Movie ReviewHopeless คน / จน / ตรอก (2023)หนักหน่วงกดดันจนดิ่งลึกเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังมองไม่เห็นแสงสว่างแต่มีพลังจากการแสดงที่ทรงพลังถ้าเอ่ยถึงนักแสดงซงจุงกิแล้วเชื่อว่าชื่อนี้ขายได้ในบ้านเราแน่นอนเพราะมีกลุ่มคนดูที่ชื่นชอบเขาอยู่เยอะทั้งงานหนังหรือละครซีรีส์ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วจะเรียกว่าเป็นเอฟซีซงจุงกิก็คงไม่ใช่แต่กลายเป็นว่างานใหม่ของเขาออกมาทีไรผู้เขียนก็มักจะไม่พลาด ไม่ใช่ว่าชื่นชอบซงจุงกิเป็นพิเศษอะไรหรอกแต่คุณแม่บ้านชอบเลยกลายเป็นว่าได้ดูงานของเขาพร้อมกับคุณแม่บ้านอยู่เสมอ แน่นอนว่าผู้เขียนเองที่ได้ชื่อว่าเรื่องมากในการดูหนังดูซีรีส์และโชคดีที่ซงจุงกิมักจะอยู่ในงานที่อยู่ในระดับดีถึงดีมากแบบกลางๆค่อนมาทางแย่ยังนึกไม่ออกจริงๆจึงไม่ค่อยได้บ่นเชิงลบ ซึ่งมันก็คือการเลือกบทที่จะแสดงที่ค่อนข้างใช่ประกอบกับมาตรฐานการแสดงของเขาที่ไว้ใจได้เพราะบทหนักๆก็ได้บทเบาๆก็เอาอยู่แถมยังมีสิ่งที่เรียกว่าพลังดารานั่นคือมีพลังดึงดูดสายตาคนดูมีราศีบารมีที่เป็นตัวของตัวเอง หรืออาจเรียกได้ว่าซงจุงกิคือชื่อที่แบกหนังได้จนบางครั้งก็ทำให้คนดูไขว้เขวเพราะการโปรโมทเขาเช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่ถ้าได้เข้าเมืองในช่วงที่หนังเข้าฉายคุณแม่บ้านคงไม่พลาดเพราะเหมือนจะขายชื่อซงจุงกิเต็มที่ทั้งที่เขารับบทสมทบคิมยอนคยู (ฮงซาบิน) เด็กหนุ่มที่ทำร้ายเพื่อนนักเรียนเพราะช่วยคิมฮายัน (บีบี) ลูกสาวของพ่อเลี้ยงที่ไม่ต่างจากน้องสาวจากพวกบูลลี่ในโรงเรียนแต่เขากลายเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบทุกอย่างรวมถึงเงินค่าทำขวัญสามล้านวอน ยอนคยูจึงต้องหาเงินด้วยการทำงานพิเศษโดยเขามีฝันจะพาแม่ไปให้พ้นจากขุมนรกในบ้านใช่แล้วเขาคือเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวที่ถูกพ่อเลี้ยงทุบตีเสมอ จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับชีกัน (ซงจุงกิ) ขาใหญ่ในแก๊งมาเฟียที่ขโมยรถมอเตอร์ไซค์มาดัดแปลงแล้วขายและไม่รู้ว่าชีกันไปถูกใจอะไรยอนคยูจึงให้เงินมาสามล้านเพื่อจัดการปัญหา ทว่าฝันนั้นยังต้องดำเนินต่อไปพร้อมๆกับการถูกทำร้ายที่หนักขึ้นจากพ่อเลี้ยงจนยอนคยูมีแผลเป็นที่หน้าและโดนไล่ออกจากงานส่งอาหาร แต่เขายังต้องการเงินจึงเดินเข้าไปหาชีกันเพื่อของานทำซึ่งนั่นคือการก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางสายนักเลงที่อาจไม่ใช่ที่ของเด็กหนุ่มอย่างยอนคยู แต่เมื่อมองดูแล้วที่บ้านหรือการพยายามทำอย่างอื่นก็ไม่ได้ช่วยให้เห็นแสงสว่างการเดินเข้าสู่ด้านมืดอาจกลายเป็นแสงสว่างของยอนคยูก็เป็นได้กระนั้นทุกอย่างอาจไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดหรือไม่เล่าเรื่องเรียบง่ายเอาข้างหน้าเป็นไปให้สถานการณ์เป็นตัวเร่งแต่ก็ตามสไตล์งานดราม่าจัดจ้านแบบนี้ เอาจริงบทหนังเรื่องนี้อาจเรียกได้ว่าไม่มีจุดหมายหรือไม่มีที่ให้ไปทำให้ไม่รู้ว่าเรื่องจะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน นั่นคือการเดินหน้าไปเรื่อยๆเหมือนเอาข้างหน้าเป็นไปเพราะไม่มีทางคิดหรือคาดเดาได้ว่าใครจะเจอกับอะไรในเวลาต่อไปซึ่งอาจเหมือนบานปลายไปตามสถานการณ์แต่นั่นคือการวางโครงเรื่องมาอย่างดีแล้ว จึงเหมือนกับพาคนดูให้ตามติดชีวิตของคิมยอนคยู (ฟังแล้วไม่ใช่คิมยอนกิวอย่างที่บรรยายไทย) ที่มีต้นสายแต่มองหาปลายเหตุไม่เจอ แล้วความเยี่ยมมันอยู่ตรงนี้คือเหมือนไม่มีอะไรแต่คนดูกลับรู้สึกเหมือนกับอยู่ในสถานการณ์ที่ยอนคยูต้องต้องเจอต้องคิดหรือต้องตัดสินใจจนอาจมีบ้างที่คิดไปว่าทำไมทำหรือไม่ทำอย่างนั้น แต่นั่นเพราะความฉลาดที่วางตัวละครที่จะพาคนดูไปให้เป็นเด็กอายุสิบแปดที่วุฒิภาวะและวัยวุฒิยังไม่พร้อมแถมยังมีเบื้องหลังที่น่าสงสาร นั่นหมายความว่าคนดูจะเห็นใจตัวละครก่อนแล้วหลังจากนั้นก็เร่งเกมด้วยการใส่สถานการณ์ที่เริ่มไปไกลจนควบคุมไม่อยู่ทำให้เดินหน้าไปอย่างมั่นคงแข็งแรงกดดันดำดิ่งทางอารมณ์ไม่เปิดช่องให้แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาทำให้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นี่คือเรื่องของ "คน / จน / ตรอก" คนสิ้นหวังจนไม่เห็นทางออกในชีวิตหนังจึงออกมาเป็นความอึดอัดกดดันจนอารมณ์ดำดิ่งเพราะอาจไม่คิดว่าบางคนทำไมต้องเจอกับอะไรขนาดนี้ แน่นอนชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่า Hopeless แปลตรงตัวคือสิ้นหวังหนังจึงอบอวลไปด้วยความสิ้นหวังที่ปกคลุมไว้ทุกอณู เพราะถ้ามองให้ดีไม่มีตัวละครใดเลยที่จะมองเห็นความหวังในชีวิตไม่ว่าจะเป็นยอนคยูหรือฮายันหรือแม้กระทั่งลูกพี่อย่างชีกันเองก็ยังมองไม่เห็นทางที่จะหลุดพ้นไปจากจุดที่เป็นอยู่ที่อาจเหมือนดีแต่มันก็ไร้แสงสว่าง หรือแม้แต่ตัวละครรอบข้างรายทางมากมายที่เข้ามาก็ไม่ต่างจากคนที่จนตรอกในทางของใครของมันเรื่องจึงหม่นมืดอับจนหนทาง แถมการไม่เห็นแสงสว่างนั้นยังมาจากการที่หนังไม่ยอมให้มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาอารมณ์คนดูจึงเหมือนถูกกดตลอดเวลา แต่ที่น่าสนใจคือหนังกลับตรึงคนดูได้ได้ตลอดที่เวลาเดินไปจนกระทั่งฉากสุดท้ายที่เหมือนเห็นแสงสว่างแล้วแต่ถ้าคิดให้ดีก็ยังเต็มไปด้วยความมืดมนสิ้นหวังเช่นเดิมเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดหรือผิดมโนสำนึกยิ่งลงลึกยิ่งสิ้นหวังเหมือนยิ่งพยายามก็ยิ่งแย่ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัง เพราะชีวิตคนบางครั้งก็มักเป็นเช่นนี้คือเมื่อสิ้นหวังทุกอย่างก็เหมือนมืดมนหรือมืดแปดด้านมองไปทางไหนไม่เห็นทางออกหรือแสงสว่าง แน่นอนเมื่อเกิดอาการแบบนี้ธรรมชาติมนุษย์ก็ย่อมต้องพยายามให้หลุดพ้นเช่นเดียวกับยอนคยูที่ต้องการจะหลุดพ้นจากนรกขุมหนึ่ง แต่บางครั้งด้วยความเยาว์อาจเกิดความเขลาในการตัดสินใจทำให้การแก้ปัญหาอาจไม่ใช่ทิศทางที่ควรเป็นกลายเป็นพาตัวเองเข้าสู่มุมอับเรื่อยๆ แล้วยิ่งการพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ขัดแย้งกับมโนสำนึกในใจก็ยิ่งทำให้บางอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดก็ยิ่งถลำลึกทั้งที่โดยธาตุแท้แล้วยอนคยูคือเด็กที่จิตใจดี แล้วอะไรที่ผลักเขาเข้าสู่ตรอกที่ทั้งมืดทั้งแคบและตีบตันแต่เมื่อไม่มีทางไปทางอื่นทางเลือกเดียวก็คือเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆจนสุดทางตรอกแคบๆนั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากการที่บางครั้งคนเราก็พยายามแก้ไขอะไรให้มันดีขึ้นแต่น่าเศร้าที่คนเราไม่รู้อนาคตสิ่งที่พยายามทำให้ดีก็ยิ่งแย่ สุดท้ายยิ่งแก้ชีวิตก็ยิ่งพังแต่ใครเล่าจะรู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรเลยอะไรจะเกิดขึ้นพลังการแสดงที่สื่อความสิ้นหวังได้อย่างเต็มทุกมิติทำให้หนังมีพลังทั้งที่มองหาแสงสว่างไม่เจอ ก่อนอื่นต้องบอกว่าต้องเข้าใจบริบทของหนังก่อนจึงจะจับต้องความยอดเยี่ยมทางการแสดงได้เพราะถ้ามองด้วยสายตาที่แปลกไปจากที่หนังต้องการอาจมีรำคาญบ้างในบางลีลา สำหรับเรื่องนี้กับนักแสดงรุ่นใหม่อย่างฮงซาบินที่ผ่านการแสดงหนังมาเพียงเรื่องนี้เรื่องที่สี่และเป็นเรื่องแรกทีรับบทนำ สิ่งที่เห็นคือการถ่ายทอดความสิ้นหวังตาไม่มีประกายหน้าตาไร้รอบยิ้มจนรู้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่มีเศษเสี้ยวเวลาที่ดีในชีวิตหรืออาจเรียกว่าความสุขเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น อีกคนที่เยี่ยมพอๆกันคือบีบีที่ผ่านงานซีรีส์มาหนึ่งเรื่องและหนังสองเรื่องรวมเรื่องนี้แต่กลับมีอะไรน่าค้นหาและมีพลังงานลึกลับดึงดูดสายตาได้และแน่นอนไม่หลุดไปจากธีมของเรื่อง ทำให้ทั้งสองคนคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมทั้งชายทั้งหญิงจากเวที BaekSang Arts Awards 2024 แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งสองคนรุ่นใหม่ได้ถูกประคับประคองด้วยพลังดาราของซงจุงกิที่แม้จะเป็นบทสมทบแต่ก็ยังมีพลังพอที่จะเฉิดฉายและก็ยังถ่ายทอดในสิ่งที่บทหนังต้องการได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคยนี่คืองานดราม่าเข้มจัดที่ถ้าเป็นคอหนังดราม่านี่คืองานที่ทรงคุณค่าแต่ถ้าไม่ชอบหนังดราม่าหนักๆก็อาจไม่บันเทิงเอา นี่คือหนังดราม่าที่เป็นดราม่าแบบจริงจังดราม่าแบบจัดๆดราม่าแบบหนักหน่วงที่พร้อมมาหน่วงอารมณ์คนดู ตลอดเวลาที่ดูยอมรับเลยว่าหารอยยิ้มไม่เจอเลยทุกอย่างที่ประดังเขามาไม่ต่างจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพร้อมพัดพาอารมณ์คนดูไหลตามไปด้วยความแรงของมัน กระนั้นถ้าท่านไม่ชอบดูหนังดราม่าหรือคิดว่าเป็นงานดราม่าที่มีอย่างอื่นแอบแฝงให้เร้าใจบ้างเรื่องนี้ก็อาจไม่ใช่ความบันเทิง เพราะนี่คือดราม่าเพียวๆไม่ผสมโซดาแถมยังตั้งท่ามาแบบไม่มีจุดหมายคืออาจมีบ้างด้วยซ้ำว่าหนังจะสื่ออะไรให้คนดูได้ขบคิดนอกจากอาการสิ้นหวังที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเรื่องตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้าย แต่ถ้าท่านชอบดูหนังดราม่าและถนัดการดูงานดราม่าจัดๆแบบเดียวกับผู้เขียนนี่ก็คืองานในระดับทรงคุณค่าเพราะแม้ว่าเหมือนจะเดินเรื่องไปเรื่อยๆจนเกือบเป็นเอาข้างหน้าเป็นไป แต่ถึงที่สุดคนดูก็ยังอยากติดตามไปว่าอะไรจะเป็นไปต่อไปไม่ใช่รอดูว่าหนังจะลงเอยแบบไหนแบบที่กะจะดูฆ่าเวลาแต่กลายเป็นรวดเดียวซะงั้นดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram plusm_entertainment ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ https://entertainment.trueid.net/detail/mq6LYMM934Vb https://entertainment.trueid.net/detail/r2bMdPZo6Kdyเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !