หลายคนคงเห็นข่าวจากสนามบินบ้านเรา ว่ากระบวนการตรวจคนเข้าเมืองมีความวุ่นวายอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็แถวยาวเหยียดต่อคิวกันร่วม ๆ 2-3 ชั่วโมง เรื่องความสะดวกสบายแบบนี้อย่ามองว่าไม่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวได้มากมายทีเดียว และเมื่อกระทบต่อนักท่องเที่ยวก็ย่อมกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศเช่นกันจากข่าวความวุ่นวายที่สนามบิน ก็เลยนึกถึงหนังเรื่องนึง คือ The Terminal ที่กำกับโดย Steven Spielberg นำแสดงโดยดาราชื่อดังอย่าง Tom Hank รับบท Viktor Navorski จากประเทศ Krakozhia ในยุโรปตะวันออก หนังอาจจะกวาดเงินและกล่องไปได้ไม่มากมาย แต่ก็เป็นหนังที่ประทับใจเป็นอย่างมาก หนังออกแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ชวนให้ล่องลอยไปบ้าง แต่ก็สะท้อนปัญหาให้เราเห็นได้หลาย ๆ อย่าง ทั้งความวุ่นวายของสถานที่ ความพลุกพล่านของผู้คน การเมืองระหว่างประเทศ การใช้อำนาจ ใช้กฎของเจ้าหน้าที่ การประสานงาน การตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงการเฝ้ารอ และการจากลาของสองนักแสดงนำ ซึ่งรวมถึง Catherine Zeta-jones ในบท Emilia แอร์โฮสเตสสาวสวยด้วยThe Terminal ของ Steven Spielberg สร้างปมให้ตัวแสดงหลายคนได้อย่างลึกซึ้งแยบยล หลายตัวละครในหนังเรื่องนี้ล้วนมีปม มีความลับของตัวเองมีความปรารถนาของตัวเอง แต่ต้องมาอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน บนพื้นฐานความเป็นมาที่แตกตต่างกัน The Terminal เดินเรื่องแบบค่อย ๆ คลี่คลายปมไปทีละส่วน ปัญหา อุปสรรค การคิดหาทางออกว่าจะต้องทำแบบไหน ต้องถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว แต่เพราะประเทศ Krakozhia ของ Viktor Navorski เกิดภาวะสงคราม มีการทำปฏิวัติรัฐประหารพอดีกับที่เขาอยู่ในสนามบินนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้พาสปอร์ต-วีซ่าของเขาถูกยกเลิก ไม่สามารถเดินทางเข้าอเมริกาได้ นั่นจึงเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมดใน The Terminal คือเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็พยายามส่งตัว Navorski กลับประเทศ ตัวของ Navorski เองก็มีเป้าหมายสำคัญที่จะต้องเข้าอเมริกาให้ได้ มุกตลกร้ายใน The Terminal ก็คือการที่เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง พยายามยิงคำถามใส่ Viktor Navorski ว่า “คุณหวาดกลัวประเทศของคุณมั้ย?” Navorski ก็ตอบกลับไปว่า “ไม่หรอก ผมจะกลัวประเทศตัวเองไปทำไม” “ผมกลัวผีมากกว่า” หากเป็นเราเองถูกตั้งคำถาม ก็คงงง ๆ กับคำถาม และการตอบคำถามนี้เหมือนกัน ว่าเราจะหวาดกลัวประเทศเราเองหรือไม่ แต่ก็ไม่แน่บางคนในบางประเทศอาจจะลังเลที่จะตอบก็ได้ แน่นอนว่าทุกการเดินทางล้วนต้องมีเป้าหมาย เป้าหมายในแง่ที่ต่อให้ยังไงก็ต้องไปให้ถึง The Terminal ใช้ฉากอาคารสนามบิน และผู้คนที่เกี่ยวข้องกันในสนามบิน เล่นกับเรื่องการรอคอย เฝ้ารอ และจากลา ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นภารกิจที่ถูกกำหนดขึ้นมาให้ต้องเลือก อาจไม่มีอะไรแทนค่าของกันและกันได้อย่างชัดเจน อย่างความรักพ่อ รักประเทศของ Viktor Navorski หรือกับความรักระหว่าง Navorski กับ Emilia ที่ในสิ่งหนึ่งยังมีอีกหลายสิ่งซ่อนตัวอยู่ บางครั้งเราเลือกไว้แล้ว บางคราวเราก็ต้องตัดสินใจเลือกใหม่ Emilia อาจเลือกทำบางสิ่งเพื่อมิตรภาพ เพื่อเป็นการตอบแทนความรัก ที่ไม่ใช่การครอบครองThe Terminal เป็นการเฝ้ารออย่างมีความสุข รอคอยอย่างไม่มีคำร้องขอใด ๆ เช่นเดียวกันกับภารกิจของ Viktor Navorski เดินทางมาอเมริกาคือการตามหาลายเซ็นสุดท้ายของหนึ่งในราชาเพลงแจ๊สให้กับพ่อผู้ล่วงลับ ทุกสิ่งล้วนมีเป้าหมาย “ชีวิตอาจคือการรอคอย แต่มันก็ไม่ได้มีแค่การรอคอย” เพียงอย่างเดียว ขอบคุณภาพปก ประกอบ The Terminal Movie