(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน)คอภาพยนตร์แฟนตาซีญี่ปุ่นน่าจะเคยดูเรื่อง Death Note (บันทึกมรณะ) กันมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 2006 และเป็นที่ฮือฮามาก หลังจากจบภาคแรกก็มีภาคสองตามมา ไม่เพียงแค่นั้นเพราะยังมี Death Note 2016 ออกฉายอีกภาคหนึ่งด้วย เราดูครบทั้งสามภาค แต่จะขอพูดถึงจุดเริ่มต้นซึ่งก็คือภาคแรกที่สร้างความประทับใจจนต้องตามดูภาคต่อ ๆ ไป เราไม่ได้ดู Death Note ในโรงภาพยนตร์ แต่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อน แต่ด้วยความที่หนังดังมาก เลยต้องหาซื้อแผ่นดีวีดีมาดู พอดูแล้วถึงได้เข้าใจทำไมคนถึงชอบกันนัก หนังทำได้ดีมากจริง ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกแผ่นดีวีดีจุดแรกที่ทำให้หนังสนุกคือ การชิงไหวชิงพริบกันระหว่างตัวเอกสายดาร์คอย่าง ไลท์ (แสดงโดย ทัตสึยะ ฟูจิวาระ หรือ Tatsuya Fujiwara) กับตัวเอกฝ่ายธรรมะอย่าง แอล (แสดงโดย เคนอิจิ มัตสึยามะ Kenichi Matsuyama) ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งคู่ไอคิวสูงและฉลาดเป็นกรด ไลท์ได้ครอบครอง Death Note หรือบันทึกมรณะและทำสิ่งที่ผิดศีลธรรม แต่ความฉลาดทำให้ตำรวจไม่สามารถจับตัวเขาได้ ส่วนแอลที่ผ่านคดียาก ๆ มาแล้วมากมายเพราะสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดมองเกมออก และพยายามไล่ล่าไลท์ ทั้งคู่ต้องห้ำหั่นกันด้วยไหวพริบ ซึ่งทำให้หนังสนุกน่าติดตาม(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) แผ่นดีวีดีจุดที่สองที่ทำให้เราประทับใจหนังเรื่องนี้คือ เนื้อเรื่อง คนแต่งเรื่องเก่งจริง ๆ เพราะผูกเรื่องได้แหวกแนวและแฟนตาซีมาก เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่ไลท์เก็บบันทึกมรณะของยมทูตได้ ไลท์มีพ่อเป็นตำรวจ และเขาก็ต้องการจะเจริญรอยตามพ่อ เขาใช้บันทึกจัดการกับอาชญากรโดยเรียกตัวเองวา "คิระ" และคาดหวังว่าจะสร้างโลกที่ไม่มีคนเลวเหล่านี้ แต่แล้วเมื่อเขาถูกตำรวจไล่ล่า ความดำมืดในจิตใจก็เข้าครอบงำ เขาเอาตัวรอดด้วยการใช้บันทึกฆ่าคนที่ตามล่าเขา รวมถึงพยายามจัดการกับแอลด้วย สิ่งที่ทำให้เราคิดว่าคนแต่งเรื่องเก่งมาก ๆ คือ วิธีการใช้บันทึก ซึ่งทำให้หนังสนุกมากขึ้นไปอีก (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) แผ่นดีวีดีจุดที่สามที่ทำให้ประทับใจคือ นักแสดง ทั้งทัตสึยะและเคนอิจิสวมบทไลท์และแอลได้น่าประทับใจ ทัตสึยะทำให้ตัวละครไลท์ดูฉลาด เหลี่ยมจัด ถึงขั้นทำให้เกลียดเพราะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสายธรรมะไปเป็นสายอธรรม และพอเปลี่ยนไปอยู่สายดาร์คแล้วก็ยิ่งดูเลวสุด ๆ ส่วนเคนอิจิก็แสดงเป็นแอลที่มีบุคลิกแปลก ๆ เรียกว่าติดตาเลยทีเดียวกับลักษณะท่าทางประหลาด ๆ ของแอลจุดที่สี่คือ หนังดัดแปลงจากการ์ตูนได้ดีทีเดียว ในหนังมีฉากสนุก ๆ เหมือนในการ์ตูนค่อนข้างครบ เพราะเท่าที่เห็นฉากชิงไหวชิงพริบระหว่างไลท์กับแอลได้อารมณ์คล้ายกับตอนอ่านการ์ตูนมาก ให้ความรู้สึกลุ้นและสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ จุดที่ห้าคือ หนังจบแบบทิ้งทวนให้เราลุ้นการประลองทางสติปัญญาระหว่างไลท์กับแอล ดูว่าใครจะชนะ ใครจะเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน ก่อนจบคือฉากที่ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ใครจะมีวิธีที่เด็ดกว่ากัน ซึ่งถือเป็นฉากจบที่ทำได้ดีมากเพราะกระตุ้นคนดูให้ลุ้นกันต่อไป (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ปกหลังดีวีดีช่วงนี้เป็นช่วงที่อาจจจะยังไม่เหมาะกับการออกไปดูหนัง เพราะไวรัสโควิด 19 กำลังระบาด การหยิบหนังเก่าอย่าง Death Note ออกมาดู ก็ทำให้รู้สึกสนุกและผ่อนคลายได้ดีทีเดียว ที่สำคัญคือความรู้สึกที่ได้จะต่างจากการดูครั้งแรกด้วย เหมือนกับว่าสามารถเก็บรายละเอียดของหนังได้เยอะขึ้น หากใครอยู่ว่าง ๆ ก็ลองหามาดู เพราะเป็นหนังที่ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง