เข้าฉายในทาง Netflix กันไปแล้วในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมากับเรื่อง The Platform 2 เรื่องราวที่เล่าต่อจากหนังชื่อเรื่องเดียวกันอย่าง The Platform 1 เห็นว่าเป็นภาค 2 แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็เฉลยเนื้อหาเอาไว้อย่างชัดเจนว่า The Platform 2 ไม่ใช่เรื่องราวที่เล่าต่อจากภาคแรกแต่มันเป็นภาคต้น (Prequel) ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาค 1 เพื่อเติมเต็มเนื้อหาบางส่วนที่แหว่งวิ่นไปนั่นเอง The Platform 2 สนุกไหม ดูแล้วงงหรือเปล่า มาดูเรื่องย่อและรีวิว หลังการดูของเราได้เลยค่ะ รายละเอียด ภาพยนตร์ The Platform 2 หนังเข้าใหม่ใน Netflix 2024 ชื่อเรื่อง: The Platform 2 / El hoyo 2 (ภาษาสเปน) แนวภาพยนตร์: ดรามา เขย่าขวัญ อาชญากรรม ผู้กำกับ: Galder Gaztelu-Urrutia ช่องทางสตรีมมิ่ง: Netflix ระบบเสียงและภาษา: เสียงไทย / ซับไทย วันที่ออกฉายครั้งแรก: 3 ตุลาคม 2567 ความยาว: 1 ชั่วโมง 39 นาที นักแสดงนำ: Milena Smit, Hovik Keuchkerian, Natalia Tena, Óscar Jaenada, Zorion Eguileor Trailer The Platform 2 หนังเข้าใหม่ใน Netflix 2024 https://www.youtube.com/watch?v=hAYD8gge2bA เรื่องย่อ The Platform 2 หนังเข้าใหม่ใน Netflix 2024 แสงทั้งหมดส่องไปยังเปเรมปวน (รับบทโดย Milena Smit) ศิลปินสาวมากฝีมือและได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่เธอกลับตัดสินใจที่จะละทิ้งทุกอย่างและเข้ามาอยู่ใน The pit หรือสถานที่เปรียบเสมือนคุกที่อยู่ในแนวตั้งของ The Platform ด้วยความรู้สึกผิดบาปจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจาก Ego ความเป็นศิลปินใหญ่ของตนเอง เธอตื่นมาในเช้าของอีกวันพร้อมกับซามิอาติน (รับบทโดย Hovik Keuchkerian) ชายร่างท้วมที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ที่ลาออกจากโรงเรียนเพราะหมดความเชื่อมั่นในหลักความรู้และตัดสินใจเข้ามาอยู่ใน The pit ทั้งเธอและเขาต่างเป็นสมาชิกใหม่ของคุกแนวตั้งแห่งนี้ ทั้ง 2 จึงต้องเรียนรู้กฎในการใช้ชีวิต การกินอาหารจากแท่นอาหารที่เลื่อนลงมาจากชั้นสู่ไปยังชั้น 333 ที่เป็นชั้นสุดของคุกมรณะแห่งนี้ ทว่าด้วยสังคมที่ไร้ระเบียบ ผู้คนที่เก็บกินตามใจตนและเลือกกินส่วนของคนอื่นๆ นอกไปจากจานอาหารของตัวเอง (ก่อนเข้ามาอยู่ใน The pit สามารถขอเมนูอาหารที่กินทุกวันของตัวเองได้ 1 เมนู) ส่งผลให้สมดุลความอิ่มเอมผิดเพี้ยน ผู้คนชั้นบนเลือกกินกันอย่างอิ่มเอม ในขณะที่คนชั้นลึกๆ ลงไปต้องทนทุกข์ทรมานกับความหิวนานนับเดือน กฎหมู่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยดากิน บาบี (รับบทโดย Óscar Jaenada) ชายผู้เปรียบเสมือนพระผู้ไถ่ที่สมาชิกใน The pit ต้องยำเกรง ซึ่งดูเหมือนกฎเหล่านี้จัดตั้งมาเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยากให้หายไปเพราะทุกคนต้องกินแค่เพียงเมนูที่ตัวเองเลือกมาเท่านั้น หากใครที่หันหลังให้กับกฎแห่งนี้ก็จะต้องถูกพิพากษาอย่างรุนแรงเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในคุกแนวตั้ง เปเรมปวนที่เดิมทีเคยเลือกปฏิบัติตามกลับพบช่องโหว่ขนาดใหญ่ของกฎที่ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้กุมอำนาจเท่านั้นจึงก่อการขบถครั้งใหญ่พร้อมวางแผนหลบหนีจากคุกแนวตั้งอันแสนโสมม เรื่องราวของเธอจะจบลงอย่างไร? เปเรมปวนจะทำตามแผนที่เธอวางไว้ได้หรือไม่? ติดตามต้นเหตุของเรื่องราวใน The Platform 2 ได้ทาง Netflix มีพากย์ไทยด้วยนะ รีวิว The Platform 2 หนังเข้าใหม่ใน Netflix 2024 Prequel ที่เข้ามาเติมเต็มเนื้อหาบางส่วนที่หายไปในภาค 1 หลังจากที่เราดูจบและพยายามลากเส้นเชื่อมหลายๆ จุดระหว่าง The platform จากภาค 1 และ 2 เข้าด้วยกันก็ทำให้พอเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ในความโหดร้าย โสมมภายใน The Pit หรือสถานที่ที่สมาชิกบางคนเรียกว่าศูนย์จัดการตนเองในแนวตั้ง (Vertical Self-Management Center) ทั้งวิธีการเข้าอยู่รวมถึงระบบแกนหลักของ The pit ทั้งนี้ก็อาจมีมีปมประเด็นบางอย่างที่ดูเหมือนหนังจะยังไม่โยนคำตอบที่ชัดเจนให้เรารู้ และคงต้องอาศัยการตีประเด็นเฟ้นหาคำตอบกันเอาเอง เช่น กลุ่มของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ด้านบนสุดของ The pit คือใคร? ทำไมพวกเขาต้องลงมาในคุก? หลุมลึกล่างชั้น 333 คืออะไรกันแน่ เป็นต้น หนังขยี้ปมเรื่องชนชั้นและความเหลื่อมล้ำจนสะอาดเอี่ยม พล็อตเรื่องยังมาคงในแนวเดิมกับ The Platform ภาค 1 ที่เทียบให้แต่ละชั้นใน The pit เปรียบเสมือนชนชั้นในสังคมเริ่มจากชนชั้นบนสุดที่ร่ำรวย อู่ฟู่ เต็มไปด้วยอาหารและทรัพยากรจึงสามารถใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ นำหน้าชีวิตได้อย่างสวยงาม ลงตัว กลับกันกับชนชั้นกลางค่อนไปล่างที่ทำทุกวิถีทางเพื่อรับเศษซากอาหาร ทรัพยากรที่เหลือไว้เพียงน้อยนิดจากชนชั้นบน ความหิวกระหาย ทำให้สติถูกรีดแน่นจนบางราวกับกระดาษสาที่พร้อมขาดผึงได้ทุกเมื่อและพร้อมใช้สัญชาตญาณดิบเดินหน้าหาทางเอาชีวิตรอดไปวันๆ ไหนจะจุดที่ตัวละครมักพูดกันว่า 'เราจะไม่พูดกับคนชั้นบน และเราจะไม่สนคำของคนชั้นล่าง' ที่เป็นสัญญะได้กลายๆ ว่าไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหนก็พร้อมดูถูก มองข้ามความเห็นและเหยียบย่ำคนที่อยู่ต่ำกว่าได้ไม่แตกต่างกันอยู่ดี มากกว่าแค่เรื่องสังคม แต่ยังอัดแน่นไปด้วยการเมือง การปกครอง ความเชื่อและศาสนา หากเราสังเกตรายละเอียดต่างๆ ที่ The Platform 2 ใส่มาตลอดเส้นทางที่ดำเนินไป ไม่ว่าจะเป็นจำนวนชั้นของ The pit ที่มีทั้งหมด 333 ชั้นสอดคล้องกับหลัก 3 Trinity ของศาสนาคริสต์ ความเชื่อและศรัทธาในตัวพระผู้ไถ่ การใช้ระบบการปกครองเพื่อให้ทุกคนได้กินใช้อย่างเสมอภาคแต่เคลือบด้วยอำนาจและความรุนแรง ฯลฯ The Platform 2 รู้จักจุดยืนของตัวเองเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่หนังปลายปิดที่มีเรื่องจบแบบครบองก์ คนดูจบแล้วร้องอ๋อ แต่เป็นภาพยนตร์ปลายเปิดซึ่งทำให้ร้อง เอ๊ะ? เพื่อกระตุ้นให้ทุกเซลล์ในสมองของผู้ชมคิดต่อไปตามทัศนคติของตนเอง จาก 10 ประเด็นใหญ่สู่ร้อยล้านความเข้าใจที่แตกต่างกัน ซึ่งเราว่าเรื่องนี้มันดีเพราะทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิดกับคนอื่นๆ หลังดูหนังจบได้อย่างออกรส ความรุนแรง ป่าเถื่อนเอาเรื่องกว่า The Platform ภาค 1 ภาคนี้ฉากความรุนแรงมาแบบจัดแน่น จัดเต็มมากกว่าที่โกเร็งและสมาชิกคนอื่นๆ ต้องเจอในภาค 1 มีฉากการตายที่เกิดขึ้นเพราะแหกกฎระบบ The pit และความตายที่เหล่าสมาชิกในคุกแนวตั้งมอบให้ตัวเองรวมถึงหยิบยื่นให้กันอย่างเลือดเย็น หากใครขวัญอ่อน sensitive ต่อลักษณะเนื้อหาแนวนี้อาจต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีก่อนชมหรืออาจจะต้องหาใครสักคนมาดูเป็นเพื่อนไปด้วยกัน ผลงานการแสดงคมจัด ซูฮกให้นักแสดงนำจากเรื่อง The Platform 2 เพราะมีฉากที่ทรงพลังและน่าจดจำอยู่มากมายถึงแม้จะมีเป็นฉากที่อึดอัด เต็มไปด้วยความรุนแรง เลือดสาดกระจายบ้างก็ตาม ตัวละครแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและถูกถ่ายทอดออกมาได้แบบถึงใจ ยิ่งได้ผสมผสานเข้ากับพล็อตเรื่องที่เริ่มจากความอิ่มหนำสำราญ การฉลองเต้นรำยกใหญ่แล้วค่อยๆ สาดสีดำเติมความดาร์กมากขึ้นไปทีละขณะลมหายใจที่เริ่มโรยรินเพื่อเผยความดำมืดในจิตใจของมนุษย์ออกมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เราอินไปด้วยไม่มีหยุด สรุปแล้วสำหรับเรา The Platform 2 ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ พล็อตเรื่องและลักษณะการดำเนินเรื่องยังท้าทายความคิด ความเชื่อของบุคคลเกี่ยวกับเรื่อง การเมืองและการปกครอง สังคม ศาสนาได้อย่างคมคาย หากมีจุดไหนที่ดูแล้วสงสัยการย้อนกลับไปดูภาคแรกคือคำตอบที่ดีเพราะทั้ง 2 ภาคนี้มีบางล็อกที่สามารถเชื่อมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวและทำให้เราเข้าใจเรื่องราวที่ผู้กำกับต้องการส่งสารมาถึงได้ชัดเจนมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่หยิบยกเอาเรื่องนามธรรมที่สัมผัสกับตัวเราอยู่แทบทุกขณะลมหายใจในชีวิตจริงมาปั้นขึ้นรูปให้แจ่มชัดมากขึ้น แต่กระนั้นก็ไม่ใช่รูปทรงที่ตายตัวแต่อย่างใดเพราะมันเป็นรูปทรงอิสระที่สามารถบิดพริ้วไปตามทัศนคติของผู้ชมแต่ละคนได้อย่างไม่มีถูกผิด เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาเพื่อกระตุกจิตให้ได้ลองคิดต่างมุมกันโดยแท้ ภาพหน้าปก ออกแบบโดย ผู้เขียน ภาพที่1 จาก Netflix España ภาพในเนื้อหา ภาพที่1 ภาพที่4 ภาพที่5 จาก netflixes / ภาพที่2 ภาพที่3 จาก milenasmitm / ภาพที่6 ภาพที่7 Netflix España คลิปในบทความ คลิปที่1 โดย Netflix Thailand เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !