ต้องบอกก่อนเลยครับว่า Brightburn เนี่ยเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ผมตั้งตารอเป็นอย่างมากเนื่องจากว่ามีข่าวว่าเจมส์กันผู้กำกับดาวรุ่งแห่ง Marvel กำลังจะมีส่วนร่วมในหนังเรื่องใหม่ ตอนนั้นแกนะครับโพสต์โลโก้ชื่อเรื่องนี้ขึ้นมาครับตั้งแต่เมื่อประมาณปีก่อนบอกกับทุกคนว่าจะมีเซอร์ไพรส์ให้รอดูสุดสัปดาห์หน้าได้เลยจะมีการเปิดตัวแน่นอน ผมก็ตั้งตารอเลยครับ แล้วก็บังเอิญครับสัก 2-3 วันก่อนจะเปิดตัว ข่าวดราม่าของผู้กำกับคนนี้เกี่ยวกับเรื่องทวิตเตอร์ในสมัยก่อนแก กลบทุกข่าวอื่นไปหมดสิ้นครับ รวมถึงการเปิดตัวหนังปริสนาที่เจมส์กันกล่าวถึง ที่มารู้ทีหลังว่าก็คือ Brightburn นี่แหละ จากจะกลายเป็นสะใภ้ฮิตพอเจอข่าวฉาวเข้าไปกลายเป็นหนัง ๆ เงียบครับ ไม่ดังซะอย่างนั้น จะเห็นได้ว่าแค่เริ่มต้นก็มีปัญหาแล้วครับสำหรับหนังเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่ารอบฉายของทางประเทศไทยเนี่ยก็ถูกเลื่อนออกมานะครับ ถ้าเกิดว่าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ในช่วงพฤษภาคมครับ กลายเป็นเรื่องยาวมาถึงสิงหาคมกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่เป็นไรครับ รอได้ถ้าหนังมันดีจริง ๆ นะครับเพราะโครงเรื่องที่ปล่อยออกมาเลยครับ แค่ฟังก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วครับ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซุปเปอร์แมนนั้นไม่ใช่คนดี ลองจินตนาการความวินาศสันตะโรครับ ที่บุรุษเหล็กคนนี้จะทำได้ แค่จินตนาการก็ขนลุกแล้ว Brightburn จะเล่าเรื่องราวแบบนั้นครับ ขออนุญาตเล่าโครงเรื่องสักนิดนึงนะครับ ทุกคนรู้ใช่ไหมครับว่าซุปเปอร์แมนนั้นมายังไง เรื่องเริ่มต้นด้วยสองสามีภรรยาในแถบชนบทคู่หนึ่ง อยากจะมีลูกมาก ๆ ทั้งคู่พยายามแล้วทุกวิธีเพื่อจะได้ทายาทเอาไว้สืบสกุล ทั้งปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน จนไปถึงอธิษฐานกับพระเจ้า จนอยู่มาวันหนึ่งมีบางอย่างตกลงมาจากฟากฟ้าครับ มาที่ป่าแถวบริเวณบ้านของทั้งคู่ ยานลึกลับลำสีแดง ในนั้นบรรจุทารกเพศชายไว้คนหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้เธอ เธอตัดสินใจรับเขาไว้เป็นบุตรชายครับ ตั้งชื่อให้เขาว่า Brandon และให้เด็กน้อยคนนี้ใช้นามสกุลของพวกเขา Brandon Breyer พวกเขาก็เลี้ยงเด็กคนนี้เป็นอย่างดีจนกระทั่งเมื่อเด็กน้อยอายุได้ 12 ปี ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปครับ โครงเรื่องง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เจตนาล้อไปกับซุปเปอร์แมนอยู่แล้ว ซึ่งความรู้สึกหลังดูนะครับพอออกจากโรงมาก็รู้สึกเฉย ๆ ครับ ออกแนวจะผิดหวังหน่อย ๆ ด้วยซ้ำ คือจุดเด่นของหนังเรื่องนี้อย่างตัวร้ายที่เป็นซุปเปอร์แมนเนี่ยทำออกมาได้ดีครับ แบบในตัวอย่างเลย น่ากลัวจริง ๆ ดูเก่งจริง สยองครับ ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก เป็นเราเจอแบบนั้นไปเนี่ยต้องบอกว่าไม่ต้องหนีให้เสียเวลาครับ ตายแน่นอนพุ่งมาเป็นจรวดขนาดนั้น และฉากโชว์ของแบบนี้มีให้เราเห็นทั้งเรื่องครับ เพียงแต่มันเดิม ๆ เกินไป มาบ่อยจนเกินไป แรก ๆ ครับมันก็น่าตื่นตากับความแปลกใหม่ของมันครับ แต่พอดูซ้ำ ๆ เข้าเนี่ยจากน่ากลัวมันก็กลายเป็นดูธรรมดาจนน่าเบื่อเลยครับ Brightburn เนี่ยเป็นหนังที่แปลกมากครับ ก่อนที่ผมจะดูเนี่ยผมคิดว่ามันน่าจะเป็นแนวแบบซุปเปอร์แมนโรคจิตไล่ฆ่าคนอะไรประมาณนั้น แนวพวกหนังฆาตกรสยองขวัญ แต่พอได้ดูจริง ๆ เนี่ยมันมีความเป็นหนัง horror ค่อนข้างสูงครับ จังหวะหลอกต่าง ๆ เหมือนกับหนังผีมาก ๆ มันจะมีความค่อยหลอก ทางโน้นที ทางนี้ที โอเคมันน่ากลัวอยู่ครับในช่วงแรก ๆ นะครับ แต่พอเจอเยอะ ๆ เข้าเนี่ย มันดูไม่เป็นธรรมชาติเลยครับนี่มันคนหรือผีเนี่ย จนทำให้ผมสงสัยนะครับว่าไอ้เด็กเนี่ยมันถูกเลี้ยงมาด้วยผีหรือยังไง ต้องบอกว่าใครที่กลัวจังว่าตุ้งแช่แบบหนังผีนะครับ มาดูเรื่องนี้เนี่ยเหนื่อยแน่นอนครับ มีเยอะมากจริง ๆ สะดุ้งเก่งครับ สะดุ้งทั้งเรื่อง แต่ว่าถ้าเกิดว่าใครเป็นคนที่ชอบจังหวะตกใจนะครับ ชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน อีกอย่างนะครับ Brightburn เนี่ยมีฉากเสียวเยอะนะครับ เสียวชนิดว่าต้องปิดตาดูครับ ต้องทำใจหน่อยนะครับสำหรับจุดนี้ แล้วก็มาถึงส่วนที่นับเป็นจุดด้อยนะครับก็คือการดำเนินเรื่องครับไม่มีอะไรเลย ดูมาจนจบเรื่องแล้วยังรู้สึกว่าเรื่องมันไม่คืบหน้าไปไหนเลยครับ จริงอยู่ว่าการเซ็ตเรื่องราวเบื้องหลังนั้นทำออกมาได้มาครับ ไอเดียเจ๋งสุด ๆ แต่ตลอดทั้งเรื่องเนี่ยมันไม่มีการสานต่อใด ๆ ทั้งสิ้นครับ ปล่อยทิ้งเรื่องราวดี ๆ ไว้อย่างน่าเสียดาย อีกส่วนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือผมว่าน้องตัวเอกที่ชื่อว่า Brandon นั่นแหละ มันดูธรรมดาไปหน่อยครับ น้องเขาเล่นบทร้ายได้ดีจริง ๆ ครับ นิ่ง แข็งกระด้าง โรคจิตนิด ๆ ดูเป็นเด็กที่ไม่อยากให้ลูกคุณเนี่ยไปเล่นด้วยอย่างแน่นอน แต่เขาแสดงด้านนั้นได้ด้านเดียวจริง ๆ ครับ ถ้าลองเปรียบเทียบกับหนังแนวโรคจิตที่ผมว่าคล้าย ๆ กันอย่างเดอะพอลิจี้หรือเด็กจองเวรเนี่ยตัวละครเด็กในเรื่องนั้นทำได้ดีกว่ามาก มีทั้งโชว์ด้านร้ายและด้านแกล้งทำเป็นดี แสดงทั้ง 2 บทบาทได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่ตัวเรื่องเนี่ยมีจังหวะชั้นเชิงเยอะพอสมควรครับ ส่วนเด็กอสูรเรื่องนี้เนี่ยดูทุกอย่างมันค่อนข้างจะขาด ๆ เกิน ๆ เหมือนหนังจะยังทำไม่เสร็จสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่ามีดีที่ฉากตกใจเท่านั้นเองครับ สรุป ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ เลยก็คือ Brightburn เปรียบเสมือนหนังผู้ใหญ่ที่หน้าปกสวยครับแต่พอเปิดดูจริง ๆ มันดันไม่ตรงปกครับ หนังอาจจะมีฉากหวือหวาก็จริงในช่วงต้น ๆ เรื่อง ความสนุกในช่วงแรกนั้นพีคมากครับ ทั้งตื่นตา ตกใจ แต่ด้วยความซ้ำซากของมัน พอมาถึงกลางเรื่องไปจนถึงท้ายเรื่อง ความสนุกก็เริ่มลดลงครับ ไปจนถึงขั้นเฉย ๆ เรียกว่าหนังเรื่องนี้มีไว้ขายไอเดียอย่างเดียวจริง ๆ อารมณ์เหมือนนั่งคุยกันในวงเหล้าแล้วก็บอกว่า ถ้า Superman มันเป็นตัวร้ายแล้วจะทำยังไงวะ อะไรประมาณนี้ครับ แล้วก็กลายเป็นหนังเรื่องนี้ออกมาเลย แต่ถ้าเกิดว่าดูหนังเรื่องนี้ราคาเต็มเนี่ยคิดว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ยังไงก็หาโปรโมชั่นมาด้วยละกันนะครับ ใครที่ชอบแนวสยองขวัญตุ้งแช่ ดูเอามัน เรื่องนี้สบาย ๆ ครับ ดูได้แน่นอน แต่ถ้าเกิดว่าใครคาดหวังเรื่องราวที่น่าสนใจแบบที่หน้าหนังกล่าวไว้ คิดว่าน่าจะผิดหวังพอสมควรครับ และใครที่กำลังมองหาหนังสยองขวัญไอเดียแปลกก็คงไม่สมหวังเช่นเคยครับ สำหรับผมนะครับผมให้ 5 เต็ม 10 ครับ ไม่ดูก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไร ขอขอบคุณภาพทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube