3xEgdAa