Netflix เป็นบริการสตรีมมิ่งที่สามารถภาพยนต์ได้มากกว่าหนึ่งหมื่นเรื่อง ซึ่งวันนี้ผู้เขียนจะนำหนัง/ซีรีส์ 10 เรื่องน่าดูจาก Netflix ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2022 มาแนะนำให้เพื่อนๆดูกัน ซึ่งเพื่อนๆสามารถรับชมได้เลยทาง Netflix ซึ่งสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ผ่านช่องทาง TrueID หรือช่องทาง TrueMoney Wallet1. Strange Things 4 volum 2เล่าเรื่องต่อจาก volum 1 ที่น้องๆเด็กๆกลุ่มลูซเซอร์แยกย้ายกันไปคนละทางโดยน้องไมค์ต้องเรียนในโรงเรียนเดิม ส่วนน้องอีเลฟเว่นได้ย้ายโรงเรียนไปเรียนอีกเมืองหนึ่ง max เลิกคบกับลูคัสแล้ว แม้ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อโฟกัสที่ความฝันและความต้องการในอนาคตของแต่ละคน และไหนจะการหายตัวไปของแอ็ดดี้และคริสซี่ที่สตีฟและเพื่อนๆต้องรวมกลุ่มกันเพื่อออกตามหาอีก ใน volum 2 นี้ ความรู้สึกที่ดู เปิดเรื่องมาก็ย้อนไปถึงในอดีตของน้องอีเลฟเว่นก่อนที่จะหนีออกมาจากห้องทดลองเลย ซึ่งบอกตรงๆว่า ลึกลับสยอองขวัญสนุกน่าติดตามหลอนลุ้นระทึกเหมือนเปิด X-Files ลับของหนัง X-men ของ DC Comics เป็นอย่างมาก ก่อนจะเริ่มเรื่องด้วยชีวิตที่ไม่เป็นดังใจในโรงเรียนของกลุ่มๆเด็กแก็งลูซเซอร์ และไหนจะต้องแข่งกับเวลาแข่งกันไขปริศนาในการหายตัวไปของเพื่อนๆในกลุ่มทีละคนสองคนของกลุ่มเด็กๆแก็งนี้อีก โดยรวมก็ทำออกมาได้สนุกน่าติดตาม น่ากลัว หลอนระทึกขวัญและไม่อยากจะดูจบเลยเพราะมันไม่มีซีซั่นต่อไปให้ดู แถมกว่าจะได้ดู The Strange Things Season 5 ก็ต้องรอไปอีกสองปีข้างหน้า ว่าแล้วก็ดู Season 4 Volum 2 อีกรอบดีกว่า นี้มันเหมือนหนังมิติจักรวาล ลึกลับไซไฟสยองขวัญแบบในโลก Multiverse ของหนังมาร์เวลฮีโร่เลย แต่เป็น The Strange Things แทน แถมคราวนี้น้องอีเลฟเว่นยังถูกพ่อของตัวเองที่เคยดูแลตัวเธอในห้องทดลองพาตัวกลับไปอีก เด็กๆแก็งลูซเซอร์นอกจากจะต้องช่วยเหลือกันเองจากสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่ตามเอาชีวิตของพวกเขาในมิติของจักรวาลในโลกประตูของความฝัน ยังต้องออกตามหาน้องอีเลฟเว่นและช่วยน้องอีเลฟเว่นกลับมาจากโครงการลึกลับใต้ดินของพวกรัฐบาลอีก เอาเป็นว่าเป็นซีรีส์แฟนตาซีลึกลับระทึกขวัญที่สนุกมากๆ ดูเพลินจนลืมเวลาเลย แถมยังอยากเตรียมกระดานเพื่อวิเคราะห์จักรวาลหนังต่อในซีซั่นที่ 5 อีก และการแสดงของน้องๆเด็กๆในเรื่องก็ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ สมจริงและมีเหตุมีผลเลย ผู้เขียนกลายเป็นแฟนหนัง The Strange Things เลย คะแนนรีวิว 100/102. Resident Evilสร้างมาจากเกมที่ใช้ชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องในอนาคตที่เชื้อไวรัสซอมบี้แพร่ระบาดโดยมีความเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของตัวละครนำหลักทั้งสองคนในเรื่อง ซึ่งพวกเธอสองคนเป็นเพื่อนที่สามารถหยุดหยั้งเหตุการณ์โรคระบาดซอมบี้ที่จะเกิดขึ้นได้ในเมือง เพื่อช่วยเหลือคนที่ติดเชื้อและคนที่ยังไม่ได้ติดเชื้อทีความรู้สึกที่ดู เป็นอีกเวอร์ชันหนึ่งของเวอร์ชัน Live Action ที่ค่อนข้างแป้กอีกเรื่อง แสงสีเสียงองค์ประกอบฉากค่อนข้างสมจริง มีการฉาย Flashback เรื่องราวในอดีตของตัวละครนำหลักในเรื่องทั้งสองคน ถึงมิตรภาพ ความสัมพันธ์ ความสนิท และความเป็นเพื่อนของเด็กผู้หญิงทั้งสองคน ก่อนจะตัดสลับกับเหตุการณ์ในปัจจุบันตอนที่นางเอกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำงานในห้องทดลอง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียว บอกตรงๆว่าสนุกแบบกลางๆ ดูได้เรื่อยๆเหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังแอ็กชันเอาชีวิตรอดแบบเน้นเอามันส์ ยิงแบบสาดกระสุนให้ตายกับวิ่งฝ่าฝูงซอมบี้ แต่ตัวเอกกลับไม่โดนกระสุนยิงโดนสักนัด แถมยังรอดตายจากการกัดและการติดเชื้อจากเหล่าซอมบี้อีก คิดว่านักแสดงนำหลักทำออกมาได้ดีในด้านการแสดงสีหน้าหวาดกลัวแต่ก็ยังมั่นใจที่จะเอาชีวิตรอดจากเหล่าซอมบี้และต้องการจะช่วยเหลือเพื่อนสนิทที่โดนกัดที่มือและติดเชื้อซอมบี้ด้วยหนังค่อนข้างใช้สีมืดๆทึมๆนะ สลับกับโทนการถ่ายแบบ Coming Of Age ที่เน้นเรื่องราวที่เกิดภายในโรงเรียนและจิตใจของเด็กที่โดนเพื่อนแกล้ง คิดว่าเนื้อหาในเวอร์ชันเกมทำออกมาได้สนุกกว่า ลุ้นกว่า สมจริงกว่า ใครเป็นคอเกม Resident Evil ก็คงจะผิดหวังกับเวอร์ชันซีรีส์เวอร์ชันนี้ไป ส่วนผู้เขียนที่ไม่เคยเล่นเกมภาคนี้มาก่อนมองว่าเป็นหนังซอมบี้ที่ดูได้เรื่อยๆและรักษามาตรฐานจักรวาลของหนังผีชีวะได้ดีเลยนะคะแนนรีวิว 7.5/10 3. Remarriage & Desiresเล่าเรื่องราวของซอฮเยซึง ภรรยาหลวงที่จับได้วาสามีนอกใจและขอหย่ากับเธอหลังจากที่รู้จักกับจินยูฮี ชู้รักที่เข้ามาปอกลอกสามีของเธอจนหมดตัวจนเขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซอฮเยซึงที่ยอมไม่ได้จึงเข้าร่วมบริษัทิหาคู่สำหรับคนรวยที่มีสมาชิกเพียงแค่ 1 % เท่านั้นที่จะเข้าเป็นสมาชิกได้ เพียงเพื่อแก้แค้นให้สามีของตัวเองความรู้สึกที่ได้ดู บอกตรงๆว่าน้ำเน่าเป็นอย่างมาก คุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่สามีและผู้ชายที่เลือกคบแบบสุดๆ และจะเป็นผู้ชายอย่างเดียวไม่ได้ต้องมีสถานะ หน้าตา หน้าที่การงาน และฐานะที่ร่ำรวยมากๆแบบเว่อร์วังด้วย ถึงจะเป็นหน้าเป็นตาและเชิดหน้าชูตาศักดิ์ศรีของผู้หญิงได้ ซึ่งขอบอกตรงๆว่าหนังและซีรีส์เรื่องนี้อวยโลกปิตาเว่อร์ (ความคิดเห็นส่วนตัว) บทของหนังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลกับวัฒนธรรมเกาหลีเท่าไร ที่ทุกอย่างต้องปัลรีๆ ดูเหมือนมนุษย์แม่วัยกลางคนจะขาดความสนอกสนใจในการเรียนและการศึกษาของลูกมากกว่าที่ควรจะเป็น แต่กลับสนใจในการแก้แค้นภรรยาน้อยของสามีเก่าแทนแบบเข้าข่ายดราม่าดุเดือดเอามากๆ ปกติออมม่าเกาหลีทำทุกอย่างเพื่อการศึกษาของลูกจะตายชนิดถ้าจะลงไปแข่งเรียนแทนได้ก็คงจะทำไปแล้ว เลยมองว่าซีรีส์เรื่องนี้เหมือนรีเมคมาจากหนังประเภท ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเท่าเสียผู้ชายให้ใคร มากกว่าที่จะเป็นซีรีส์เกาหลีจริงๆ แต่ก็เป็นซีรีส์เกาหลี ชอบคนที่มารับบทแสดงเป็นจินยูฮี ดูร้ายๆปากแดง หน้าเหวี่ยง จิกเป็นจิก จิกทะลุกล้อง อินเนอร์ร้ายทะลุจอมากๆ ชอบคะแนนรีวิว 7.5/104. Persuasionเล่าเรื่องราวของแอนน์ ลุกสาวคนกลางของครอบครัวเอลเลียตที่สร้างมาจากหนังสือของแจน ออสเต็นในยุค 90s ในเรื่องเดียวกัน ที่ให้ความรู้สึกได้ถึงพลังความเพ้อฝันของเด็กสาววัยรุ่นเป็นอย่างมากในยุคเมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ที่ผู้หญิงไม่ค่อยมีอิสระทางความคิดมากนัก และถูกจำกัดกรอบทางความคิดให้เป็นได้แค่แม่หรือภรรยาของใครสักคนความรู้สึกที่ดู ถ้าเทียบกับนิยายและวรรณกรรมของแจน ออสเตน หนังเรื่องนี้ขาดเสน่ห์และความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยรวมค่อนข้างผิดหวัง เหมือนคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้นำหนังสือวรรณกรรมสุดยอดศิลปะของแจน ออสเตน มายำจนเละ จนกลายเป็น meme ล้อเลียน นี้ไม่ใช่หนังสือของแจน ออสเต็น แถมภาษาที่ใช้ในเรื่องก็เป็นภาษาสมัยเก่า โบราณ ไม่ได้เข้ากับยุคสมัยนี้แต่อย่างใด แต่ถ้าใครนั่งดูเอาฟินเสพเคมีของนักแสดงเฉยๆระหว่างดาโกตา จอห์นสัน และพระเอกก็ได้อยู่ คุณภาพงานภาพ และการใช้โทนสีในหนังแบบคุมโทน คุมมู้ด และฟีลหนังของเรื่องที่ให้กลิ่้นอาย Pride & Perjudice เอาจริงๆมองว่าวรรณกรรมของแจน ออสเต็นนั้นมีความคิดที่ดีกว่าละเอียดกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มากหลังจากอ่านจบ Persuasion ปี 2022 ทำลายผลงานและความคิดที่ทรงพลังของแจน ออสเต็น แต่ใครที่ไม่เคยตามผลงานหนังสือมาก่อนก็อาจจะตกหลุมรักในบทหนังที่เพ้อฝัน หวานละมุน และโรแมนติกได้ง่ายๆ แต่โดยรวมมองว่าน่าผิดหวังนะหลังจากอ่านหนังสือของแจนที่เขียนโดยแจนจริงๆจบแล้วคะแนนรีวิว 5.5/105. Hurts Like Hellsเล่าเรื่องราวการตีแผ่ความจริงของวงการมวยที่แบ่งเป็นเรื่องสั้นสี่ตอนโดยแบ่งเป็นเรื่องราวของนักพนันมวยที่เรียกตัวเองว่าเซียนพนัน กรรมการตัดสินบนเวที เสี่ยที่คุมเวทีมวย และนักมวยเด็กที่มีนิสัยทะเยอทะยานกับครูฝึกความรู้สึกที่ดูคือแค่เริ่มต้นเปิดเรื่องมาก็โคตรมันส์แล้ว ขอบอกตรงๆว่าหนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้ทำให้คนดูไม่รู้เลยว่าเรากำลังจะเจอกับอะไรอยู่ ก่อนที่ตัวหนังกึ่งสารคดีเรื่อง Hurt Like Hells จะทำให้เราดำดิ่งไปสู่ด้านมืดของวงการมวย ราวกับเราเข้าไปนั่งในสนามมวยข้างๆกับคนที่เขาต่อยกันจริงๆ แสงสีเสียงองค์ประกอบฉากมองว่าค่อนข้างสมจริงจนน่ากลัวเลย อย่างกับเราได้ลุ้นเชียร์ด้วยจริงๆในฐานะคนดูและนักมวยต่อยจริงเจ็บจริง แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ค่อยมีความรู้หรือสนใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับวงการมวยในเมืองไทยก็ตาม แต่ก็ได้ความรู้เรื่องมวยจากสารคดีเรื่องนี้ไปเยอะพอสมควรทั้งประเด็นทางสังคมที่เป็นปัญหา และวงการมาเฟียพนันทีมีอยู่คู่วงการมวยไทยจริงๆคะแนนรีวิว 8.5/106. Incantationhttps://m.youtube.com/watch?v=HnyNZdcL_GYเล่าจากเรื่องจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นของครอบครัวของหลี่รู่หนาน ที่ลูกสาวคนเล็กป่วยเป็นโรคประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้ หมอก็รักษาไม่ได้ ร่างทรงต่างบอกว่าโดนผีเข้า จนกระทั่งครอบครัวของเธอโดนผีเข้าทั้งบ้านนานเป็นเดือนๆความรู้สึกตอนที่ดู นี้คือหนังกึ่งสารคดีจากประเทศไต้หวันที่มีเนื้อหาที่น่ากลัวและดีที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยดูในปี 2022 เลย เทคนิคการถ่ายภาพทั้งการถ่ายแบบ Footage แบบถ่ายจากบุคคลที่สามและส่องไฟฉายไปในสถานที่มืดๆ การใช้ CG เลือด และการใส่ sound effect ทำบรรยากาศหลอนๆหลอกคนดู อาจจะมีบางจังหวะที่ตัวหนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้ดูตุ้งแช่ และเทคนิคการถ่ายทำก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่กลับหลอกคนดูได้อยู่หมัดและกลับดูน่ากลัวแบบค่อยๆสั่นประสาทและขวัญผวาไปทีละนิดๆ ก่อนจะเพิ่มระดับความน่ากลัวในจิตใจคนดูอย่างถึงที่สุดตอนช่วงท้ายเรื่อง เอาจริงๆเป็นหนังกึ่งสารคดีที่น่ากลัวมากๆและลุ้นระทึกเรื่องหนึ่งเลย แบบที่ถ้าไม่ได้ดูคงจะรู้สึกเสียดายแน่เลย แม้จะมีบางช่วงในเรื่องที่ดูน่าเบื่อไปบ้างก็ตาม แต่นี้คือหนังกึ่งสารคดีที่บอกตรงๆว่าน่ากลัวและสยองขวัญที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยดูจริงๆ คะแนนรีวิว 10/107. La La Landเล่าเรื่องราวของดินแดนความฝันและความรักของสองหนุ่มสาวที่เชื่อว่าความฝันทุกความฝันในชีวิตของคนเราทุกคนเป็นไปได้ ในมหานครนิวยอร์ก แม้ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ตามความรู้สึกตอนที่ดู นี้เป็นหนังรักโรแมนติกที่มีเนื้อหาแบบผิดหวังโรแมนติกที่สมจริงใช้ได้และมีเหตุผลพอสมควรด้วย สำหรับการเจอกันและจากลากันของคนสองคน ชีวิตและความฝันทีสวนทางกัน มันเป็นเรื่องปกติที่คนสองคนจะเจอกัน ตกหลุมรักกัน เลิกกัน และจากลากัน เอาตรงๆถ้าตัดเรื่องความรักที่โรแมนติกและไม่สมหวังของคนสองคน นี้ก็เป็นหนังมิวสิคคัลยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของปี 2016 ที่นำมาลง Netflix ในปี 2022 ที่แฟนหนังไม่ควรพลาดเลย เพราะมิวสิคคัลเยี่ยมมากๆ จริงๆผู้เขียนไม่ค่อยสนใจเพลงแจ๊ส ก็ทำให้รู้สึกตกหลุมรักเพลงแจ๊สได้ง่ายๆเลยจากหนังเรื่องนี้ เต็มที่ทั้ง Perfomance ที่น่าประทับใจ และเสียงร้องที่ทรงพลังของนักแสดงทุกๆคนในเรื่องจริงๆ โดยรวมก็ชอบมากๆคะแนนรีวิว 10/108. The Sea Beastเล่าเรื่องราวการออกผจญภัยของเมซี่ เด็กสาวกำพร้าที่ฝันอยากเป็นนักล่าอสูร ได้แอบขึ้นเรือล่าอสูรของเจคอบ ที่ต้องการล่าอสูรเพื่อเงินรางวัลเท่านั้น จนกระทั่งเรือที่โดยสารทั้งสองคนล่ม และพาพวกเขาไปติดในรังของอสูรทะเล ที่พวกเขาตามล่ามานาน ความสัมพันธ์และความผูกพันแปลกๆจึงเกิดขึ้นระหว่างสองเผ่าพันธ์ที่แตกต่างและเป็นศัตรูกันมานาน ความรู้สึกที่ดูคืออนิเมชันเหมาะกับยุคนี้เป็นอย่างมาก ที่เราทำตามสิ่งที่เราถูกบอกมาอย่างย่าวนานและถูกสอนให้ทำตามสิ่งที่ถูกเขียนบนหนังสือเท่านั้นตั้งแต่เด็กๆ และเราไม่รู้เลยว่าทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้น เราไม่เคยตั้งคำถามหรือสงสัยในสิ่งที่เราถูกบอกให้ทำต่อๆกันมา แม้ว่าเรื่องๆนั้นจะสร้างปัญหาให้กับชีวิตเรามายาวนานก็ตาม โดยที่เราไม่เคยเป็นฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์เลยจากการทำตามๆกันมา แต่กลับเป็นเพียงกลุ่มคนจำนวนล็กๆเพียงกลุ่มเดียวที่ได้ผลประโยชน์มาตลอดจากความขัดแย้งที่สร้างขึ้นมาระหว่างสองเผ่าพันธ์ ในสงครามที่ไม่มีใครต้องการ แสงสีเสียงองค์ประกอบฉากของอนิเมชันเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างสวย คุณภาพเหมือนกำลังเสพงานจาก Pixar การดำเนินเนื้อเรื่องรวดเร็ว และเนื้อหาก็ย่อยง่าย บันเทิง และสนุกดีคะแนนรีวิว 9.5/10 9. The Lobsterเล่าเรื่องราวของเดวิด ผู้ชายที่เพิ่งหย่ากับภรรยา และต้องเข้าโรงแรมหาคู่ก่อนที่จะเปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์ The Lobster เล่าเรื่องของโลกอนาคตที่จำลองเหตุการณ์ว่าความโสดเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย คนที่โสดจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์อะไรก็ได้ที่เจ้าตัวต้องการ และเดวิดต้องการจะเป็นกุ้งล็อบสเตอร์จนเป็นที่มาของเรื่อง The Lobsterความรู้สึกที่ดู สัมผัสได้เลยว่าผู้กำกับยอร์กอส ลานธิมอสที่สร้างหนังเรื่องนี้มีนิสัยเบื่อหน่ายการเสแสร้งบนโลกใบนี้เต็มทน ที่คู่แต่งงานทำเหมือนรักกัน ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รักกันมากเท่าที่แสดงออกให้คนอื่นมองเห็นมากขนาดนั้น ซ้ำร้ายยังมีความเบื่อหน่ายกันเองและอยากจะหาทางแยกตัวออกมาใช้เวลาอยู่คนเดียวในพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่มีคนอีกคนหนึ่งอีก ส่วนคนโสดก็ทำเป็นชื่นชมบูชาหวงแหนและรักในความโสดของตัวเอง แต่ก็อิจฉาคนที่มีแฟน และมีความรักตลอดเวลา บอกตรงๆ เนื้อหาในหนังเรื่องนี้มีความตลกร้ายหลายอย่างแต่สิ่งที่ทัชหัวใจของผู้เขียนจริงๆก็คือความลังเลของเดวิด อาจจะตั้งแต่วินาทีที่เดวิดเดินเข้ามาในโรงแรมนี้เลย ที่พนักงานโรงแรมถามเดวิดว่าคุณชอบเพศอะไร และเดวิดตอบว่าชอบผู้หญิงนะ แต่ก็เคยคบกับผู้ชายมาก่อน และบริกรโรงแรมต้องถามเดวิดถึงสองครั้ง เดวิดถึงจะตอบคำถามได้ ไหนจะฉากที่เขาเลือกที่จะเฟคตัวตนของเขาขึ้นมาเพื่อคบกับสาวโหดแม้ว่าความจริงเขาจะไม่ได้เป็นคนแบบนั้นก็ตาม หรือฉากที่เขาเข้าร่วมกลุ่มคนโสดแล้ว แต่ก็ยังมองหาคนที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกับตัวเขาตลอดเวลา มู้ดโทนของหนังออกมาค่อนข้างนิ่ง เงียบ และมีดนตรีระทึกขวัญสั่นประสาทคนดูแบบเงียบๆหลอนๆตามสไตล์ของยอร์กอสที่อยากให้คนดูไปทายกันเองว่าเส้นเรื่องของหนังจะเล่นมาแนวไหน ซึ่งบอกตรงๆว่าไม่สามารถคาดเดาได้เลย The Lobster จึงเป็นหนึ่งในหนังโปรด หนังในดวงใจผู้เขียนที่หากมีโอกาสดูซ้ำก็คงจะดูอีกรอบที่อยากจะนำมาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกันคะแนนรีวิว 100/1010. School Tales The Seriesเล่าเรื่องสั้นสยองขวัญแปดเรื่องจากฝีมือของแปดผู้กำกับที่เล่าเรื่องผีที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนแปดเรื่องเล่าแปดมุมมองแปดฝีมือจากแปดผู้กำกับที่มีตั้งแต่เรื่องของคนที่เจอผีในห้องเรียนตอนเช้า คนที่เจอผีในโรงอาหาร คนที่เจอผีในห้องสมุด ไปจนถึงกลุ่มคนที่ล่าท้าผีเพื่อพิสูจน์ความเชื่อว่าผีในโรงรเียนไม่มีจริงและวิทยาศาสตร์ดีกว่าเรื่องเล่าความรู้สึกที่ดู น่ากลัวแบบกลางๆนะ มีบางตอนที่ออกแนวซาบซึ้งในพระคุณครูหรืออาจารย์ในรั้วโรงเรียนที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความหวังดีมากกว่าการสอนให้ความรู้เด็กนักเรียนในโรงรียน ฉากตลกคอมเมดี้กวนๆก็ทำออกมาได้ฮาจริง ฉากที่น่ากลัวหลอนๆระทึกขวัญชวนลุ้นชวนติดตามก็ทำออกมาได้สนุกใช้ได้ บางตอนคือโคตรหลอนโคตรน่ากลัวเลย แต่บางตอนก็ค่อนข้างตุ้งแช่ มีการดำเนินเนื้อเรื่องแบบที่กลางๆ ไม่ไวเกิน ไม่ช้าเกิน กำลังพอดีกับความเข้าใจของคนดูที่ตัวซีรีส์อยากจะสื่อความหมายที่แฝงไว้ในแต่ละอีพีให้ผู้ชมทราบแรงจูงใจของผู้กำกับเลย ทั้งปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนที่ไม่ได้รับการแก้ไขและไม่มีผู้ใหญ่คนไหนในโรงเรียนมาให้ความสนใจ ปัญหาการใช้ความรุนแรง ปัญหาการบูลลี่ ที่ในบางครั้งสังคมในโรงเรียนก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ จนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆภายในเรื่อง มู้ดโทนแสงสีเสียงองค์ประกอบฉาก sound effect ในบางตอนก็ทำออกมาได้ดี สมจริง มีเหตุมีผล แต่ในบางตอนก็ทำออกมาตุ้งแช่ น่ารำคาญ ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร ตอนที่ผู้เขียนชอบที่สุดคือตอนที่หก มันเป็นตอนที่จับต้องได้ดี ในโลกที่คนเราสนใจเสพสื่อโซเชี่ยลมีเดียมากกว่าที่จะใช้ชีวิตในชีวิตจริงๆคะแนนรีวิว 9.5/10จบไปแล้วนะคะกับ 10 หนัง/ซีรีส์ น่าดูจาก Netflix ที่ผู้เขียนอยากจะมาแนะนำให้เพื่อนๆดูในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ในปีนี้ หากเพื่อนๆคนไหนมีหนังแนวไหนอยากจะแนะนำหรืออยากจะให้ผู้เขียนไปดูเพื่อนำมารีวิวก็คอมเมนท์ความเห็นกันเข้ามาได้เลยนะบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิว First kill season 1 (2022) รับชมได้ทางช่อง Netflixรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Link : Eat Love Kill (2022) ซีรีส์แฟนตาซีที่ไว้ใจใครไม่ได้เลย10 ซีรีส์/หนังโปรดของผู้เขียนที่สามารถรับชมได้ทางช่อง Netflix ปี 2022รีวิว Hurt Like Hell เจ็บเจียนตาย (2022) ตีแผ่วงการมวยได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 8 / 9 / 10 โดย Netflix/ 6 โดย Youtube : Netflix Asiaรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 8 / 9 / 10 โดย Netflix/ 6 โดย Youtube : Netflix Asiaจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !