รีเซต

รีวิวหนัง "The Way Back" แด่ความพ่ายแพ้ และการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง by Kanin The Movie

รีวิวหนัง "The Way Back" แด่ความพ่ายแพ้ และการลุกขึ้นสู้อีกครั้ง by Kanin The Movie
Jeaneration
4 มิถุนายน 2563 ( 16:00 )
3.1K

รีวิวหนัง The Way Back

เป็นหนังที่เราอยากดูตั้งแต่ตอนมันเปิดตัว เพราะมันคืองานล่าสุดของ "เกวิน โอ. คอนเนอร์" ผู้กำกับที่เราชอบมากๆ จาก Warrior (2011) และ The Accoutant (2016) (ซึ่งกลับมาร่วมงานกับ "เบน แอฟเฟล็ก" อีกครั้งในเรื่องนี้) พล็อตว่าด้วยอดีตอันบอบช้ำ การแสวงหาหนทางเริ่มต้นใหม่ รวมถึงการกลับมาทำหนังกีฬาอีกรอบของเขายิ่งทำให้เราสนใจเรื่องนี้ และแม้ภายหลังดูจบจะต้องยอมรับว่านี่คือผลงานที่ด้อยกว่าเรื่องก่อนหน้าที่ผ่านมาแต่ The Way Back ก็ยังเป็นหนัง Drama-Sport คุณภาพที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มเปี่ยมอยู่ดี

หนังเล่าเรื่องของ แจ็ค พนักงานก่อสร้างติดเหล้าที่วันหนึ่งถูกทาบทามจากโรงเรียนคาทอลิกที่ตัวเองเคยอยู่ให้ไปเป็นโค้ชทีมบาสเก็ตบอลแบบกะทันหัน (หลังโค้ชคนก่อนหน้ามีอาการหัวใจวาย) แจ็คเคยเป็นนักบาสที่โรงเรียนแห่งนี้ สร้างความสำเร็จและชื่อเสียงเอาไว้มากจนกลายเป็น Top Player ตลอดกาลของสถาบัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้น ปัจจุบันแจ็คไม่ได้เล่นบาส ไม่ได้สนใจกีฬานี้อีกต่อไป เขากลายเป็นคนติดเหล้า ดื่มตลอดเวลา ทุกที่ ทุกโอกาส ทุกกิจกรรมของชีวิตต้องมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนร่วมอยู่เสมอ (ฉากจำในหนังคืออาบน้ำก็ยังดื่ม ยอมพี่แกเลย)

โอ. คอนเนอร์ กลับมาทำหนังกีฬาอีกครั้งหลัง Warrior (2011) ซึ่งตัวเรื่องก็คล้าย ๆ กันประมาณหนึ่ง (แต่เรื่องนี้เขาไม่ได้เขียนบทเอง แต่เป็น แบรด อิงเกลสบี้ จาก Run All Night และ Out of the Furnace) คือพูดถึงการติดเหล้า (Alcoholism) ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งร่างกาย จิตใจ หรือกระทั่งคนรอบตัวอย่างครอบครัว เพื่อน คนรัก ง่ายๆ คือ เบน แอฟเฟล็ค เล่นเป็น นิค โนลเต้ จาก Warrior (ผู้รับบทพ่อติดเหล้าที่ทำร้ายลูกชายทั้งสองของตัวเอง) คือมนุษย์ที่แสวงหาหนทางในการไถ่บาป ชำระล้างความผิดพลาดที่ตัวเองทำ ใน The Way Back แจ็คพยายามทำลายตัวตนปัจจุบันของตัวเองเพื่อกลับไปเป็นคนเดิมในอดีตที่ทุกคนรู้จัก ซึ่งวิธีที่จะช่วยพาเขากลับไปคือการเป็นโค้ชทีมบาสเก็ตบอลไฮสคูล

ในหนังจะมีเหตุผลที่มาที่ไปว่าทำไมแจ็คถึงกลายเป็นคนติดเหล้า ทำไมนักบาสฝีมือดีถึงออกจากวงการ แต่คิดว่าควรข้ามหัวข้อนี้ไปเพราะในตัวอย่างก็ไม่ได้อธิบายอะไรเยอะ จริงๆ วิธีการเล่ามันมีความสูตรประมาณหนึ่ง สูตรในเลเวลที่คาดเดาล่วงหน้าได้ แต่สิ่งที่ โอ. คอนเนอร์ เก่งกาจคือการกำกับบรรยากาศ และอารมณ์ คอนฟลิกต์ที่แข็งแรง ตัวละครที่ชัดเจน

สถานการณ์ที่มีเป้าหมายอย่างชัยชนะถือว่ากำกับออกมาดี การมาเป็นโค้ชให้กับทีมที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ เป็นรองบ่อน หรืออาจเรียกว่า Underdog ก็ได้ ไม่เพียงแต่ทำให้เขากลับมาใกล้ชิดกับอดีตของตัวเองขึ้น แต่ยังทำให้เขาตั้งคำถามถึงตัวเองในปัจจุบัน ผ่านวัยรุ่นที่เขาเคยเป็นมาก่อน มันจะมีพูดถึงเรื่องความเป็นผู้นำที่ขัดแย้งกับผู้นำที่ไม่สามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ หรือปมความสัมพันธ์กับครอบครัวที่เขาพยายามจัดการเพราะตัวเองเคยเผชิญหน้าในอดีตมาก่อน

จริงๆ อีกเรื่องที่นึกถึงระหว่างดูคือ Manchester by the Sea (ที่เคซีย์น้องของตัวเองเล่น 555) คือมันพูดถึงมนุษย์ที่บอบช้ำ และพยายามตีตัวออกห่างจากชีวิตคนรอบข้าง (แจ็คมีที่ประจำของตัวเองนั่นคือบาร์เหล้า ซึ่งลีใน Manchester by the Sea ก็มักจะคลุกคลีกับร้านเหล้าเช่นกัน) ตัวละครทั้งสองหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งที่ทำให้เขาหลีกหนีความจริง โดยในขณะเดียวกันก็ทำทีเป็นเมินเฉย เย็นชา ไม่รู้สึกรู้สา เพราะพยายามจะเป็นคนที่ดูโอเคดีในสายตาคนอื่น

โดยทั้งสองเรื่องมีการพูดถึงความสัมพันธ์ในอดีตอย่างอดีตภรรยา มีการตั้งคำถามกับคำว่า “ก้าวต่อไป” ของตัวละคร ซึ่งใน The Way Back จะผูกกับเรื่องของตัวตน การสูญเสียตัวเองในอดีตซึ่งเราชอบมาก มันสะท้อนกลับมายังเรื่องของการทำร้ายตัวเองเพราะเรารัก เราสูญเสีย เราจึงทำร้ายตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน การประคับประคองตัวตนที่ใครสักคนรัก ก็เป็นการแสดงความรักในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย

อีกดีเทลที่ชอบในหนังคือมันเซ็ตติ้งอยู่ในโรงเรียนคาทอลิก คือต้องมีบาทหลวงประจำทีมบาสด้วย เพราะใจความสำคัญของการเล่นกีฬาสำหรับโรงเรียนคือการพัฒนาตัวตนของผู้เล่นในฐานะคริสเตียนมากกว่าจะคว้าชัยชนะ เวลาลงแข่งเลยต้องมีบาทหลวงมาดูพฤติกรรม ซึ่งคนในทีมสุดขีดความหยาบกันทุกคน ตั้งแต่ผู้เล่นเด็กๆ ยันตัวโค้ชเอง ฉากตะโกนด่าในหนังเลยมักจะมีบาทหลวงมาสั่งสอนด้วยเสมอ เป็นตัวละครลดทอนความเดือดของกลุ่มพระเอก

นอกจากนี้รู้สึกว่าแอฟเฟล็กอยู่กับผู้กำกับคนนี้แล้วเวิร์คมาก ตอน The Accoutant ก็ชอบที่เขาเล่นมาก เรื่องนี้ก็ดีเลย แม้ว่า 50% ของการปรากฎตัวจะหมดไปกับฉากเมา และยกเหล้าเบียร์ดื่มก็ตาม (ในเรื่องมันดื่มแบบทรมานน่ะ ทรมานแบบตอนดู Leaving Las Vegas คือดื่มให้ตายเลย) แต่จังหวะอัดคนดูก็ถือว่างดงามไม่น้อย

The Way Back เป็นหนังดราม่าคุณภาพอีกเรื่องที่อยากให้ดูกัน แม้ว่าตัวเรื่องจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับที่ โอ. คอนเนอร์ เคยทำไว้ใน Warrior (2011) แต่ก็เป็นหนังกีฬาที่มีเรื่องเล่าที่ดีเรื่องหนึ่งเลย เสียดายที่ระหว่างดู ความคลีเชตามสูตรของมันลดทอนความรู้สึกระหว่างดูไปหน่อย (ปกติช่วงท้ายของหนังเขาเราจะแพ้มากๆ แต่เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่) ใครสนใจหาดูกันได้ที่ TrueID ตอนนี้เลยครับ หนังภาพสวย (แบบเซอร์ไพรซ์) และดนตรีประกอบบิวต์ดีมาก อยากให้ชมกัน (กดที่รูปภาพด้านล่างเพื่อชมหนังแบบเต็มเรื่อง)

----------------------------------------------------

>> ดูหนัง ดูซีรีส์ออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<