รีวิวหนัง "Project Power พลังลับพลังฮีโร่" แบบนี้สิ...เติมเต็มฤดูหนังมันส์ๆ ที่หายไป
วิจารณ์ รีวิวหนัง Project Power พลังลับพลังฮีโร่
ปี 2020 กลายเป็นปีที่หนังมีรสชาติกร่อยมากๆ เพราะเจ้าโควิด-19 ตัวดีเล่นงานวงการหนังฮอลลิวูดเสียอ่วม ทำให้หนึ่งในช่วงกอบโกยเงินทองของปีในฤดูร้อน ที่มักจะส่งหนังบ็อกซ์บัสเตอร์เป็นตันลงโปรแกรมฉายเป็นว่าเล่น แต่ผ่านมาเกือบจะเข้าเดือนที่ 9 เรายังไม่ค่อยได้สัมผัสความมันส์ระห่ำเต็มที่จากหนังซัมเมอร์สักเท่าไหร่ กระทั่งการมาของ "Project Power พลังลับพลังฮีโร่" ที่กลายเป็นการมาของสูตรสำเร็จที่มีอยู่ในหนังซัมเมอร์แทบจะทุกอณู และยังมาพร้อมกับประเด็นที่น่าสนใจไม่เบา แม้จะซ้ำๆ ซากๆ อยู่หน่อยก็ตาม
Project Power พลังลับพลังฮีโร่ เป็นเรื่องราวของยาลึกลับตัวใหม่ ที่สามารถปลดปล่อยพลังที่เหนือชั้นกว่ามนุษย์จะทำได้ โดยยาตัวนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะออกฤทธิ์กลายมาเป็นพลังใด แต่จะเวลาที่จะใช้พลังนั้นได้ 5 นาทีต่อการใช้ยาแต่ละเม็ด หากใช้ยาเกินขนาดก็อาจจะส่งผลลัพธ์ที่น่าสยองขวัญกับตัวเองได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลงานที่เมืองทั้งเมืองกลายเป็นความโกลาหล ยาทำให้อัตราอาชญากรรมในนิวออร์ลีนส์พุ่งสูง เพราะใครๆ ก็อยากจะได้ยานี้มาครอบครอง
ยานี้ยังทำให้ แฟรงก์ ตำรวจประจำเมือง, อาร์ต อดีตทหารที่เก็บซ่อนความแค้นที่รุนแรงไว้ในใจ และ โรบิน เด็กสาวผิวสีที่เป็นคนเดินยา ต้องมาข้องเกี่ยวพัวพันกับการออกตามหากลุ่มที่ต้องการหาผลประโยชน์และหวังจะใช้ยานี้ในการมอมเมาประชากร และยิ่งทำให้โลกใบนี้กลายเป็นโลกที่อันตรายเกินกว่าจะควบคุมได้ ต้องยอมรับว่าหนังมาพร้อมกับไอเดียที่เจ๋งพอสมควรเลยทีเดียว แนวคิดเกี่ยวกับการใช้ยาปลุกพลังพิเศษเป็นสิ่งที่ทำให้หนังน่าตื่นตาดี เพราะคนดูต้องมาลุ้นว่าจะออกฤทธิ์เป็นพลังใด
เราได้เห็นพลังเปลวเพลิง, พลังร่างกายกันกระสุน หรือพลังที่สามารถหายตัวได้ แน่นอนว่าหนังสื่อให้เห็นชัดเจนถึงเหรียญสองด้านที่เกิดขึ้นกับยาตัวนี้ เพราะกลายเป็นว่ายาที่ควรจะนำไปใช้ในทางที่ประโยชน์ กลับนำมาใช้แพร่หลายในด้านอาชญกรรมแทน จึงกลายเป็นปัญหาหลักของเรื่องที่ต้องหาทางยับยั้งไม่ให้มีการผลิตยาเพิ่มพลังไปมากกว่านี้
ขณะที่ตัวหนังเห็นได้ชัดว่ามีโทนดิบเถื่อนและมีลูกเล่นที่มีจังหวะจะโคนเป็นอย่างดี เพราะนี่คือผลงานของ 2 ผู้กำกับคู่หู "แอเรียล ชูลแมน" กับ "เฮนรี จูสต์" ที่เคยทำหนังคลูๆ อย่าง Nerve ออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดีย ทั้งคู่มีลายเส้นในการสร้างหนังค่อนข้างเฉพาะตัว งานแอคชั่นสุดระห่ำและน่าตื่นเต้นเป็นสิ่งที่ถนัดทำออกมาได้ถนัดและเหมาะกับโทนของหนังเป็นอย่างดี
หนังยังมาพร้อมกับทีมนักแสดงที่น่าสนใจมากๆ เริ่มด้วย "เจมี ฟ็อกซ์" ที่ไม่ได้เห็นเขามาจับงานหนังแอคชั่นดุเดือดแบบนี้สักพัก เสริมด้วย "โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์" ที่มาในบทตำรวจดีเด่นแต่อยู่ท่ามกลางพวกขบถ การจับคู่ของทั้งสองถือว่าน่าพอใจ อีกหนึ่งคนที่น่าประทับใจไม่แพ้กันก็คือ "โดมินีก ฟิชแบ็ก" นักแสดงสาวดาวรุ่งที่น่าจับตามมองกับทักษะการแสดงของเธอ แม้ว่าบทจะธรรมดาๆ ไม่ได้มีมิติอะไรมากนัก แต่เธอก็สามารถถ่ายทอดออกมาให้มีความซับซ้อนทางความคิดได้อย่างน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักของหนังคือที่สุด หนังมีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แม้ว่าจะดำเนินเรื่องราวไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย เป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังแอคชั่นทั่วไป แต่ประเด็นการออกแบบยาเพิ่มพลังในเรื่องค่อนข้างน่าสนใจ ถือว่ายังสามารถนำเอาไปต่อยอดขยายเรื่องราวออกไปได้เป็นหนังอีกหลายเรื่องได้ดี แม้ว่าฉากปล่อยพลังจะมีไม่เยอะ แต่ปล่อยออกมาแต่ละครั้งก็โชว์งานออกแบบได้อย่างน่าทึ่ง และอลังการงานสร้างจริงๆ (แม้จะเว่อร์ไปหน่อยก็เถอะ)
หนังดึงองค์ประกอบของหนังหลายๆ แนวมาไว้ ทั้งหนังดราม่าพ่อลูก หนังซูเปอร์ฮีโร่ดาร์กๆ หรือพื้นฐานหนังอาชญากรรม ทำให้โดยรวมก็เป็นเพียงหนังแอคชั่นคลีเช่ มีฉากซ้ำๆ ที่เคยเห็นมาก่อนหนังเรื่องอื่นๆ มาก่อน ขณะที่ฉากแอคชั่นก็มีออกมาเรื่อยๆ และน่าเสียดายที่ยังไม่ค่อยเป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่ อีกสิ่งที่น่าสนใจของหนังก็คือการเลือกใช้โลเคชั่นหลักเป็นเมืองนิวออร์ลีนส์ ไม่ใช่แค่เลือกมาเฉยๆ แต่ก็แอบแฝงอะไรเอาไว้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งด้านสังคม การเมือง และคอรัปชั่นต่างๆ เอาไว้ให้คนดูคิดเอาเอง
โดยสรุปแล้ว Project Power พลังลับพลังฮีโร่ ก็ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นกลิ่นอายซูเปอร์ฮีโร่ที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จ ตามสไตล์หนังฟอร์มใหญ่ที่มักจะออกฉายในฤดูร้อนของทุกๆ ปี แต่ปีนี้ฤดูกาลนี้ได้ขาดหายไป หนังเรื่องนี้ก็สามารถทำหน้าที่มาเติมเต็มคอหนังค่อนข้างได้อยู่ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมันส์ไม่สุด ยังไม่ค่อยเต็มเหนี่ยว แต่ก็มาพร้อมกับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจอยู่ เอาเป็นว่านี่คือหนังที่ดูได้เพลินๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Project Power พลังลับพลังฮีโร่
ประเภท : แอคชั่น / ไซไฟ / อาชญากรรม
ผู้กำกับ : แอเรียล ชูลแมน และ เฮนรี จูสต์
นำแสดงโดย : เจมี ฟ็อกซ์, โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์, โดมินีก ฟิชแบ็ก
ความยาว : 113 นาที
เข้าฉาย : 14 สิงหาคม 2020
----------------------------------------------------