"รู้หรือเปล่า..ระยะเวลาที่ดอกซากุระร่วงหล่นคือ 5 เซนติเมตรต่อวินาทีล่ะ.."เมื่อระยะทางที่ทำให้เกิดความห่างไกลทางกายภาพ ได้ก่อให้เกิดความห่างไกลทางความรู้สึกได้เช่นกัน ดอกซากุระใช้เวลาร่วงหล่นจากต้นที่ 5 เซนติเมตรต่อวินาที แล้วความรู้สึกของคนเราล่ะ ใช้เวลาแค่ไหนในการร่วงหล่น กระทั่งปลิดปลิวลอยหายไป..ทาคากิ และ อาคาริ คงได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้กับคำตอบ"5 Centimeters per second" หรือชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาไทยว่า "ยามซากุระร่วงโรย" เป็นอีกหนึ่งแอนิเมชั่นที่แม้จะไม่เป็นกระแสเท่าใดนัก แต่สำหรับหลายคนที่มีโอกาสได้รับชม ต่างก็ประทับใจจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว 5 Centimeters per second เป็นผลงานที่ถูกยกย่องว่าเป็น Masterpiece ของผู้กำกับฝีมือดีที่เป็นที่รู้จักจากผลงานเรื่อง Your Name อย่างคุณมาโกโตะ ชินไค ที่แค่เอ่ยชื่อก็การันตีคุณภาพได้เลยล่ะค่ะ เรื่องราวของเด็กหนุ่มสาววัยมัธยม "ทาคากิ" และ "อาคาริ" กับความสัมพันธ์ที่มีทั้งระยะทางและเวลาที่เดินหน้าไม่หยุด มาเจือจางความอบอุ่นในวันที่ความหนาวเหน็บเกาะกุมหัวใจทาคากิ และ อาคาริ ได้พบและรู้จักกันในวันที่ทั้งสองคนรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่มีใครเข้าใจพวกเขาได้อีกแล้ว ทั้งสองคนเติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่ด้วยพื้นหลังของครอบครัวที่ต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างเมือง เป็นเหตุให้ต้องแยกจากกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังคงติดต่อกันผ่านจดหมาย ช่วยบรรเทาความรู้สึกโดดเดี่ยวให้กันได้เสมอ การเจอกันครั้งสุดท้ายของทั้งคู่ ถูกผูกโยงไว้ด้วยความทรงจำในวันที่มีพายุหิมะ และขบวนรถไฟสายนั้นที่นำพาทั้งคู่กลับมาเจอัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่วงโคจรของทั้งสองคนจะกลับมาบรรจบกันได้อีกครั้งในขณะที่คนหนึ่งเลือกที่จะ Move on ต่อไปข้างหน้า อีกคนกลับหยุดตัวเองไว้กับความทรงจำที่เคยงดงาม..Cr : ภาพจาก Official site ของ ComixWave Films ผู้สร้างภาพยนต์"ทาคากิ รู้หรือเปล่า? ระยะเวลาที่ดอกซากุระร่วงคือ 5 เซนติเมตรต่อวินาทีล่ะ.."อาคาริบอกกับทาคากิ เมื่อครั้งเดินทางไปเจอกันที่เมืองหนึ่ง ตอนชมครั้งแรก ยังไม่เข้าใจประโยคนี้เท่าใดนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมการร่วงของดอกซากุระถึงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน จนเมื่อจบเรื่อง และความรู้สึกยังติดค้างอยู่ในใจไปอีกหลายวัน จึงค่อย ๆ ตกผลึกถึง Key message ที่ตัวภาพยนต์พยายามจะสื่อ ซึ่งจริง ๆ แล้ว อาจจะขึ้นอยู่กับว่าการตีความของแต่ละบุคคลค่ะเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่รักมากค่ะ จากวันที่ได้ชมครั้งแรก ก็ยัง Move on จากเรื่องราวสมมตินี้ไม่ได้สักที ฮ่า ๆ ๆ มันติดอยู่ตรงกลางระหว่างความประทับใจและความรู้สึกหน่วง ๆ จุกที่ใจ ทั้งลายเส้นและการบอกเล่าเรื่องราวที่ปราณีตงดงาม Mood & Tone เหงา ๆ และการดำเนินเรื่องแบบนิ่ง ๆ จนเกือบจะเนิบนาบ รวมไปถึงเพลงประกอบที่ซึ้งกินใจ ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมาก และส่งให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนต์แอนิเมชั่นคุณภาพขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเลยว่า "ไม่อยากให้พลาด!"5 Centimers per second เล่นกับความรู้สึกของผู้ชมอย่างมาก แม้จะเดินเรื่องแบบที่เหมือนจะไม่มีปมอะไรทั้งนั้น แต่เหมือนเอาหัวใจของเราไปเหวี่ยงเล่น และสุดท้ายก็เอาเข็มจิ้มให้รู้สึกจี๊ด ๆ แต่ก็ไม่เจ็บ หน่วง ๆ เหมือนมีแผลเป็น ที่ไม่จี้ก็ไม่รู้สึกอะไร อยู่ต่อไปได้ แต่ก็ไม่ลืม เป็นความก้ำกึ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าควรต้องรู้สึกอย่างไร ตรงนี้เป็นจุดที่ต้องชื่นชมผู้กำกับมาก ๆ เลยค่ะ เชื่อว่าหลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ที่คล้าย ๆ กัน มีบางสิ่งค้างคาอยู่ในใจ ไม่สามารถ Move on ได้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน แอนิเมชั่นเรื่องนี้อาจทำให้คุณทั้งชอบ ที่เหมือนมีใครเข้าใจความรู้สึกคุณ แต่ก็อาจจะไม่ชอบ เพราะเหมือนถูกจี้จุดแผลเป็นให้รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง และอาจทำให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรจะ Move on...Cr : ภาพจาก Official site ของ ComixWave Films ผู้สร้างภาพยนต์การเดินเรื่องจะแบ่งเป็น 3 Part ในแต่ละช่วงชีวิตของตัวเอกคือ ทาคากิ พาร์ทแรกคือช่วงเวลาแห่งความทรงจำของทาคากิและอาคาริ พาร์ทที่สองคือช่วงเวลาที่ทั้งคู่ต้องแยกย้ายจากกันไป โดยในเรื่องจะถ่ายทอดผ่านมุมมองของทาคากิ กับชีวิตในเมืองใหม่ที่เขาย้ายไปอยู่ ความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น และสิ่งที่เขาตัดสินใจที่จะทำ หรือไม่ทำ และพาร์ทสุดท้ายคือบทสรุปของความสัมพันธ์ "ยามซากุระร่วงโรย.."อีกจุดหนึ่งที่ต้องขอปรบมือให้กับทีมผู้สร้างจริง ๆ คือเพลงประกอบ เพลง One more time, one more chance ขับร้องโดยคุณยามาซากิ มาซาโยชิ (Yamazaki Masayoshi) น้ำเสียงบาดลึกเข้าไปกรีดหัวใจสุด ๆ ค่ะ เนื้อเพลงก็ลึกซึ้งกินใจมาก ๆ เพื่อน ๆ สามารถทดลองฟังได้ในลิงค์ชื่อเพลงเลย ตอนนี้ถูกยกให้เป็น Top5 ในเพลย์ลิสต์ส่วนตัวแล้วล่ะค่ะ เป็นเพลงที่ยิ่งฟังยิ่ง Move on ไม่ได้เลย ฮ่า ๆ ๆมีเรื่องเล่านอกเรื่องสักนิดค่ะ ตอนไปญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา ระหว่างกำลังเดินเล่นอยู่แถวอาซากุสะเพลิน ๆ ท่ามกลางอากาศหนาวและหิมะตกบาง ๆ ก็ได้ยินเพลง One more time, one more chance ดังมาจากร้านเหล้าร้านหนึ่ง แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้หญิงร้อง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เป็นน้ำเสียงและท่วงทำนองที่เพราะมาก ๆ ปกติได้ฟังแต่เวอร์ชั่นคุณยามาซากิ เพราะภาพรวมของเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดในมุมของทาคากิ ซึ่งเป็นผู้ชาย แต่ในมุมของผู้ชมที่เป็นผู้หญิง เมื่อได้ฟังเพลงเวอร์ชั่นผู้หญิงก็รู้สึกเหมือนมีใครถ่ายทอดความรู้สึกของเราแทน ซึ้งจนน้ำตาไหลจริง ๆ นะ ฮ่า ๆ จนกระทั่งกลับมาที่ไทย ก็พยายามเสิร์ชหาเพลงนี้ที่ร้องโดยผู้หญิง แต่ไม่เจอเลยค่ะ แอบเศร้าแต่ก็ต้องปล่อยไป กระทั่งผ่านไปราวหนึ่งปี จู่ ๆ Youtube ก็แรนดอมวิดีโอหนึ่งขึ้นมา เป็นชื่อเพลงนี้ เลยลองกดฟัง ใช่แล้วค่ะ.. ในที่สุดเพลงที่ตามหาก็ถูกส่งมาถึงเราเองจนได้!ถ้าอยากรู้ว่าเพราะแค่ไหน ลองกดฟังได้เลยค่ะ : One more time, One more chance by TsuzuriCr : ภาพจาก Official site ของ ComixWave Films ผู้สร้างภาพยนต์การพบพาจนกระทั่งจากลาในวันหนึ่ง เป็นสิ่งที่หลายครั้งเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ กว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเหงา ความคิดถึง การรอคอย ก็เป็นสิ่งที่หนักหนาเสียเหลือเกิน บางคนอาจใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถ Move on ใช้ชีวิตต่อไปได้ ในขณะที่อีกหลายคนก็ยังคงจมอยู่กับความทรงจำที่เคยสวยงามในอดีต ไม่สามารถก้าวข้าม ใช้ความหวังหล่อเลี้ยงชีวิตในแต่ละวันดอกซากุระอาจใช้เวลา 5 เซนติเมตรต่อวินาที ในการร่วงหล่น แล้วความรู้สึกของคนที่ต้องจากลาและห่างไกล จะใช้เวลานานแค่ไหน หรือบางที แม้ว่าดอกหนึ่งจะปลิดปลิวลอยหายไปอย่างงดงามตามกาลเวลาแล้ว แต่อีกดอกหนึ่งอาจจะร่วงหล่นลงบนพื้น อยู่เคียงข้างต้นซากุระต่อไปเช่นเดิม..คุณล่ะ เป็นดอกซากุระดอกไหน? :) เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอบคุณภาพประกอบปกจาก Official site ของ ComixWave Films ผู้สร้างภาพยนต์