เครดิตภาพ Facebook Officialเรื่องราวต่อจากภาคแรก หลังจากที่กัปตันอเมริกาหรือสตีฟ (Chris Evans) หลับไหลไปยาวนานในสภาพถูกแช่แข็งถึง 70 ปี หลังจากตื่นขึ้นมา สตีฟ ก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ที่นิวยอร์ค เพื่อนในหน่วยชิลด์กำลังตกอยู่ในอันตราย สตีฟกับแบล็ควินโดว์ หรือ นาตาชา โรมานอฟ (Scarlett Johansson) ก็ร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงแผนลับบางอย่าง แต่เมื่อทั้งคู่กำลังจะตกหลุมพราง เขาทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจาก เดอะฟอลคอน (Anthony Mackie) ซึ่งจะนำไปสู่ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าที่คิดหลังจากภาพยนตร์ภาคแรกที่ถูกฉายออกไปก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด แต่สังเกตไหมครับว่าภาคแรกถ่ายทำในบรรยากาศที่ดูเก่า ๆ ชวนอึดอัด และข้อสังเกตคือชุดของกัปตันเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเชย และความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าคนอื่น นี่คงเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้ภาค 2 สร้างออกมาแก้ตัวและปรับปรุงภาพลักษณ์เก่า ๆ จากภาคแรกเครดิตภาพ Facebook Officialในส่วนของภาค 2 หนังฉีกแนวจากสงครามเก่า ๆ ไปเล่นกับการสืบสวนสอบสวน การหักหลังและการเป็นสายลับ เหมือนเป็นภาคที่เปิดตัวโรมานอฟนั่นเอง คล้าย ๆ เจมส์บอนด์แฟนตาซีเล็ก ๆ นั่นเอง หนังมาร์เวลส์หลัง ๆ มานี่ผมรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนมากขึ้นทุกที สีสันมันก็มากไปทำให้ดูแฟนตาซีเกินมาก ๆ ซึ่งกัปตันภาคนี้ก็จะพยายามตบมาร์เวลส์ให้เข้าที่เข้าทางใครที่ดูและงงว่าหน่วยชิลด์คืออะไร ในเรื่องจะไม่บอกอะไรมาก แต่ว่ามาร์เวลส์มีซีรี่ส์ Agent of S.H.I.E.L.D ด้วย ใครที่ชอบองค์สืบสวนสอบสวนก็ลองไปหาดูกันนะครับ เพราะมีความเชื่อมโยงกับกัปตันภาค 2 ด้วย และด้วยเหตุผลที่หนังพยายามสอดแทรกแนวคิดการเป็นสายลับสืบสวนสอบสวน ก็อาจจะเป็นเพราะต้องการปรับพฤติกรรมและความไม่ทันโลกที่ต้องนอนแข็งไปตั้ง 70 ปี ให้กลับมาตามโลกทัน และหนังภาคนี้ก็บอกใบ้เป็นนัย ๆ ด้วยนะครับว่าทำไมกัปตันอเมริกาถึงได้เป็นหัวหน้าทีมอเวนเจอร์ เพราะความเป็นผู้นำในภาค 2 นี่เองเครดิตภาพ Facebook Officialช่วงแรกของหนังปูมาแจ่มเลยครับทั้งเนื้อเรื่อง ความบู๊ แต่สิ่งที่ทำให้มาร์เวลส์ตกม้าตายก็คือฉากจบของหนัง คือมันซ้ำกันแทบจะหมดคือจบแต่มี End Credit ปูไปภาคต่อไปหรือหนังเรื่องต่อไป กลับมาที่สิ่งที่เป็นมุกใหม่ของภาคนี้คือพลิกบทมาเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน ข้อดีคือมันใหม่ ข้อเสียคือมันจบไวและเดาง่ายครับ มันสนุกครับแต่มันไม่ค่อยลุ้นเท่านั้นเองและสิ่งที่พลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัยคือตัวอย่างหนังที่เผยจุดสำคัญและตัวละครสำคัญในตัวอย่าง (ความเป็นจริงไม่ควรมี) เลยทำให้ผมแค่เหมือนไปดูเฉย ๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย นี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามไม่อยากดูตัวอย่างหนังมากนัก แต่ไม่เป็นไรหนังก็คือหนัง ยังพอดูให้สนุกสนานได้คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ตัดเรื่องการเดาง่ายของบทภาพยนตร์ออกไป หนังฉีกเรื่องจากสงครามยุคเก่ามาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่กัปตันนอนแข็งมากว่า 70 ปี ถือว่าทำได้ไม่เลว แถมหนังยังแอบใบ้เป็นนัย ๆ สำหรับเหตุผลที่กัปตันได้เป็นหวัหน้าของทีมอเวนเจอร์คะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังเพิ่มส่วนที่เป็น CG และเอฟเฟคต์มากขึ้นเพราะหนังเพิ่มฉากบู๊ของกัปตันมากกว่าภาคเก่า และลีลาการต่อสู้ของโรมานอฟที่ถือว่าเป็นภาคเปิดตัวของเธอก็ทำได้ไม่เลวเลย ภาคนี้ทำให้ผมคิดว่า ภาคถัดไปอาจจะเป็นภาคที่เชื่อมโยงกับตัวละครอเวนเจอร์ เพื่อพาหนังกัปตันอเมริกาเข้าสู้ความเป็นBigBossของอเวนเจอร์นั่นเองเครดิตภาพ Facebook Officialข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. ความเป็นผู้นำของกัปตันอเมริกา ภาคนี้การดำเนินเรื่องในแนวสืบสวนสอบสวนและการทำงานกันเป็นทีมกับโรมานอฟ ทำให้เราเห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและแน่วแน่ของกัปตัน และเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบก่อนที่จะสั่งออกไป2. ความสามารถของโรมานอฟ นอกจากจะสวยและเก่งแล้ว โรมานอฟยังมีความฉลาดในแบบที่สายลับควรจะมี ทำให้โรมานอฟกลายมาเป็นตัว Mainหลักของทีมอเวนเจอร์เช่นกัน แม้จะไม่มีพลังพิเศษ แต่ความเป็นสายลับและความสามารถของเธอก็โดดเด่นมากนั่นเองภาคนี้ถือว่าทำได้ดีมากครับ แก้เกมส์จากภาคแรกได้อย่างดีเลิศ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแนวจากหนังบู๊สงครามโบราณ มาเป็นการสืบสวนสอบสวน และทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น เครดิตภาพปก Facebook Official