In My MemoriesCafé Funiculi Funicular : เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น (2018)"บทเรียนชีวิตที่คมคาย ละเมียดละไม งดงาม ซาบซึ้ง ตราตรึง ซับซ้อนแต่เข้าใจง่ายจนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว"ไม่สปอยล์พล็อตเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลานับว่าเป็นพล็อตคลาสสิคของโลกภาพยนตร์ แต่ส่วนมากมักจะเห็นว่าการข้ามเวลานั้นคือการกลับไปพยายามแก้ไขเรื่องราวบางประการที่พลั้งพลาด ซึ่งโดยมากมักจะออกมาเป็นแนวไซไฟหรือแฟนตาซีที่พยายามหาเหตุผลรองรับทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลานั้น ซึ่งจากที่ผ่านสายตาดูไปบ่นไปมามากพอก็พบว่ามีทั้งงานดีที่ขึ้นหิ้งประมาณ Back To The Future ที่เหมือนกับเขียนทฤษฎีให้กับพล็อตแบบนี้ที่งานที่ตามหลังมาระดับดีๆก็มีมากที่แย่ก็มีเยอะ แต่หลังจากนั้นมาถ้าให้นึกถึงในทันทีกับงานแนวนี้ผู้เขียนจะมี About Time (2013) ผุดขึ้นมากับการเล่าเรื่องได้ประทับใจกับทฤษฎีง่ายๆแต่แฝงไว้ซึ่งความน่าหลงไหลในเรื่องราว และหนังเรื่องที่ที่เรียกว่าอยู่ในความทรงจำที่ดีเพราะเป็นหนังญี่ปุ่นที่จะเหมือนจะมีเอกลักษณ์การเล่าเรื่องแบบนี้เฉพาะทาง กับการเดินทางข้ามเวลาที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งที่ตราตึงจนดูได้ไม่มีเบื่อเรื่องย่อณ ร้านกาแฟที่ชื่อว่า Café Funiculi Funicula มีตำนานเล่าขานว่ามีเก้าอี้ตัวหนึ่งที่เมื่อนั่งลงไปแล้วจะสามารถย้อนเวลากลับไปอดีตได้ แต่การย้อนเวลากลับไปนั้นก็มีกฎดังต่อไปนี้1.เมื่อย้อนเวลากลับไปอดีต ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้2.ในอดีตที่ย้อนกลับไปจะไม่สามารถออกจากร้านนี้ได้3.ช่วงเวลาที่อยู่ในอดีต เริ่มเมื่อได้รับการรินกาแฟ และจบลงเมื่อกาแฟเย็นหมดแล้วและมีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถรินกาแฟให้คนย้อนเวลากลับไปได้คือคะสุ (คาสุมิ อาริมูระ) ที่เป็นผู้หญิงของตระกูลโทคิตะเท่านั้น และหนังเล่าเรื่องความรักสี่มุมมองคือความรักของหนุ่มสาวที่ไม่กล้าเอ่ยความใน ความรักของคู่ชีวิตใกล้วัยทองที่ต้องเผชิญกับความทรงจำที่มีร่วมกันกำลังจะเลือนหาย ความรักระหว่างพี่น้องที่ไม่เคยได้เปิดอกและเข้าใจกันจนวันสุดท้ายของชีวิตและความรักสุดท้ายที่เป็นปริศนา แล้วในขณะที่คะสุทำหน้าที่รินกาแฟเพื่อให้คนย้อนอดีตและสามารถเปลี่ยนชีวิตคนนั้นเธอก็พบรักกับเรียวสุเกะ (เคนทาโร อิโตะ) ที่ความรักของเธอและเขาเป็นกุญแจดอกสำคัญในการไขปริศนาของเรื่องราวของการย้อนเวลาถ้าย้อนเวลากลับไปอดีตได้คุณจะกลับไปทำไมแล้วจะไปหาใคร แต่ถ้าการย้อนเวลานั้นมีข้อแม้และไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วได้คุณยังจะกลับไปหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปกับหนังเดินทางข้ามเวลาคนดูมักจะได้เห็นการย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่เคยผิดพลาดหรือการกลับไปสร้างโอกาสที่สองหรือสามสี่แต่เรื่องนี้ไม่เป็นเช่นนั้น จึงทำให้ท้าทายมโนสำนึกในใจคนดูว่าถ้าการกลับไปอดีตแต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้จะกลับไปทำไม กระนั้นก็ยังเห็นกับตาว่ายังมีคนที่กลับไปแล้วกลับมาพร้อมความเปลี่ยนแปลงได้แต่ไม่ใช่เปลี่ยนเหตุการณ์แต่เปลี่ยนที่หัวใจ ด้วยบทที่ซับซ้อนแต่ก็เรียบง่าย กระทั่งการซ้อนเรื่องซ่อนปริศนายังตั้งอยู่บนพื้นฐานของความง่ายแต่กลับไม่มีใครคาดคิด และมีความคมคายในแง่คิดและบทเรียนชีวิตในทุกเรื่องราวแล้วความคมคายที่ว่ายังเป็นธรรมชาติธรรมดาไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด หนังเล่าเรื่องราวของความรักสี่มุมที่กลืนกินอารมณ์ความรู้สึกคนดูได้ทุกเรื่อง หนึ่งคือการย้อนกลับไปเพื่อบอกสิ่งที่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย สองคือการย้อนไปพิสูจน์ว่าในวันที่ความทรงจำของคนที่เรารักเลือนลางยังมีเราในหัวใจเขาถึงวินาทีไหนของชีวิต สามคือการย้อนไปเพื่อร่ำลาและพูดในสิ่งที่ไม่มีโอกาสของพี่กับน้อง และสุดท้ายที่เป็นปริศนาที่เป็นที่มาของเรื่องทั้งหมด หนังยังคงความเป็นหนังญี่ปุ่นที่เงียบๆนิ่งๆเล่าเรื่องผ่านบทภาพยนตร์ที่หนักแน่นแข็งแรงแต่ทุกอย่างร้อยเรียงสัมพันธ์กันตั้งแต่ฉากแรกจนปริศนาถูกเฉลยในตอนท้ายทำให้คนดูไม่มีทางเลี่ยงน้ำตาคลอๆได้ และในความยอดเยี่ยมของบทที่ว่าก็คือหากลองคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องแฟนตาซีที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องในจินตนาการ แต่ในใจลึกๆแล้วกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงและอยากลองนั่งเก้าอี้ตัวนั้นสักครั้งเพื่อย้อนไปบอกอะไรกับใครสักคนก่อนที่จะไม่มีโอกาสอาจโศกจนมีน้ำตาแต่หาใช่มาจากความสลดแต่เกิดจากความซาบซึ้งกินใจเมื่อการใช้โอกาสที่สองของแต่ละครได้สร้างความเปลี่ยนแปลงจากข้างใน ให้มองความรักและชีวิตได้ทะลุผ่านสีหน้าเศร้าซึ้งของคะสุคนรินกาแฟที่เป็นกุญแจ แรกคือความรักของหนุ่มสาวที่ด้วยความสนิทเกินไปจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยความในใจได้จนเพียงคำพูดสักคำที่ไม่กล้าเอ่ยก็ทำให้สูญเสียความรักไป การย้อนเวลาเพื่อเอ่ยคำบางคำที่ติดอยู่ในใจซึ่งอาจไม่เปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้แต่อย่างน้อยก็ได้พูดออกมาใช่หรือไม่ส่วนอนาคตจะเป็นเช่นไรต้องเลือกเอง สองคือรักแท้ที่ครองอยู่เป็นคู่ชีวิตกันมาจนก้าวสู่วัยทองแต่สิ่งเข้ามารุกรานพื้นที่แห่งความรักคืออาการป่วยความจำเสื่อม สุดท้ายความรักจะพ่ายแพ้ต่ออาการเจ็บป่วยได้หรือไม่มันคือเรื่องที่หัวใจต้องพิสูจน์เมื่อคนที่เรารักไม่เหลือเราอยู่ในความทรงจำอีกต่อไปเราจะยังรักเขาได้ขนาดไหน การย้อนเวลากลับไปจึงไปเพื่อให้รู้ว่าคนที่เรารักยังมีเราอยู่ในหัวใจในวินาทีไหนของความทรงจำ กระทั่งเมื่อกลับมาสิ่งที่ทำได้เพื่อคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจคือการได้ดูแลคนที่เรารักในทุกวินาที แม้ว่าทุกครั้งที่ลืมตาตื่นมาอาจจะต้องแนะนำตัวอีกครั้งเพราะแม้ความทรงจำจะเลือนหายแต่ความรักยังคงอยู่ในสายตาและหัวใจเสมอ สามคือความรักระหว่างพี่น้องที่ไม่เคยได้ปรับความเข้าใจกันเพราะตัวพี่สาวออกจากบ้านมาตามหาความฝันของตัวเอง ปล่อยให้น้องสาวรับผิดชอบกิจการของครอบครัวเพียงลำพังโดยที่พี่ก็ลืมไปว่าตัวน้องเองก็มีความฝันเช่นกัน การเลือกที่จะปฏิเสธที่จะพบหน้าคือการหนีความจริงและซ่อนความรู้สึกผิดที่ขโมยความฝันของน้องสาวหนีมาหรือไม่...จนเมื่อน้องสาวจากไปโดยไม่ร่ำลาแผลใจจึงอักเสบและการย้อนเวลาไปเพื่อปรับความเข้าใจเมื่อฝันของน้องหาใช่เรื่องยากอะไรสำหรับตัวพี่ และแม้จะแก้ไขอะไรไม่ได้แต่ก็พลันได้คิดและกลับไปสานฝันของน้องต่อไป และทุกคนที่กลับมาจากอดีตแม้จะแก้ไขปัจจุบันไม่ได้แต่ก็เลือกอนาคตของตัวเองในทางที่ควรจะเป็นและลงเอยอย่างมีความสุขทุกคน แล้วสำหรับคนรินกาแฟล่ะ... การต้องรินกาแฟให้คนอื่นมากมายได้รับโอกาสที่สองแล้วตัวคะสุเองเก็บซ่อนอะไรไว้ในความเศร้าผ่านสีหน้าแววตานั้นตั้งแต่ต้นจนถึงจุดจบของเรื่องที่จะทำให้คนดูอึ้ง เหนือความคาดคิดและน้ำตารินอีกครั้งแต่ก็เป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แม้จะทิ้งไว้ให้คิดว่าถึงที่สุดมีบางคนหลุดพ้นจากบ่วงของเรื่องราวนี้หรือไม่ การแสดงที่ใส่ทั้งจิตวิญญาณลงไปในตัวละคร "คะสุ" ของ "คาสุมิ อะริมุระ"ที่มาพร้อมสีหน้าแววตาบอกว่ามีความสุขก็สุขไม่สุดเหมือนมีปมอะไรมารั้งไว้ไม่ให้ก้าวผ่านเรื่องราวบางประการ และการแสดงของคาสุมิ อาริมุระคือส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องเพราะเป็นแกนหลักและเป็นกุญแจของเรื่องได้สมบูรณ์ที่สุด หนังยังได้นักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยมมารายล้อมและบอกเล่าเรื่องราวความรักต่างมุมได้ลงตัวและประทับใจกับการแสดงระดับยอดฝีมือทั้งโมโตกิ ฟุคามิในบทมาสเตอร์ , ฮารุในบทหญิงสาวเจ้าอารมณ์ , โย โยชิดะในบทพี่สาวที่หอบความฝันของตัวเองและของน้องสาวหนีมาพร้อมความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่ต่างจากการหลอกตัวเองเรื่อยมา ฮิโรโกะ ยาคุชิมารุในบทภรรยาผู้สูญเสียความทรงจำกับความรักที่พยายามรักษาไว้ให้นานที่สุดและยูทากะ มัตสึชิเงะ (จากซีรีส์ "อร่อยเดียวดาย" ทาง Netflix) ในบทสามีที่คงมั่นในรักแม้ความความรักและตัวเองจะเลือนหายไปจากความทรงจำของภรรยาสุดที่รักแต่ก็ยังรักและพร้อมจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอดซึ่งนักแสดงสมทบหลักๆที่กล่าวมาให้การแสดงในระดับยอดฝีมือทุกคน หากจะมีรอยด่างเพียงน้อยนิดในเรื่องคงจะเป็นบทพระเอกของเคนทาโร่ อิโตะที่ความจริงการแสดงของเขาอยู่ในระดับที่ต้องได้รับคำชม เพียงแต่เขาอยู่ในวงล้อมของการแสดงระดับสุดยอดจึงช่วยไม่ได้ที่จะถูกบดบังทั้งเรื่องเพราะบทของเขาคล้ายกับเป็นแรงสนับสนุนเรื่องราวมากกว่าจะเป็นตัวดึงอารมณ์และนั่นคือความน่าเสียดาย หนังยังได้งานด้านภาพที่สวยและมีความหมายตามสไตล์ญี่ปุ่นดนตรีประกอบที่คลอแผ่วเบาแต่ปลุกเร้าอารมณ์และหลอนนิดๆตามท้องเรื่อง ด้วยบทภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งในระดับยอดเยี่ยมการเล่าเรื่องที่มีความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัยไม่เร่งเร้าแต่ไม่น่าเบื่อ มีฉากที่มีความหมายและกินใจกัดกร่อนความรู้สึกให้ตราตรึงมากมาย การแสดงในระดับท็อปทำให้ทุกองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้คือหนังที่ไปถึงระดับยอดเยี่ยมเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดนี้คือความดีงามที่ก่อให้เป็นเรื่องราวแสนประทับใจ ที่แม้จะเล่าเรื่องส่วนใหญ่อยู่ในร้านกาแฟแต่คนดูก็เหมือนมีส่วนร่วมกับทุกเรื่องราวด้วยบทภาพยนตร์ที่เยี่ยมยอด แม้จะคล้ายโศกซึ้งแต่ยังแฝงด้วยอารมณ์ขันแม้บางทีน้ำตาอาจนองหน้าแต่ก็แปลกที่มุมปากมีรอยยิ้ม แล้วอย่างกับที่ในหนังบอกไว้ถ้ากลับไปแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วจะกลับไปทำไมเวลาแค่นี้จะทำอะไรก็ได้ ทว่าทำไมคนที่เลือกรับโอกาสที่สองเพื่อเจอกับใครสักคนเพื่อได้พูดอะไรบางอย่างอาจจะเพียงไม่กี่คำแต่เมื่อทุกคนกลับมาทำไมทุกคนมีรอยยิ้มและทำไมชีวิตทุกคนเปลี่ยน อาจบางทีแม้การได้ย้อนไปพูดคำพูดเพียงไม่กี่คำที่ไม่อาจพูดได้หรือไม่มีโอกาสได้พูดผลที่ได้อาจจะไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนแปลงปัจจุบันแต่อาจเป็นการเติมเต็มช่องว่างในหัวใจเพื่อก้าวต่อไปในอนาคตก็เป็นได้ซึ่งโดยส่วนส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบดูหนังญี่ปุ่นและมั่นใจว่าหนังแนวนี้คงไม่มีใครสร้างและเล่าเรื่องได้ดีเท่าญี่ปุ่นกับหนังที่ไม่พยายามบีบน้ำตาแต่น้ำตาคนดูไหลพราก หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มีคุณค่าให้เป็นหนังในดวงใจของใครหลายคนได้แน่นอน เพราะไม่ว่าจะผ่านหนาวผ่านร้อนมากี่ปีความจริงคือทุกคนต้องมีเรื่องราวบางเรื่องมีคนบางคนมีคำพูดบางคำที่อาจจะยังไม่ได้พูดเพราะไม่กล้าหรือไม่มีโอกาส และหลายคนมักจะคิดอยู่เสมอว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะทำหรือไม่ทำจะพูดหรือไม่พูดในบางเรื่อง แต่น่าเสียดายที่ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีเก้าอี้ตัวนั้นในร้านกาแฟที่ทำให้ได้กลับไปใช้โอกาสที่สอง นี่คือหนังอีกเรื่องที่สามารถประทับตราการันตีได้เลยว่า "อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู"ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพภาพปก,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7 จาก sahamongkolfilm.com หมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไป ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องต่อไปนี้ในความทรงจำ Be With You : ปาฏิหาริย์รัก 6 สัปดาห์ เปลี่ยนฉันให้รักเธอ (2004) งานคลาสสิคที่เรียบง่ายแต่ซึมลึก สัมผัสได้จากความรู้สึกที่ตราตรึงจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !