รีเซต

จุดเริ่มต้นขับรถส่งอาหาร! อ๊อฟ ศุภณัฐ เผยแม่คือผู้จุดประกาย พร้อมเล่าความประทับอาชีพใหม่ (มีคลิป)

จุดเริ่มต้นขับรถส่งอาหาร! อ๊อฟ ศุภณัฐ เผยแม่คือผู้จุดประกาย พร้อมเล่าความประทับอาชีพใหม่ (มีคลิป)
MusicHot
28 มิถุนายน 2564 ( 14:16 )
270

สำหรับวิกฤตการณ์จากโควิดนับได้ว่าทำให้คนบันเทิงหลายๆคนต้องปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ เพราะงานทุกอย่างที่เคยทำแทบจะหยุดไปทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักร้องหนุ่มในนาม เจ้ากระรอกน้อย อ๊อฟ ศุภณัฐ ที่ได้รีบผลกระทบจากโควิดครั้งนี้เต็มๆเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าตัวได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เผยว่าในช่วงที่งานหยุดชะงักตัวเองก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเช่นเดียวกันโดยเลือกที่จะไปรับหน้าที่เป็นไรเดอร์ส่งอาหารนั้น หนุ่มอ๊อฟ เผยว่าที่มาที่ไปเพราะ คุณแม่ พร้อมกับเล่าความประทับใจในการทำหน้าที่นี้ว่าทำให้ตัวเองได้เจอกับอะไรหลายอย่าง และคนหลายรูปแบบมากๆ

เห็นว่าก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกเพลง ทำเพลงออกมาด้วย
อ๊อฟ ศุภณัฐ : ฉลองระลอกที่ 3 เลยครับ ออกเมื่อเดือน ธันวาคม พอเพลงออกปุ๊บ !! โควิดมาเลยครับ ต้องบอกว่าสำหรับโควิดที่มาคือ ผมได้รับผลกระทบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ กล้าตอบได้อย่างมั่นใจเลยครับ เพราะว่างานของผมส่วนมากคือจะเป็นงานคอนเสิร์ตเพราะงานที่ถูกยกเลิกไปผมไม่ได้นับเป็นงานแต่นับเป็นเดือนๆคือถูกยกเลิกงานมา 9-10 เดือนแล้วครับ คือ คอนเสิร์ต อย่างละครที่ก่อนหน้านี้ปลดล็อคไปหน่อยเราก็ไปถ่ายบ้างในช่วงระลอกที่ 1-2 เพราะงานละครเป็นหลักอยู่แล้วพอเราได้ไปถ่ายหน่อยเราก็ใจชื่นขึ้นมาบ้าง แต่ช่วงนี้แหละละครคือ ก็ไม่มีเลยไร้วี่แววเลยครับ คือ นอนอยู่บ้านเฉยๆเลย คือ นอนขี้เกียจอยู่บ้านเลยเพราะว่าผมทำตามนโยบายไงครับ เพราะคนที่ทำอาชีพนี้ห้ามออกไปไหนต้องอยู่บ้านห้ามเจอผู้คนเราก็เลยต้องหาอะไรที่เราพอทำได้ ผมก็โหลดเกมส์มาเรียกว่าเป็นเด็กติดเกมส์อยู่หลายเดือนนะครับ ใช้คำว่าติดเลยครับ เพราะว่าเราเล่นจนเราต้องใช้เงินในการเล่นเลย แล้วมารู้ตัวอีกครั้งคือ มีแต่ค่าใช้จ่ายเลยครับ

จนในที่สุดเราก็เห็นจากข่าวว่า อ๊อฟ ไปเป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหาร
อ๊อฟ ศุภณัฐ : ใช่ครับ เพราะว่ามันเหตุการณ์ลงที่บ้านของผม คุณแม่ ยิงระเบิดใส่ผมแบบว่า จะอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ประมาณนี้เลยครับ แล้วคือคุณแม่มาว่าผมแรงเลยคือท่านก็มาเคาะประตูห้องผมแบบแรงเลยแล้วตะโกนว่า อ๊อฟ ตื่นได้แล้วจะมานอนไม่เอางานไม่เอาการแบบนี้ไม่ทำมาหากินอะไรเลย อย่าให้ใครเขารู้นะเดี๋ยวเขาจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนนะลุกขึ้นมาทำตัวให้มีค่าหน่อย ตอนนั้นคือ ผมฟื้นขึ้นมาทันทีเลยครับ แล้วมามองตัวเองก็จริงแบบที่แม่ว่าทำไมช่วงนี้เราดูไม่มีค่าเลยมันดูชีวิตไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย เพราะว่าเราเป็นขยัน อย่างเข้าฟิตเนส อาทิตย์หนึ่งก็ต้องห้าวันงานก็ต้องทำตื่นเช้าตลอด แล้วมามองตอนนั้นคือ ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากๆเราก็มานั่งคิดทำยังไงให้ตัวเองดูมีค่า เพราะว่าแม่รู้สึกไม่ภูมิใจในตัวเรามันเลยคิดตอนนั้นเดี๋ยวนั้นเลยว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เราก็เริ่มมองหาก่อนเลยว่าทำอะไรดีที่มันยังไม่ต้องลงทุนแต่เอามาทำได้เลย แล้วเราก็คิดได้ว่าเวลาที่เราไปดูหนังกับแฟน หรือเราไปต่างจังหวัดเราเห็นคนพวกนี้อยู่ทุกที่เลยเราก็คุยกับเขาว่าชีวิตของเขาเป็นยังไงเราก็ค่อยๆศึกษา เราเลยอยากเป็นเดลิเวอรี่แมนเพราะเราก็เป็นคนที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้วแล้วก็ออกทริปกับเพื่อนๆ ก็ได้มาเริ่มคิดได้อีกอย่างว่าเวลาที่เราออกทริปไปแต่ละครั้งคือค่าใช้จ่ายสูงมากเพราะต้องมีค่าน้ำมัน ค่าที่พักมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น เราก็เลยมานั่งคิดว่าทำไมเราไม่เอาสิ่งที่เราชอบมาทำให้มันมีรายได้ เลยคิดว่าต้องทำสักยี่ห้อแล้ว เราเลยมานั่งศึกษาอย่างจริงจังซึ่งสิ่งที่เราอยากจะลงมือทำให้เร็วที่สุดในตอนนั้นคือ ทำให้แม่ภูมิใจ ส่วนเรื่องเงินเราไม่ได้รู้สึกอะไรตรงนั้นอยู่แล้วว่าจะได้มากหรือน้อยเพราะว่าเราเป็นคนคิดบวก คติประจำใจเรา รวยฉันก็อยู่ได้ จนฉันก็อยู่ได้สบาย

แต่ก็มีหลายๆคนที่ตั้งคำถามว่าเรา ตกอับแย่แล้วไม่มีกิน
อ๊อฟ ศุภณัฐ : ต้องบอกว่ามันยังก่ำกึ่งอยู่ครับ ไม่ใช่ไม่ประสบผลปัญหาอะไรนะครับ เพราะว่าถ้าเราไม่คิดถึงในอนาคตในระลอกๆต่อไปถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมการเอาไว้ก่อนมันจะหนักกว่านี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเราต้องอยู่กับมันอีกกี่ระลอกนะครับ ทุกวันนี้ผมมีค่าใช้จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าคอนโด คือเดือนละแสนห้า ตอนแรกที่เรานอนเฉยๆอยู่ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาตอนนี้คือ มันเยอะมากๆเลย

แล้วงานที่เราทำคือ เราขอแม่ก่อนไหมหรือ ว่าไปทำก่อนแล้วค่อยมาบอก
อ๊อฟ ศุภณัฐ : พอเราไปสอบแล้วผ่านเราก็มาบอกคุณแม่ เขาก็ตื่นเต้นมากเลยครับ แล้วก็ถามว่าเราต้องทำยังไง คือ แม่ดีใจมาก แม่คืออนุญาตให้ทำเลยครับ แต่แฟนของเราคือเขาห่วงเราในวันที่เขายังไม่เข้าใจเขาก็จะหาเหตุผลต่างๆนานาๆมาบอกเราว่าอย่าทำเลย แต่พอเราอธิบายเขาไปให้เห็นข้อเท็จจริงแล้วมันก็ไม่น่าห่วงจริงๆ ถ้าจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ ตอนออกทริปน่าห่วงกว่านี้อีก คือ เวลาที่เราขับส่งของ คือเราก็ขับตาม GPRS แล้วรถก็ติดด้วยผมต้องขอโทษลูกค้าทุกครั้งเลยเพราะว่ามอเตอร์ไซส์ของผมมันคันใหญ่มากๆแล้ว คือมันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยเพราะว่ามันช้ามาก ถามว่าคุ้มค่าส่งไหม คือ ต้องบอกแบบนี้ครับ มันไม่เข้าเนื้อแต่มันอาจจะไม่คุ้มเท่ารถคันเล็กๆครับ

มีไหมที่เวลาที่ไปส่งของแล้วคนจำได้
อ๊อฟ ศุภณัฐ : มีทั้งจำได้และไม่ได้ครับ แต่คนที่จำได้จริงๆ คือ เขาจะดีใจมากเพราะเขาจะงงตั้งแต่เสียงมอเตอร์ไซส์ที่ดังตั้งแต่เข้ามาที่หมู่บ้านเขาแล้ว แล้วพอเราเปิดหน้าให้เขาดูเขาก็บอกว่า ว่าแล้วทำไมหน้าคุ้นๆจัง แล้วบางคนก็บอกว่าจำได้ตั้งแต่ที่เห็นรูปเราเวลาที่สั่งของแล้ว

เห็นบอกว่ามีเคสหนึ่งที่ประทับใจมาก คือ ไปเซอร์ไพรส์ วันเกิด
อ๊อฟ ศุภณัฐ : นั่นคือ ทำงานวันแรกเลยครับ วันแรกคือ ผมตื่นเต้นมากทำอะไรไม่ถูกเลย สิ่งที่เราจะกลัวที่สุดก็คืองานที่ไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ลูกค้า สิ่งที่ผมกลัวคือ ขิง ข่า ตะไคร้ หรือ ใบอะไรที่แปลกๆเรากลัวว่ามันจะอยู่ตรงไหน

 

นอกจากจะสร้างความดีใจให้กับลูกค้าแล้ว ไรเดอร์คนนี้ยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอีก
อ๊อฟ ศุภณัฐ : ต้องบอกว่ามันเหมือนยันต์กันอะไรบ้างอย่างครับ ของสมนาคุณที่ผมติดไปมันคือ มะม่วงหาวมะนาวโห่ครับ สามรส ครับ พ่อทำแม่แพคครับ แต่ไม่ได้ทำขายนะครับ เพราะว่ามันมีบางเคสที่เสี่ยงต่อการโดนตำหนิมากๆผมก็จะติดเอาไว้เผื่อถ้ามีอะไรฉุกเฉินมันก็เป็นการมอบให้ลูกค้าเป็นการขอโทษครับ

ในอนาคตเราวางแผนไว้ยังไงไหม จะขับรถอยู่แบบนี้หรือว่าเราจะไปทำธุรกิจอื่นไหม
อ๊อฟ ศุภณัฐ : ช่วงนี้เราก็เป็นช่วงที่เราหาประสบการณ์ไปก่อนไหนๆมาทำแบบนี้ไว้แล้วผมเลยสมัครอีกบริษัทหนึ่งไว้เกี่ยวกับรถอีโคคาร์คือ สามารถส่งของได้ทั่วประเทศ อยากจะศึกษาไว้ เพื่อว่ามอเตอร์ไซส์ขี่ไม่ไหว ก็ไปขับรถยนต์แทนครับ

 

 

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวม
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี