รีวิวหนัง "Red One เรดวัน" พิทักษ์ซานตาคลอสหรรษา ฉบับเล่นใหญ่เกินไปมากกก!

ย่างเข้าสู่เดือนที่ 11 ของปีที่แน่นนอว่าบรรยากาศของการเฉลิมฉลองช่วงปลายปีก็เริ่มจะมีโชยกลิ่นอายออกมาเรื่อย ๆ แล้ว และนี่คือคอนเทนท์หนังที่มาได้เหมาะเจาะกับช่วงเวลานี้จริง ๆ ก่อนจะไปสู่การออกโรงของซานตาคลอส ก็ต้องมาร่วมพิทักษ์ปกป้องเทศกาลนี้ใน "Red One เรดวัน" หนังแอคชันผจญภัยแฟนตาซีฟอร์มดี ที่เป็นการประชันบทบาทของนักแสดงระดับซุปตาร์แถวหน้าเอาไว้เพียบ

โค้ดรหัส เรดวัน ได้สำแดงขึ้น หลังจากที่ซานตาคลอสได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจับตัวหายไป เจ้าหน้าที่แคล หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยแห่งขั้วโลกเหนือ จึงต้องออกโรงปฏิบัติการช่วยบุคคลสำคัญระดับโลก ด้วยการร่วมมือกับนักล่าหัวที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลื่องลือ อย่าง แจ็ค ที่ค่อนข้างประหลาดใจและมึนงงกับสิ่งที่ได้รับการขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือ กลายเป็นภารกิจที่ออกผจญภัยไปทั่วโลก โดยที่เป้าหมายเป็นการช่วยซานตาคลอสและช่วยทำให้เทศกาลคริสต์มาสต้องคงอยู่ต่อไป

และนี่คือผลงานการกำกับและเขียนบทจากฝีมือ "เจค คาสดัน" ที่ถือว่าเป็นการรียูเนียนกลับมาร่วมงานกับ "ดเวย์น จอห์นสัน" อีกครั้ง หลังจากที่หนังชุด Jumanji แฟรนไชส์ล่าสุดที่ผ่านมา แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่าจะต้องบังคับทิศทางของหนังไปในทิศทางใด โดยเฉพาะเมื่อต้นมาอยู่ในธีมหนังครอบครัวสุดหรรษา ที่ไม่เน้นฉากความรุนแรงและคำสบถต่าง ๆ ที่่เป็นพิษภัยต่อกลุ่มผู้ชม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Red One เป็นหนังแอคชันผจญภัยแฟนตาซีที่ฟอร์มใหญ่ฟอร์มดี มีงานสร้างและโปรดักชันที่สมกับราคา ที่ได้ยินว่าเรื่องนี้ใช้เงินทุ่มทุนสร้างถึง 250 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ด้วยสไตล์หนังที่มีทุนหนาก็เลยทำให้อะไรต่าง ๆ ออกมาแบบเล่นใหญ่ไฟกะพริบไปทุกอย่าง ทั้งการเซ็ตฉากและดีไซน์ซีจีเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ยัดใส่เข้ามาแบบไม่กลัวเปลืองเงินกันเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างทำได้ทำถึงในระดับที่น่าพอใจ

ถึงแม้ว่า Red One จะยังค่อนข้างเป็นหนังที่มีโครงสร้างอื่น ๆ ที่อ่อนปวกเปียกอยู่เยอะสักหน่อย โดยเฉพาะในแง่ของบทหนังและการเล่าเรื่อง ที่เอาจริง ๆ โครงสร้างของหนังเรื่องนี้แทบไม่มีอะไรซับซ้อนเลย แต่กลับค่อย ๆ เรียบเรียงและเล่าออกมาแบบบรรจงเกินไป กินเวลาไปถึง 2 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่สามารถจะรวบรัดให้มันเป็นแค่ 100 นาทีก็ยังได้ มีบางจุดที่ย้วย บางจุดที่ยาน ขาดความกระชับอยู่ ถึงมันจะยังค่อนข้างตอบโจทย์ในแนวหนังได้อยู่ก็ตามทีเถอะ

แต่ถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา หากคิดว่า Red One เป็นหนังสตรีมมิงออนไลน์ตามรูปแบบเดิมที่หนังเคยวางคอนเซ็ปต์เป็นหนังลงแพลตฟอร์ม Prime Video เอาไว้ในตอนแรก ก็ถือว่าไม่ติดเช่นกัน เพราะถ้าสัมผัสให้ดี ๆ สเกลของหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างไปในทิศทางนั้น ทั้งองค์ประกอบงานสร้าง ทิศทางของบทหนัง และจังหวะต่าง ๆ เหมาะจะเป็นหนังจอเล่นมากกว่าจอใหญ่ และจะไม่ประหลาดใจเลยถ้าหากว่าหนังเรื่องนี้ไม่ทำเงินบนบ็อกซ์ออฟฟิศ เพราะมาก็สมเหตุสมผลนั้นดี

และถึงหนังเรื่องนี้จะเล่นใหญ่จัดเต็มด้วยการยัดเอาทีมนักแสดงระดับแถวหน้ามาวางเรียงรายกันเพียบ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่สามารถใช้ความพิเศษและอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ได้อย่างคุ้มค่าเลย กลายเป็นแค่เพียงหนังหรรษาสไตล์ฉูดฉาดที่จับเอาดาราเบอร์ใหญ่ ๆ มาเล่นคั่นเวลา และเก็บโกยค่าตัวไปแบบปัง ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น เพราะมิติบทบาทและชั้นเชิงในทุกคาแรกเตอร์ที่หนังใส่เข้ามานั้น แทบไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลยแม้แต่นิดเดียว

เดอะร็อก ก็ยังคงเป็น เดอะร็อก พี่บึ้ก เก่งกาจ แข็งแกร่ง แต่ครั้งนี้ปรับโทนดุดันแบบเด็ก ๆ ใส่ชุดสีสันขึ้นมา แต่อินเนอร์ตัวละครนี้ของเขาแทบไม่ออกเลย ซ้ำยังมากับฉากต่อสู้แบบซ้ำ ๆ เดิม ๆ ที่ไร้เสน่ห์ เช่นเดียวกับ "คริส อีแวนส์" ที่จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเฮียมาเล่นบทนี้ก็ได้ ใครมาเล่นก็ตามเถอะ เพราะมันเหมือนจะเป็นตัวละครที่มีอะไร แต่หนังกลับเมินและไร้ความใส่ใจในการเน้นย้ำตัวละครไปอย่างน่าเสียดาย

และยังมีตัวเป้ง ๆ อย่าง "ลูซี่ หลิว", "เจ.เค. ซิมมอนส์", "เคียร์แนน ชิปก้า" และ "บอนนี่ ฮันท์" ที่ทุก ๆ บทบาทช่างจืดชืดและกลืนไปพร้อม ๆ กับสีสันในตัวหนังไปแทบทั้งหมด จนทำให้คนดูไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรใด ๆ กับตัวละครสักตัวเดียวเลยในหนังเรื่องนี้ กลายเป็นองค์ประกอบของหนังที่คาดหวังเอาไว้ไม่น้อย แต่กลับมีผลลัพธ์ที่ค่อนข้างทำให้รู้สึกผิดหวังเยอะไปสักหน่อย

Red One ที่มีใช้ทุนสร้างไปถึง 250 ล้านเหรียญเรื่องนี้ ถ้าจะบอกว่าทุนที่แบ่งออกสักร้อยล้านมาใช้สำหรับการจ้างนักแสดงก็คงจะไม่กล้าเถียงเลย เพราะเห็นรายชื่อแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะแค่เดอะร็อกคนเดียวก็เขมือบรายได้ไปเกือบจะร้อยละ 20 ของทุนทั้งหมดแล้ว กลายเป็นว่านี่คือหนังที่มองดูทรงพลัง แต่เมื่อได้สัมผัสได้แตะต้องเข้าจริง ๆ แล้ว มอบผลลัพธ์ได้ไม่เปล่งประกายอย่างที่คาดเอาไว้

โดยภาพรวมของหนังเรื่องนี้ ก็ถือว่าไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ใช่หนังที่ดี หนังยังเต็มไปด้วยช่องว่าและจุดโหว่เยอะแยะเต็มไปหมด ราวกับการปล่อยหมัดออกมาได้ไม่เต็มกำลัง จึงทำให้ทุก ๆ ทิศทางของเรื่องนี้ยังไปไม่ถึงจุดที่ควรจะไปถึงได้เลยสักทางเดียว โปรดักชันอาจจะอลังการงานสร้าง แต่องค์ประกอบอื่น ๆ ไม่สามารถส่งเสริมและนำพาไปสู่ถึงดึงดูดใจที่น่าชวนว้าวได้ ก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่นำพาไปทั้งหมดอยู่ดี