Movie Review Captain America: Brave New World (2025) กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่ ยึดความบันเทิงเป็นสรณะที่ยังคงสนุกคุ้มค่ากับเวลาแต่ว่ายังไม่หลุดพ้นวังวนเดิมๆบวกกับเสน่ห์ที่จืดจางลงทำให้ถึงจะสนุกแต่จบแล้วก็จบกัน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! หลายท่านอาจจะไม่ทราบและหลายท่านอาจทราบแล้วเพราะเกือบทุกครั้งที่เขียนถึงหนังซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ว่าจะจากทางค่าย DC หรือ MARVEL สิ่งที่ผู้เขียนอ้างอิงถึงเสมอคือลูกชายคนเล็ก เพราะเขาเกิดปีเดียวกับการเปิดจักรวาล MARVEL ในปี 2008 คือ Iron Man แน่นอนเมื่อเขาโตพอจะดูหนังบันเทิงๆแบบนี้ผู้เขียนก็ให้เขาดูจนกระทั่งเขากลายเป็นสาวก MARVEL ตามดูหาข้อมูลและได้รับแรงบันดาลใจในการอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แล้วการที่ลูกคนเล็กโตมากับหนังในจักรวาล MARVEL ครอบครัวเราเลยกลายเป็นต้องติดตามจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาก็เริ่มอิ่มตัว ส่วนหนึ่งเพราะปัจจุบันลูกคนเล็กโตแล้วเขาหันไปทางมังงะและอนิเมะแต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือหลังจากไปถึงจุดสุดยอดใน Avengers: Endgame (2019) ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จนปัจจุบันหนัง MARVEL ไม่ได้เป็นที่รอคอยของครอบครัวเราอีกต่อไปเอาง่ายๆคือเมื่อก่อนถ้ามีหนังแบบนี้มาจะรอดูกันทั้งครอบครัว แต่ตอนนี้ดูใครดูมันไม่ได้ติดตามเป็นบ้าเป็นหลังอย่างเมื่อก่อนไม่เว้นแม้แต่ Captain America หลังจากปฏิบัติการยับยั้งการขโมยแร่อะดาเมนเทียมลุล่วง Sam Wilson (Anthony Mackie) ที่ได้รับการสืบทอดโล่จาก Steve Rogers ในนาม Captain America ก็ได้ถูกทาบทามจากนายพล Thaddeus Ross (Harrison Ford) ที่ปัจจุบันคือประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาให้ก่อตั้งทีม Avengers ขึ้นมามาอีกครั้ง แต่ในงานแถลงการเจรจาสนธิสัญญาก็เกิดการลอบสังหารประธานาธิบดีโดยมี Isaiah Bradley (Carl Lumbly) อดีตซุปเปอร์โซลเยอร์เพื่อนของ Sam ทว่า Sam และ Joaquin Torres (Danny Ramirez) คู่หูคนใหม่ก็พบความผิดปกตินั่นคือการถูกควบคุมสมองทำให้ผู้ก่อการไม่รู้ตัวว่าทำอะไร แต่ Sam ก็ถูกประธานาธิบดี Ross กันออกไปในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับชาติมหาอำนาจอื่นๆที่หมายปองอะดาเมนเทียมก็ปะทุหนัก อย่ากระนั้นเลยเมื่อเริ่มทราบเบาะแสสำคัญว่าการนี้มีใครอยู่เบื้องหลังในการเสี้ยมให้ประธานาธิบดี Ross ฟิวส์ขาด Sam จึงต้องสวมชุดและหยิบโล่ตราดาวออกมายับยั้งหายนะ เหมือนท่องตำราที่ไม่หลุดพ้นวังวนเดิมๆและพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งเก่าใหม่ที่แม้จะเอาดีได้แต่ก็ถูกจับทางได้หมดแล้ว จะว่าไปแม้จะไม่รอคอยแต่ก็ดูทุกเรื่องสำหรับหนัง MARVEL แค่ว่าไม่ตื่นเต้นกับหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งเหมือนดูเป็นหน้าที่มากกว่า และเท่าที่เห็นมาในหนัง MARVEL ทุกเรื่องซึ่งมันคงจะเป็นแนวหนังด้วยแต่เมื่อเวลาผ่านมานานกว่าทศวรรษการเดินเรื่องและการเล่าเรื่องจึงยังเหมือนเป็นบ่วงเป็นวังวนที่หลุดพ้นไม่ได้ นั่นคือการขายภารกิจของซุปเปอร์ฮีโร่ซึ่งก็คือการยับยั้งหายนะหรือการกู้โลกจากภัยคุกคาม แล้วเมื่อเป็นเรื่องยาวที่ผูกพันกันมานานแล้วจะเดินทางไปสู่โครงการใหญ่ในภายหลังหนังจึงต้องพยายามอ้างอิงของเก่าพร้อมกับเชื่อมโยงกันเพื่อปูทางไปยังอนาคตที่ถ้าว่ากันตรงนี้ก็คือเอาดีได้ แต่สิ่งที่เรื่องนี้เป็นคือมิติมันหายไปความเข้มข้นเชิงดราม่าที่เคยมีในหนังเฟสแรกมันหายไปแบบไม่เหลือให้สัมผัส จนเป็นหนังที่เป็นความบันเทิงที่มาทีไรก็มาแบบนี้เพราะคนดูก็ดูมานานแล้วอะไรที่เหนือๆกว่านี้ก็เจอมาหมดแล้วจึงเหมือนกับจับทางได้หมดแล้ว ตั้งอยู่บนความบันเทิงเป็นสรณะอัดความมันส์กับภารกิจของ Captain ไปเรื่อยๆทำให้ยังเป็นงานที่สนุกเป็นความบันเทิงที่น่าจะยังถูกใจ อย่างที่บอกคืออะไรที่เคยจับใจมันหายไปความเข้มข้นระทึกใจหายใจไม่ทั่วท้องอย่างที่เคยประสบใน Captain America: The Winter Soldier (2014) มันหายไปนี่แค่ตัวอย่าง ทำให้เหมือนกับว่าหนังตั้งใจมาเพื่อเป็นความบันเทิงเป็นสรณะคือเอาความบันเทิงเป็นที่ตั้งเรื่องของหัวใจหรือความเข้มข้นใดเอาไว้ทีหลัง หนังจึงเดินหน้าเข้าหาความสนุกในการปฏิบัติภารกิจของ Captain America ที่ความพยายามซับซ้อนซ่อนปมของเนื้อหาไม่ได้แอ้มคนดูเพราะมองออกหมดแล้ว แล้วเมื่อการเดินเรื่องคือการเดินเข้าหาฉากแอ็กชันที่น่าตื่นตาจึงไม่ต่างจากหนังแอ็กชันธรรมดาที่มาเพื่อขายความมันส์ แต่กระนั้นหนังก็มันส์จริงมีฉากแอ็กชันที่หวือหวาดูสนุกได้แต่ว่ามันไม่ได้ตื่นใจอีกต่อไปเท่านั้น แต่ถ้าว่ากันที่ความสนุกมันก็ยังเอาคนดูอยู่เพราะหนังไม่มีช่วงที่เอื่อยเฉื่อยเวลาฉายก็พอเหมาะซึ่งถ้าว่ากันที่ตรงนี้ที่ความสนุกก็ยังน่าจะถูกใจ เอาจริงไม่เอาใจคือสิ่งที่ขาดหายคือเสน่ห์ที่พึงมีในตัว Captain America ที่แม้จะทำได้ดีในฐานะคนใหม่แต่ต้องต่อสู้กับภาพในใจคนดู ด้วยความที่ Anthony Mackie รับบท Sam Wilson มานานจนกลายเป็นภาพจำอะไรที่เคยทำได้ก็ยังทำได้ไม่มีปัญหา แต่นั่นคือบทบาทของ Falcon แต่นี่คือการรับบทบาทที่หนักอึ้งกว่าคือบทบาท Captain America ที่ Chris Evans สร้างภาพจำเอาไว้ แต่ถ้ามองอย่างยุติธรรมว่านี่คือ Captain America คนใหม่ Anthony Mackie ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายกลับกันเขาก็ทำได้ดีด้วยซ้ำกับ Captain America บินได้อันนี้ว่ากันที่คนที่ไม่ได้อ่านงาน Comics เพียงแต่เมื่อภาพจำของคนดูยังขัดเจนสิ่งที่เขาต้องเผชิญคือการต้องสู้กับภาพในใจคนดูอย่างเลี่ยงไม่ได้และสิ่งที่เขายังมีไม่เท่าคือเสน่ห์และพลังดาราที่จะมาแบกหนัง ทำให้เสน่ห์มันเบาบางแต่ก็อาจต้องใช้เวลาส่วน Harrison Ford นั้นการมารับบทที่เอาใครมาเล่นก็ได้ก็ไม่เสียหายแต่ที่ทำให้ผู้เขียนขนลุกได้เพราะคิดถึงและไม่คิดว่าจะได้เห็นคือการมาแว้บเดียวของ Liv Tyler เป็นหนังที่มาเพื่อความบันเทิงดูสนุกคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแต่เมื่อเสน่ห์ที่จะให้ตามติดมันยังไม่ได้เลยกลายเป็นจบแล้วจบกัน จากหนังที่ต้องตั้งตารอจนกลายเป็นหนังที่เริ่มเสน่ห์ลดลงทีละนิดจนความอยากจะตามติดหายไปกับหนัง MARVEL ในยุคหลังไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ยังดีที่มีความชัดเจนของเนื้อหาที่จะปูไปสู่จักรวาลใหม่และหนังยังคงดูสนุกได้ไม่น่าเบื่อเหมือนหนัง MARVEL ช่วงหลังบางเรื่องอย่าให้เอ่ยชื่อ เพราะหนังซุปเปอร์ฮีโร่มันก็เหมือนมีหน้าที่ของมันคือต้องดูสนุกได้ทุกเพศทุกวัยต่อให้อะไรที่เคยมีจะหายไปมันก็ควรจะสนุก และหนังเรื่องนี้ยอมรับว่าดูสนุกจริงมากกว่าหลายเรื่องที่ผ่านมาหลังจาก Avengers: Endgame ที่เริ่มเอาฮีโร่ที่ไม่รู้จักมาขาย แล้วก็เหมือนกับรู้ตัวเองว่าคนดูต้องการอะไรจากหนังเนื้อหาเลยไม่พยายามเป็นผู้ใหญ่เกินไปจนเด็กๆดูไม่รู้เรื่องหนังเลยออกเป็นความบันเทิงเฉพาะหน้า จนคล้ายกับว่าตั้งท่ามาเพื่อความบันเทิงซึ่งก็ตอบโจทย์ได้ดีหนังยังดูสนุกคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแค่ว่าไม่เหลือความประทับใจเท่านั้น ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3,4 จาก Instagram marvelstudios เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !