รีวิว Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่) การเปิดตัวกัปตันคนใหม่ที่พอถูไถ ดูได้สนุกเพลินๆ แต่ยังไม่ดีพอจนน่าจดจำ บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่) ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ Sam Wilson (รับบทโดย Anthony Mackie) หลังจากที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็น Captain America คนใหม่ ประจวบเหมาะกับการก้าวขึ้นรับตำแหน่งของ Thaddeus Ross (รับบทโดย Harrison Ford) ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งประธานาธิบดีคนใหม่ได้เสนอให้ Sam มาทำงานให้กับรัฐบาล อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายจนทำให้ทั้งโลกลุกเป็นไฟ Captain America คนใหม่จึงต้องหาทางหยุดยั้งและเร่งสืบหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ทุกคนคงต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่) ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ ตัวอย่าง Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่) รีวิว Captain America: Brave New World (กัปตัน อเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่) สำหรับหนังเรื่องนี้ต้องยอมรับเลยว่าผมตั้งตารอคอยมานานอยู่พอสมควร เพราะส่วนตัวผมเริ่มหลงรักตัวละครนี้มาตั้งแต่ที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็น Captain America ครั้งแรกในซีรีส์ The Falcon and the Winter Soldier (2021) แล้ว และก็คอยเอาใจช่วยมาตลอด พอเห็นว่าจะมีหนังใหม่เลยตั้งตารอมากๆ และก็ไม่พลาดที่จะรีบไปดูตั้งแต่วันแรกที่หนังเข้าฉาย แต่ถึงผมจะเอาใจช่วยแค่ไหนก็ต้องยอมรับว่าก่อนเข้าไปดูก็ไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่ เนื่องจากช่วงหลังๆ ผมผิดหวังกับหนังค่ายนี้มาเยอะพอสมควร โดยรีวิวนี้ผมก็จะรีวิวแบบตรงไปตรงมาไม่อวย ซึ่งยอมรับว่าหลังจากที่ดูผมค่อนข้างรู้สึกเฉยๆ คือมันไม่ได้แย่นะ ตัวหนังดูได้สนุกเพลินๆ แต่มันก็ยังไม่ถึงกับคำว่าดี ตัวหนังไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษจนถึงกับทำให้ผมประทับใจได้เลย เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นแค่หนังมาเวลเรื่องหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อปูทางไปสู่หนังเรื่องต่อๆ ไป ไม่ได้มีความสนุกที่จบในตัวเองได้ และหากจะให้ยกตัวอย่างผมก็คงยกให้ Black Panther (2018) ภาคแรกที่สนุกในตัวของมันเองแถมยังปูไปเรื่องอื่นอีกด้วย กลับมาที่กัปตันภาคนี้ของเรา ส่วนตัวผมมองว่าตัวหนังมันค่อนข้างราบเรียบและดำเนินเรื่องไปแบบโทนเดียวทั้งเรื่อง ซึ่งหากใครที่ได้ไปดูกันมาแล้วก็จะเห็นว่าตัวหนังภาคนี้เขามีความพยายามที่จะทำให้ได้กลิ่นอายคล้ายๆ กับภาค 2 หรือ Captain America: The Winter Soldier (2014) ที่เป็นแนวแอ็กชัน สืบสวน ผสมความระทึกขวัญ ทว่าในภาคนี้กลับทำได้ไม่ถึงและไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ พล็อตหลักๆ ของภาคนี้ก็ค่อนข้างเบาบางสุด บทก็ดำเนินไปแบบตรงๆ ไม่มีการพลิกแพลงหรือหักมุมให้คนดูได้ว้าวเลย เรียกได้ว่ามันมาแบบสูตรสำเร็จของหนังมาเวลก็คงจะไม่ผิดนัก แถมช่วงองก์แรกของหนังเองก็ปูเรื่องมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันดูเนือยๆ และน่าเบื่อยังไงก็ไม่รู้ โชคดีที่พอดำเนินไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทางและดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะองก์ 3 นี่ยอมรับเลยว่าทำออกมาค่อนข้างดี ฉากแอ็กชันท้ายเรื่องก็ทำได้ถึงมากๆ ซึ่งเป็นส่วนที่ผมชอบมากที่สุดแล้วในหนังเรื่องนี้ คือดูมาทั้งเรื่องไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือว้าวอะไรเลย มารู้สึกสนุกและบันเทิงจริงๆ ก็ตอนช่วงท้ายเรื่องเลย บทจะทำออกมาได้ดีก็ทำได้ดียาวๆ เลย ตั้งแต่ฉากที่พระเอกเข้าไปขัดขวางเครื่องบินรบลากยาวไปยันตอนสู้กับ Red Hulk ทั้งยวงนี้คือทำออกมาดีมากๆ และก็เป็นช่วงท้ายเรื่องนี้แหละที่ช่วยพยุงให้ภาพรวมของหนังออกมาดูดีขึ้น ต่อมาจะพูดถึงด้านการแสดงกันบ้าง ส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร พระเอกของเราที่รับบทโดย Anthony Mackie ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ทีแรกก็แอบกังวลเหมือนกันว่าพี่แกจะเอาหนังอยู่ไหม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่แกได้รับบทนำในหนังใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าพี่แกทำออกมาไม่แย่เลย พอแบกหนังได้อยู่ถึงออร่าพระเอกจะยังไม่ได้มีมากเท่ไหร่ก็ตาม ทว่าส่วนตัวผมกลับไปชอบป๋า Harrison Ford ที่มารับบทเป็นนายพล Ross ผมว่าแกเหมาะกับบทนี้ดี น่าเสียดายที่ป๋าแกอายุเยอะแล้วเลยอาจจะรับบทนี้ไปได้ไม่ยาวเท่าไหร่ ต้องรอดูกันว่าแกจะโผล่มาอีกไหมในอนาคต ส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงก็คงเป็นเรื่องฉากแอ็กชัน ส่วนนี้นี่ต้องแยกเป็น 2 ส่วน เพราะมันมีทั้งดีและไม่ดี เริ่มจากที่ไม่ดีกันก่อนนั่นก็คือฉากแอ็กชันบทพื้นดินเวลาที่กัปตันสู้ด้วยมือเปล่า คิวบู๊ตอนต่อยกันคือธรรมดามาก จืดสุดๆ ไปเลย ส่วนฉากแอ็กชันที่ทำออกมาดีมากๆ ก็คือทุกฉากที่สู้บนอากาศ อันนี้ยอมรับเลยว่าทำถึงสุดๆ ฉากสู้กลางอากาศดีไซน์ออกมาดีมาก ได้เห็นสกิลพระเอกอย่างเยอะ ทั้งใช้โดรนช่วย ใช้ปีกช่วย ใช้ไอพ่นช่วยส่งแรง ซึ่งส่วนตัวผมชอบฉากช่วงตอนไปสู้กับเครื่องบินมากๆ โคตรจะเท่เลย และอีกฉากที่ต้องชมจริงๆ ก็คือฉากท้ายเรื่องที่พระเอกสู้กับ Red Hulk อันนี้คือเกินคาดมาก ตอนแรกกังวลอยู่ว่าเขาจะทำออกมายังไงให้สนุก เพราะสเกลพลังมันต่างกันมาก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทำได้ซะงั้น สู้กันโคตรเดือด Red Hulk ก็เท่จัดๆ ติดที่แอบมีบางฉากที่ซีจีลอยไปบ้าง สรุปโดยรวมเลยก็คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังมาเวลอีกเรื่องที่พอดูได้สนุกเพลินๆ มีดีหลายอย่าง อาจจะมีแผลบ้างในหลายจุดทั้งเรื่องบทที่เดาทางได้ พล็อตหลักที่ค่อนข้างอ่อนจนไม่ควรเอามาสร้างเป็นหนังด้วยซ้ำ ไปจนถึงฉากแอ็กชันหลายๆ ฉากที่ค่อนข้างธรรมดา แต่มันก็มีหลายจุดที่ทำออกมาได้ดีมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าส่วนตัวผมจะบอกว่าผมรู้สึกเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นหนังมาเวลที่ดีที่สุดหากเทียบกับหลายเรื่องที่ผ่านมา อย่างน้อยผมก็ยกให้มันดีกว่า Thor: Love and Thunder (2022), Black Panther: Wakanda Forever (2022), Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) และ The Marvels (2023) ดังนั้น ใครที่ลังเลอยู่ว่าจะไปดูดีไหมผมก็อยากให้ลองเปิดใจและลองไปดูกัน มันอาจจะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุด แต่ก็ยังเป็นหนังแอ็กชันที่พอดูได้สนุกๆ เรื่องหนึ่ง และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะมีหลายคนที่ดูแล้วชอบมากกว่าผมแน่ๆ อันนี้คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนจริงๆ และทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าหนังเรื่องมันสนุกกับคุณหรือไม่ คุณต้องไปรับชมและตัดสินมันด้วยตาตัวเองในโรงภาพยนตร์ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ ฝากกดแชร์ และกดติดตามเพื่อจะได้เห็นบทความใหม่ๆ ของผมในอนาคตด้วยนะครับ ช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนัง กลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง : รีวิว แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า FLAT girls ผลงานล่าสุดจาก GDH เรื่องราวของคนธรรมดาที่นำเสนอออกมาได้แสนพิเศษ รีวิว ธี่หยด 2 (2024) การกลับมาล่าผีของพี่ยักษ์ ภาคต่อที่ทำออกมาได้สนุกและกลมกล่อมมากกว่าเดิม รีวิว Bogota: City of the Lost (โบโกตา: เมืองคนหลง) หนังแอ็กชันอาชญากรรมเรื่องใหม่ของ "ซงจุงกิ" ที่พอดูแก้เบื่อได้สนุกเพลินๆ รีวิว Kinda Pregnant (สตรีมีคัน) สาวเพี้ยนแกล้งเป็นคนท้อง หนังตลกห่ามฮาที่พอดูได้แต่ไม่ถึงกับดี รีวิว Companion (คอมแพเนียน) หนังไซไฟระทึกขวัญรสชาติจัดจ้าน ผลงานน้ิำดีตั้งแต่ต้นปีที่ทุกคนไม่ควรพลาด รีวิว The Trauma Codes: Heroes on Call (ชั่วโมงโกงความตาย) ซีรีส์ตีแผ่ชีวิตหมอห้องฉุกเฉินที่ดูโคตรเพลินแถมยังได้ความรู้ [มีพากย์ไทย] รีวิว Apple Cider Vinegar (ไอดอลแอปเปิ้ลไซเดอร์) ซีรีส์จากเรื่องจริงของหญิงสาวที่โกหกว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ผลงานน้ำดีเรื่องใหม่ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด ความรู้สึกหลังดู Newtopia (2025) [2 ตอนแรก] ซีรีส์ซอมบี้สายฮาเรื่องใหม่ของ "จีซู BLACKPINK" รีวิว The Substance สวยสลับร่าง ความสวยงามที่ไขว่คว้า อาจมีราคาที่ต้องจ่าย แหล่งที่มาจาก Marvel Studios Thailand ภาพปก: 1 ภาพประกอบ: 1 / 2 / 3 / 4 / 5 วิดีโอ: Marvel Studios' Captain America: Brave New World |ตัวอย่างที่ 2 (Official ซับไทย) จาก Youtube: Marvel Thailand เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !