Series ReviewShogun (2024)หลอกคือจริงจริงคือหลอก ใจมนุษย์สุดหยั่งถึง ละเมียดละไมเข้มข้นทุกหยาดหยดเมื่อทุกคนคือหมากในกระดานชิงอำนาจบางครั้งการดูหนังดูซีรีส์ที่เป็นเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์นั้นความรู้หรือไม่รู้เรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่มาเป็นสารตั้งต้นของบทหนังบทละครก็มีส่วนทำให้อรรถรสในการรับชมดีขึ้นหรือแย่ลงแล้วแต่บุคคล เพาะบางครั้งคำว่าอิงประวัติศาสตร์ก็คือการเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาดัดแปลงตัดต่อเติมแต่งให้มีความบันเทิงในรูปแบบต่างๆจะแอ็กชันหรือดราม่าและบางครั้งก็ไปทางคอมมิดี้ด้วยซ้ำ ทว่าหากรู้ประวัติศาสตร์มากเกินไปก็อาจทำให้ปล่อยวางไม่ได้จนกลายเป็นมองว่าเป็นการบิดเบือนแต่หากไม่รู้เอาเสียเลยก็จะจับต้นชนปลายยาก เอาเป็นว่าการดูหนังดูซีรีส์อิงประวัติศาสตร์อาจต้องพอรู้เรื่องราวไว้บ้างแต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องจริงมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เห็นในจอเช่นเดียวกับซีรีส์ฝรั่งโปรดักชั่นญี่ปุ่นเรื่องนี้ที่ผู้เขียนพอรู้แค่โครงสร้างการปกครองของญี่ปุ่นโบราณจากที่เคยอ่านการ์ตูนมาบ้าง แล้วเมื่อมาดูเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องสร้างจากนิยายที่เขียนจากปลายปากกาของคนตะวันตกที่มองเกมการแย่งชิงอำนาจในญี่ปุ่นโบราณก็เลยเข้าใจในความไม่เข้าใจอยู่บ้างกระนั้นซีรีส์เรื่องนี้ก็มีดีพอให้ต้องรอคอยตอนต่อไปในแต่ละสัปดาห์ในยุค 1600 ยุคที่ญี่ปุ่นโบราณอยู่ในระบบศักดินาการแก่งแย่งชิงอำนาจระหว่างขุนศึกที่ถูกแต่งตั้งเป็นอุปราชห้าคนโดยคาสึนาริ อิชิโดะ (ทาคาฮิโระ ฮิระ) ได้หลอกลวงให้โยชิอิ โทรานางะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) มากักขังไว้ที่ปราสาทโอซาก้าเพื่อลงมติปะหารโทรานางะด้วยข้อหาอุกฉกรรจ์ ทว่าโทรานางะก็ใช้อุบายหลบหนีไปยังแคว้นอิซุเมืองเล็กๆติดชายทะเลที่ปกครองโดยหนึ่งในขุนพลของเขาคือคาชิกิ ยาบูชิเกะ (ทาคาโนบุ อาซาโนะ) และที่นี่โทรานางะได้พบกับจอห์น แบล็ดธอร์น (คอสโม จาร์วิส) กะลาสีชาวอังกฤษที่ล่องเรือฝ่าคลื่นลมมาถึงญี่ปุ่นเพื่อเป้าประสงค์บางประการ แล้วชาวต่างชาติก็ได้มาเป็นตัวแปรในการศึกของโทรานางะที่จะช่วงชิงอำนาจหรือรักษาชีวิตไว้เขาจึงให้ท่านหญิงโทดะ มาริโกะ (แอนนา ซาวาย) มาเป็นล่าม กระนั้นเมื่อครอบครัวของโทรานางะถูกกักตัวไว้ที่ปราสาทโอซาก้าเขาจึงต้องกระทำการอย่างรอบคอบแต่ทางด้านอิชิโดะก็หาทางเล่นงานโทรานางะอยู่เรื่อยๆ แล้วโทรานางะจะเอาคืนได้อย่างไรและบทสรุปการชิงอำนาจครั้งนี้จะสิ้นสุดลงตรงไหนที่ต้องต่อสู้กันด้วยเล่ห์เหลี่ยมละเอียดละเมียดละไม่ในการเขียนบทเพื่อเล่าเรื่องจนทำให้เต็มไปด้วยรายละเอียดที่สะกดอารมณ์ สร้างจากวรรณกรรมชื่อดังชื่อเดียวกันของเจมส์ คลาเวลล์ที่อ้างอิงจากเรื่องจริงของซามูไรชาวต่างชาติในญี่ปุ่นยุคนั้น แน่นอนผู้เขียนไม่ได้อ่านวรรณกรรมชิ้นนี้มาเลยมองเข้าไปในฐานะคนดูซีรีส์อย่างเดียวก็ยังมองเห็นเงาของวรรณกรรมปกคลุมทุกพื้นที่ของงานด้านบท นั่นคือบทมีความละเมียดละเอียดในการเล่าเรื่องคือมีความค่อยๆเล่าให้เก็บรายละเอียดในแบบญี่ปุ่นผสานกับการซ่อนเกมกลให้ลุ้นเร้าใจในทุกบท (ตอน) ในแบบซีรีส์ตะวันตก ซึ่งข้อดีคือถ้าจับรายละเอียดได้ทุกชิ้นส่วนก็คือวามเข้มข้นเร้าใจเดาไม่ออกว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปข้างหน้าแต่ข้อเสียคือหากละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็มีหลุดและอาจงุนงงสงสัยบ้างในบางประเด็น ซึ่งในส่วนของภาพรวมทั้งสิบตอนนั้นเห็นชัดว่าเน้นการสะกดอารมณ์ด้วยการให้คนดูรู้สึกเหมือนเป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อติดตามว่ามีอะไรในใจของโทรานางะหรือไม่ ระหว่างนั้นก็ลุ้นว่าโทรานางะจะรอดไปจากสถานการณ์ที่เข้ามาได้อย่างไรโดยไม่ต้องใช้การเร่งเร้าเหมือนการเล่นหมากรุกที่ท้าทายให้หยั่งใจมนุษย์ที่สุดท้ายก็ยากแท้หยั่งถึง สารภาพตามตรงว่าผู้เขียนก็คงเหมือนกับคนดูคนอื่นที่คาดหวังกับความอลังการในการรบและการใช้พิชัยสงครามมาห้ำหั่นกัน ทว่าเมื่อดูไปเรื่อยๆกลับกลายเป็นว่าเหมือนนั่งดูคนเล่นหมากรุกที่ท้าทายให้คิดแทนหรือคิดตามกระทั่งอ่านการเดินหมากบนกระดานด้วยความเงียบงันเพราะผู้เล่นที่กำหนดการเดินหมากนั้นเหนือชั้นกว่าผู้ชม นั่นคือการท้าทายมโนสำนึกของคนดูให้ได้คิดหยั่งใจผู้เล่นว่ามีวามคิดอ่านอย่างไรมีอะไรซ่อนไว้ข้างในอันไหนจริงอันไหนคือการล่อหลอก สุดท้ายใจมนุษย์ก็สุดแท้หยั่งถึงเพราะทุกอย่างที่เห็นคือการเดินเกมที่มีแบบแผนแม้จะมีอะไรพลิกผันเหนือความคาดหมายแต่เล่ห์เหลี่ยมและความสุขุมเหนือชั้นก็สามารถพลิกเกมมาได้โดยที่คนดูข้างกระดานคิดตามไม่ทัน แต่แน่นอนก็ต้องแลกมากับความตื่นเต้นตูมตามที่มีเพียงน้อยนิดจนกลายเป็นของที่ใช้ประกอบฉากหรือประกอบการตัดสินใจเสียมากกว่า เพราะความต้องการเล่นกับอารมณ์คนดูที่มาพร้อมการสะกดอารมณ์ได้แม้จะไม่ตูมตามก็เดินหน้าไปอย่างเข้มขลังเข้มข้นเชือดเฉือนชิงเหลี่ยมชิงไหวชิงพริบที่เร้าใจแต่บทสรุปกลายเป็นรวบรัดเกินไปจนพลังตกเห็นๆ ย้ำอีกครั้งว่าผู้เขียนไม่ได้อ่านวรรณกรรมจึงมีความรู้สึกแบบนี้นั่นคืออาจมีคาดหวังว่าจะเป็นซีรีส์มหากาพย์การศึกสงครามยุคซามูไรสนุกๆแต่ตัวซีรีส์กลับเป็นแนวเข้มข้นเชือดเฉือนกันด้วยบทสนทนาและคมความคิด กระนั้นผู้เขียนเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะโดยปกติก็ดูงานแบบนี้ได้อย่างเข้าถึงเข้าใจเพราะชอบแนวดราม่าเป็นทุนเดิม ทำให้ความรู้สึกคือความเร้าใจอยู่ที่มิติเชิงความคิดของตัวละครทุกคนทางฝั่งโทรานางะที่ไม่มีทางรู้เลยว่าในใจคิดอะไรอยู่ แล้วเมื่อมีปะทะกับอิชิโดะที่เปิดหน้ากันไปเลยว่าต้องการกำจัดโทรานางะเพื่อความเป็นใหญ่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตัวเอง นั่นคือมองเห็นความทะเยอทะยานเพื่อที่จะก้าวไปเป็นโชกุนคนต่อไปชัดในฝั่งหนึ่งแต่อีกฝั่งหนึ่งคือทางโทรานางะกลับมองไม่ออก ทำให้ความต่างกันนี้สร้างความเร้าใจเต็มที่ไปจนสุดท้ายที่เฉลยมาว่าอะไรเป็นอะไรที่กระจ่างทุกอย่างแม้จะไม่มีฉากรบ ทว่าตอนสุดท้ายกลับกลายเป็นเหมือนรวบรัดจนพลังตกลงเห็นๆแต่ก็ไม่เสียหายอะไรความดีงามอย่างยิ่งคือพลังการแสดง คอสตูม และฉากโปรดักชั่นที่อลังการละเอียดทุกฝีเข็ม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่เห็นในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่นแต่เป็นที่แวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา แต่ที่ออกมาอาจเรียกได้ว่าสามารถเนรมิตฉากและเสื้อผ้าหน้าผมและสภาพสังคมญี่ปุ่นในยุคศักดินาได้อย่างประณีตสมบูรณ์แบบแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมจารีตที่ต้องยกย่องว่าใส่ใจทุกรายละเอียด นั่นคือการสร้างความสมจริงในส่วนที่เห็นด้วยตาก่อนแล้วมาได้มิติการแสดงที่ลึกล้ำยากจะอ่านข้างในของตัวละครที่รับผิดชอบได้อย่างยอดเยี่ยมโดยฮิโรยูกิ ซานาดะ ถึงขนาดที่เจตนาเริ่มแรกเห็นเค้าลางว่าจะให้คนดูมองเข้าไปในมุมของอันจินหรือจอห์น แบล็คธอร์นของคอสโม จาร์วิสแต่สุดท้ายกลายเป็นฮโรยูกิ ซานาดะที่เป็นพลังงานหลักไปได้ ทั้งยังได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมมาเกื้อหนุนทั้งแอนนา ซาวายกับทาคาโนบุ อาซาโนะที่มีเวลาทองเป็นของตนเองและขโมยซีนได้เป็นพักๆ หรือจะเป็นการแสดงที่มีเสน่ห์ของโมเอกะ โฮชิและฟูมิ นิไคโดะแต่จะว่าไปไม่ว่าบทเล็กบทน้อยก็คู่ควรจะได้รับการยกย่องทั้งสิ้นเป็นซีรีส์ฝรั่งที่เล่าเรื่องของญี่ปุ่นเลยรู้สึกมีความเร้าใจน่าติดตามมากกว่าและเป็นความบันเทิงที่ดึงอารมณ์มากกว่าโฉ่งฉ่าง เพราะนี่คือซีรีส์ฝรั่งที่เล่าเรื่องญี่ปุ่นที่เห็นชัดว่าเป็นการมองสภาพสังคมวิถีชีวิตในยุคนั้นของญี่ปุ่นด้วยสายตาของคนนอก การเล่าเรื่องจึงเป็นความเร้าใจในมิติเชิงอารมณ์มากกว่าจะเป็นตื่นเต้นจนออกนอกหน้านั่นคือความเร้าใจมาจากความรู้สึกนึกคิดไม่ได้มาจากภาพที่เห็นทั้งหมด ซึ่งก็คือเมื่อคิดตามและตามทันก็คือสนุกแต่ถ้าไม่ทันก็คืออาจเป็นความน่าเบื่อและแน่นอนต้องตัดความคาดหวังเริ่มต้นออกก่อนเมื่อเดินทางร่วมกันไปสักพัก เพราะแม้จะมีการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ฝรั่งที่เน้นความเข้มข้นเชือดเฉือนเร้าใจในสถานการณ์ที่เข้ามาและมีบทสรุปในแต่ละเหตุการณ์ในตอน แต่ด้วยความที่เล่าเรื่องญี่ปุ่นที่จะมีลักษณะเฉพาะของชนชาติเขาก็จะมีความเรียบเรื่อยเงียบงันอยู่บ้างแถมยังไม่ใช้ความตูมตามโฉ่งฉ่างมากระตุ้นแต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นงานชั้นเยี่ยมที่ชวนติดตามอย่างยิ่งเพราะคิดไม่ออกไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในตอนหน้าซึ่งถ้าชอบแนวนี้ก็เป็นคุณค่าที่คู่ควรและผู้เขียนชอบเรื่องนี้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram shogunfx ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ https://entertainment.trueid.net/detail/zxLoVobWWogZ https://entertainment.trueid.net/detail/A6w10yYXrgAD