ผมเป็นอีกคนที่มีงานอดิเรกคือการดูซีรีส์ เอาเป็นว่าไม่ว่าวันทำงานหรือวันหยุดถ้ามีเวลาว่างเมื่อไรเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูซีรีส์ทันที นี่ก็ผ่านมาอยู่หลายเรื่องยอมรับเลยว่าเจอทั้งเรื่องที่ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ถือว่าเป็นอรรถรสของการรับชมไปแล้วกัน แต่เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสได้ดูซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่ง เปิดดูแค่ตอนแรกเข้าไปถึงกับดูยาวมาราธอนยันเช้าเลยครับ ซีรีส์ที่ว่านั่นก็คือ Star Trek: Discovery ที่ฉายครบทั้ง 3 ซีซั่นแล้วอยู่บน Netflix แต่ที่จะรีวิวขอเริ่มที่ซีซั่นแรกก่อนนะครับ อาจมีสปอยล์บ้างแต่จะมีให้น้อยที่สุดนะครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเนื้อเรื่องของซีรีส์จะแตกต่างกับภาพยนตร์ตรงที่ไทม์ไลน์ช่วงเวลาในเรื่อง โดยเนื้อเรื่องหัวใจหลักของซีซั่นนี้จะเป็นการทำสงครามเพื่อกอบกู้จักรวาลระหว่างสหพันธ์แห่งดวงดาว “สตาร์ฟลีต” กับพวก “คลิงออน” ชนเผ่านักรบที่พยายามจะรวม 24 ตระกูลเข้าด้วยกันเพื่อทำสงครามกับสหพันธ์ฯ ผู้การไมเคิล เบอร์แนม ต้นหนของยานยูเอสเอสเสิ่นโจวในขณะนั้น เธอพยายามทำทุกวีถีทางเพื่อหยุดสงครามครั้งนี้ไว้ให้ได้ถึงแม้จะต้องก่อกบฏกับสหพันธ์และกัปตันของเธอเองก็ตาม หลังจากจบการต่อสู้ในครั้งนั้นเธอสูญเสียทุกอย่าง ผู้การไมเคิลฯ เธอถูกถอดยศและตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในโทษฐานที่ก่อกบฎ ด้วยเหตุการณ์บางอย่างเธอถูกให้เข้าร่วมทำภารกิจกับยานอวกาศนามว่า “ยูเอสเอส ดิสคัฟเวอรี่” (ฟังดูคุ้นๆ ใช่มั้ย! มันคือชื่อเรื่องนั่นเอง) ยานวิทยาศาสตร์และออกสำรวจโลกเพื่อค้นหาอารยธรรมใหม่ๆ ระหว่างที่ทำภารกิจดูเหมือนว่าสงครามกับคลิงออนยังไม่จบลง เธอเองที่มีความหลังอันเลวร้ายจึงต้องกลับมาแก้ตัวและหยุดยั้งสงครามอีกครั้งให้ได้ ความสนุกของซีซั่นนี้มันอยู่ตรงที่เราจะได้เห็นการวางแผนกลยุทธ์ต่อสู้หลายรูปแบบ การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องย้ายมวลสารแบบสปอร์ไดรฟ์อย่างเหนือชั้น มีเรื่องราวความสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งความรักแบบครอบครัว เพื่อนพ้อง และรักใคร่ ขอสปอยล์นิดนึงมีเรื่องจักรวาลคู่ขนานที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและยังมีตัวละครที่เคยปรากฎในภาพยนตร์เข้ามาทำให้เข้าใจความเชื่อมโยงของเนื้อเรื่องมากขึ้น ในตอนใกล้จบซีซั่นแอบมีเซอร์ไพรส์ยานอวกาศเอ็นเทอร์ไพรซ์ทิ้งท้ายเพื่อนำไปสู่ในซีซั่นต่อไป ข้อมูลทั่วไปของซีรีส์ชื่อเรื่อง : Star Trek: Discoveryประเภท : ทีวีไซไฟ , ไซไฟเอเลี่ยน และทีวีแอ็คชั่นและผจญภัยวันที่เข้าฉาย : กันยายน 2017 – กุมภาพันธ์ 2019จำนวนตอน : ซีซั่น 1 จำนวน 15 ตอน (รีวิวในบทความนี้ครับ) ซีซั่น 2 จำนวน 14 ตอน ซีซั่น 3 จำนวน 13 ตอนความยาว : เฉลี่ย 39-60 นาที/ตอนเสียงพากย์ : อังกฤษ (ต้นฉบับ) , ไทย และญี่ปุ่นคำบรรยาย : อังกฤษ (CC) , ไทย , คลิงออน , จีนตัวย่อ และจีนตัวเต็มช่องทางรับชม : Netflixผู้สร้าง : ไบรอัน ฟูลเลอร์ , อเล็กซ์ เคิร์ทซ์แมนนักแสดง (ขอยกตัวอย่างนักแสดงที่โดดเด่นในซีซั่นนี้นะครับ ซึ่งจริงๆ ยังมีอีกมากมาย) : โซเนควา มาร์ติน-กรีน รับบทเป็น ไมเคิล เบอร์แนม แอนโทนี แรปป์ รับบทเป็น พอล สตาเม็ตส์ ชาซาด ลาทีฟ รับบทเป็น แอช ไทเลอร์ เจสัน ไอแซคส์ รับบทเป็น กัปตันเกเบรียล ลอร์ก้า ตั๊ก โจนส์ รับบทเป็น ซารู แมรี่ ไวส์แมน รับบทเป็น ซิลเวีย ทิลลี วิลสัน ครูซ รับบทเป็น ฮิวจ์ คัลเบอร์ มิเชลล์ โหย่ว รับบทเป็น กัปตันฟิลิปปา จอร์จู รีวิวหลังจากการดู : มี 100 คะแนน ก็ให้ร้อยเต็มไม่หัก พยายามหาจุดหักแต้มแล้วแต่ก็หาไม่เจอเลยครับ เริ่มตั้งแต่การเลือกเอาตัวละครหญิงที่ไม่ได้เป็นกัปตันมาเป็นตัวเอกของเรื่อง ซึ่งปกติจะเอาตัวกัปตันมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง ความแปลกใหม่ด้านเนื้อเรื่องที่พลิกไปพลิกมาตลอดระหว่างที่ดูคือต้องตั้งใจดูเลย แต่ก็มีเหตุและมีผลของมันค่อยซัพพอร์ต ส่วนฉากสงครามและการต่อสู้ก็น่าตื่นตาตื่นใจมาก กลยุทธ์ต่างๆ ในเรื่องมีการวางแผนที่ซับซ้อนให้น่าติดตาม และที่สำคัญคือ CG ต้องยอมใจคนทำจริงๆ งานดี งานละเอียดมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบทความนะครับ...เครดิตภาพปก : Star Terk: Discovery Facebookเครดิตภาพประกอบ : ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 และภาพที่ 6 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !